ช่วง 2-3 วันข่าวใหญ่ ที่อินโดนีเซีย เกิด Tsunami อีกครั้ง ได้ฟังข่าว และพยายามดู TV เพื่อดูว่ามีความรุนแรง ว่าจะอยู่ในระดับใด ซึ่งถ้าหากไล่เรียงดูแล้ว ระยะเวลาไม่ได้ห่างจากที่เกิดที่ประเทศไทยเลย ซึ่งประเทศไทยได้ดำเนินการจัดทำหอสัญญาณเตือนภัยและมีการซักซ้อมไปบ้าง และก็มีเช่นกันที่มีผู้มีหน้าที่โดยตรง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องไปกดสัญาณผิด ทำให้เสียงไปดัง พวกที่อยู่ที่ชายทะเล นึกว่าเกิดจริง ถึงกับหนี บาดเจ็บ มากบ้าง น้อยบ้าง ก็มีการต่อว่ากัน ถือว่าเป็นการซ้อมไปในตัว ก็แล้วกัน กลับมาที่ที่เกิดจริง ข่าวบอกว่าไม่มีสัญญาณไซเรนแจ้งหรือหอกระจายข่าวแจ้งเลยไม่มีใครรู้ การให้ความรู้เรื่องนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดเลย ซึ่งเรื่องนี้ศูนย์เตือนภัยได้แจ้ง มีสัญญาณเตือนว่าเกิดแผ่นดินไหว ขนาด 7กว่า บริเวณใกล้กับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งถ้าผู้รับผิดชอบในทุกระดับได้สำนึกและสังเกตุว่าน้ำลดระดับอย่างรวดเร็ว การแจ้งเตือนโดยเร็ว ความเสียหาย และความสูญเสียย่อมไม่มากนัก ใครมีหน้าที่ต้องรีบทำ และต้องมีการให้อภัยหากมีข้อผิดพลาดเหตุการณ์ไม่เกิดขึ้นจริง
ทำให้คิดไปถึงเหตุการณ์น้ำท่วมที่ไทยเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ความเกี่ยวพันในเหตุการณ์การเตือนล่วงหน้า ซึ่งตามข่าวที่บ้านของกำนันหรือผู้ใหญ่ บอกว่า มีเครื่องขยายเสียงที่สามารถแจ้งข่าวได้ แต่ในความเป็นจริง การเตือนข่าวในช่วงที่ยังไม่มีเหตุการณ์อื่นมาเกี่ยวข้องกระแสไฟฟ้าย่อมใช้ได้ดีทุกอย่าง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ฝนกระหน่ำอย่างแรงย่อมมีสิ่งผกผันเข้ามา ไฟฟ้าดับ ไฟฟ้าสำรองเครื่องสำรองไฟไม่มีจึงเกิดความสียหายกับชีวิตและทรัพย์สิน อย่างมากมาย ประสบการณ์นี้ทำให้ เกิดความคิดว่าอย่างน้อยที่สุดเมื่อมีทางเลือกที่ 1 ต้องมี 2 และ 3 ไฟฟ้าไม่มี ใช้พลังงานอื่น เช่น จากแบตเตอรี่ หรือเซลลแห้ง / เสียงกลอง (แบบผู้ใหญ่ลี) ซึ่งสมัยก่อน ชุมชนชาวบ้านบางท้องถิ่ก็ใช้อยู่ / เสียงไซเรนที่เกิดจากมือหมุน หรือจากแบตเตอรี ควรจะได้เป็นแนวทางการจัดทำเพื่ออนาคต เพราะสิ่งต่างๆที่เลวร้ายไม่มีเพียงครั้งเดียว จะมีครั้งต่อๆไปอีก เพียงแต่บอกไม่ได้ว่าที่ไหน เมื่อใด
ไม่มีความเห็น