เมื่อวันที่17 กค.49 เวลา 08.30-16.00 น. คณะทำงาน KM ของสำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี (สพท.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งในส่วนกลางกรมส่งเสริมการเกษตร ได้จัดเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่อง การจัดการความรู้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่อง KM ให้แก่ผู้บริหาร ผอ.ส่วน ผอ.กลุ่ม หัวหน้าฝ่าย และเจ้าหน้าที่ของ สพท. ประมาณ 50 คน ณ ห้องประชุมกรมส่งเสริมการเกษตร ชั้น 5
หลังจากที่ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานฯ และได้มีการประชุมคณะทำงานฯ เพื่อเตรียมการขับเคลื่อนมาแล้ว 2 ครั้ง (การประชุมครั้งที่ 2) จึงได้ฤกษ์เปิดเวทีขับเคลื่อน KM ในครั้งนี้ สำหรับรายละเอียดกระบวนการมีดังนี้
ภาคเช้า
- ที่ญี่ปุ่น ถือว่าเรื่องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นเรื่องสำคัญมาก เรียกว่า "บะ " เช้ามานั่งกินกาแฟ คุยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เกิดการกระชับความสัมพันธ์ เอาประสบการณ์ที่ได้มาไปทำงาน
- การทำงานต้องเก่งตน เก่งคน และเก่งงาน การทำงานต้องลดอัตตาลง เดินไปหากัน คุยกันบ้าง
- ทำไมต้องมีการจัดการความรู้ เป็นลักษณะ การทำงานยุคใหม่ ใช้ความรู้จากที่เรียนรู้ บวก ประสบการณ์ นำมาประยุกต์ให้บริการ ที่รวดเร็ว ทันใจ งานกรมส่งเสริมการเกษตร ต้องคิดได้ ขายเป็น เน้นคุณภาพ เป็น Vision และ Purpose
- การที่ สพท. จัดงานในวันนี้ เอาความรู้ของท่านมาวางให้ถูกต้อง ทุกวันนี้เราจะผัดก๋วยเตี๋ยวราดหน้า คนหนึ่งถือผัก คนหนึ่งถือน้ำมัน คนหนึ่งถือเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่ไม่เอามารวมกัน กรมส่งเสริมการเกษตร จุดแข็งอยู่ที่ วิชาการ จุดอ่อน อยู่ที่ การรวมกลุ่ม รวมกันไม่ได้ แบ่งกันตามงบประมาณ โครงการนี้ของข้า เป็นหลัก
- ต้องเอาความรู้ไปพัฒนางานหลักของ สพท. ซึ่งมีอยู่ 3 เรื่อง คือ
1) ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยี ถือเป็นหัวใจของกรมส่งเสริมการเกษตร ขณะนี้มีศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ก็คือ หมู่บ้านหลัก นั่นเอง
2) การพัฒนาคน พัฒนาบุคลากร ให้มีความเข้มแข็ง การฝึกอบรมต่างๆ งานกรมส่งเสริมการเกษตรต้องพัฒนาเจ้าหน้าที่ให้สามารถพูดให้เป็น ถ่ายทอดให้ได้ การพัฒนาบุคลากร ต้องพัฒนา วางระบบ เพื่อพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถทันต่อการเปลี่ยนแปลง เดิมเราสอนเกษตรตำบล ให้พอเพียง ไม่ใช่แข่งขัน ตอนนี้ต้องวางระบบใหม่
3) การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สพท.เป็นสำนักฯที่ใหญ่มาก ถ่ายรูปก็เก่งกว่าเขา เขียนข่าวก็เก่งกว่าเขา แต่ทำทีละอย่าง คนเขียนข่าวคนหนึ่ง ถ่ายถาพอีกคน รูปไม่มีข่าวก็ไม่ได้ ข่าวไม่มีรูปก็ไม่ได้ ลักษณะการทำงานแยกกัน ทำอย่างไรให้บรรลุเป้าหมาย
- ตอนนี้ สพท. ต้องมองเป้าหมายเป็นรูปธรรม แต่ละด้านต้องมีความรู้อะไรบ้าง สพท.เป็นหัวใจสำคัญ การจัดการความรู้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก วันนี้ทิศทางของ สพท. ต้องเอาความรู้มาพัฒนาตนเอง เพื่อพัฒนาไปสู่ภูมิภาค
ท่านรองเกรียงไกร คะนองเดชชาติ กล่าวเปิดเวที
-การได้รับแนวนโยบายของผู้บริหารระดับสูง ว่าเดินไปในทิศทางไหนเป็นสิ่งสำคัญ เราจะได้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง อนาคตสำนักฯเรา ต้องก้าวเดินไปพร้อมๆกัน พี่ใหญ่ก็ต้องโอบไหล่น้องๆ
- ท่านอธิบดี ท่านเข้าใจ KM มาก มองถึงผลสัมฤทธิ์ เป้าหมาย และ Process ถานโยบายเปลี่ยน สิ่งต่างๆ ที่เราทำก็ต้องเปลี่ยน ตอนนี้ กรมส่งเสริมการเกษตร จะต้องทำ 3 เรื่อง เหมือนภูเขา 3 ลูก
1) วิสาหกิจชุมชน
2) เกษตรอาสา
3) ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง
-ถ้าเราทำงานตาม Function อย่างเดียวงานตรงนี้ไม่เกิด ต้องเป็นการทำงานแบบบูรณาการ เราจะอยู่แต่ในบ้าน กวาดบ้าน ทำงานบ้านอย่างเดียวไม่ได้แล้ว ต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วย
- ขอให้ทุกคนทำงานในบรรยากาศที่เป็นพี่เป็นน้องกัน ถ้าใจเปิดเสียอย่าง ทุกอย่างก็ทำได้ อยากให้กระบวนการ KM เกิดขึ้นในทุกกลุ่ม ส่วน ฝ่าย
ผอ. สมศักดิ์ สุริโย มอบนโยบายการจัดการความรู้
- โดยก่อนที่จะเข้าเรื่อง KM ได้ใช้เทคนิคการถอดหมวก วิธีการคือ ให้ผู้เข้าประชุมทุกคนเขียนชื่อ นามสกุล และตำแหน่ง ซี ในบัตรคำ ให้หย่อนบัตรลงกล่องที่เตรียมไว้ เสร็จแล้ว และชี้แจงว่า ตอนนี้ ขออนุญาติเก็บยศ ตำแหน่ง ของทุกท่านไว้ก่อน ตอนนี้เรามีแต่เพื่อนร่วมงาน เป็นพี่เป็นน้องกัน มีอะไร ก็แลกเปลี่ยน พูดคุยกันได้อย่างเต็มที่ แล้วจึงเริ่มเข้าสู่การนำเสนอ KM
- ซึ่งเทคนิคนี้ บังเอิญได้อ่านจาก Blog ของคุณหมอวิจารณ์ ที่ลิงค์มาจากจ.นครศรีธรรมราช อ่านแล้วชอบมากเลยค่ะ จึงได้ขอยืมนำมาใช้ ก็นับว่าได้ผลดีทีเดียวค่ะ ...
ภาคบ่าย
สำหรับรายละเอียดของกระบวนการแบ่งกลุ่มในการจัดทำ KV นั้น คุณศิริวรรณ หวังดี ได้เล่าไว้อย่างละเอียดแล้ว เชิญ (คลิก) อ่านได้เลยค่ะ
บรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
นำเสนอผลงานกลุ่ม
Mind map ผลงานกลุ่ม
บันทึกมา ลปรร. ค่ะ
นันทา ติงสมบัติยุทธ์
18 กค.49
ได้เห็นกระบวนการทำงานเพื่อขับเคลื่อน KM
บันทึกละเอียดมากครับ อ่านแล้วเห็นบรรยากาศเลยครับ ได้เรียนรู้ในส่วนของการตั้ง KV แล้วจะลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ