การเรียนรู้ด้วยตนเอง (Self-directed learning)
ในสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ทั่วโลกเต็มไปด้วยข่าวสารและข้อมูลต่างๆ ที่ล้วนส่ง ผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตและการตัดสินใจของผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ที่สามารถเข้าถึง และมีความแม่นตรงของข่าวสารและข้อมูลมากกว่า ย่อมตัดสินใจในสิ่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะ สมและถูกต้อง การรับรู้ข่าวสารและข้อมูลเหล่านี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเรียนรู้ตลอดชีวิตบน พื้นฐานของการเรียนรู้ด้วยตนเอง
การเรียนรู้ด้วยตนเอง มีแนวคิดพื้นฐานมาจากทฤษฎีกลุ่มมานุษยนิยม (Humanism) ซึ่งมีความเชื่อเรื่องความเป็นอิสระ และความเป็นตัวของตัวเองของมนุษย์ ดังที่มีผู้กล่าวไว้ว่ามนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับความดี มีความเป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง สามารถหาทางเลือกของตนเอง มีศักยภาพและพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างไม่มีขีดจำกัด มีความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อผู้อื่น ซึ่งเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับนักจิตวิทยามานุษยนิยม (Humanistic Psychology) ที่ให้ควาสำคัญในฐานะที่ผู้เรียนเป็นปัจเจกบุคคล และมีแนวคิดว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพ และมีความโน้มเอียงที่จะใส่ใจ ใฝ่รู้ ขวนขวายเรียนรู้ด้วยตนเอง มนุษย์สามารถรับผิดชอบพฤติกรรมของตนเองและถือว่าตนเองเป็นคนที่มีค่า
การเรียนรู้ด้วยตนเอง มีกระบวนการ ดังต่อไปนี้
การประเมินความต้องการของตนเอง (Assessing Needs)
การกำหนดจุดมุ่งหมาย (Setting goals)
การกำหนดสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ (Specifying learning content) โดยกำหนดระดับความยากง่าย ชนิดของสิ่งที่ต้องการเรียน พิจารณาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการเรียน ความต้องการความช่วยเหลือ แหล่งทรัพยากร ประสบการณ์ ที่จำเป็นในการเรียน
การจัดการในการเรียน โดยกำหนดปริมาณเวลาที่ต้องการให้อาจารย์สอน ปริมาณเวลาที่ต้องการให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับผู้เรียน ปริมาณเวลาที่ต้องการให้มีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับผู้เรียน ปริมาณเวลาที่ต้องการให้กับกิจกรรมการเรียนด้วยตนเองของแต่ละคน โดยกำหนดกิจกรรมการเรียนตามประสบการณ์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งกำหนดว่ากิจกรรมควรสิ้นสุดเมื่อใด
การเลือกวิธีการเรียนและสื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์การสอน เทคนิคการสอน ทรัพยากรการเรียนรู้ที่ต้องใช้
การกำหนดวิธีการควบคุมสิ่งแวดล้อมในการเรียนรู้ ทั้งสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ และทางด้านอารมณ์
การกำหนดวิธีการตรวจสอบตนเอง โดยกำหนดวิธีการรายงาน/บันทึกการสะท้อนตนเอง จะใช้ reflective practitioner techniques แบบไหน การให้โอกาสได้ฝึกตัดสินใจ การแก้ปัญหา และการกำหนดนโยบาย การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถ clarify ideas ให้ชัดเจนขึ้น
การกำหนดขอบเขตบทบาทของผู้ช่วยเหลือ
การกำหนดวิธีการประเมินผลการเรียน โดยเลือกประเภทของการทดสอบ ลักษณะของการ Feedback ที่จะใช้ วิธีการประเมินความถูกต้องของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และการติดตามประเมินผล
รูปแบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง
การทำสมุดบันทึกส่วนตัว เพื่อใช้บันทึกข้อมูล ความคิดเรื่องราวต่างๆ ที่เราได้เรียนรู้หรือเกิดขึ้นในสมองของเรา สมุดนี้ จะช่วยเก็บสะสมความคิดทีละน้อยเข้าไว้ด้วยกันเพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาเพิ่มเติมให้กว้างไกลออกไป
การกำหนดโครงการเรียนรู้รายบุคคล ที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะเรียนรู้อย่างไร โดยพิจารณาว่าาความรู้ที่เราจะปสวงหานั้นช่วยให้เราถึงจุดประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ ทำให้เกิดความพึงพอใจ ความสนุกสนานที่จะเรียนหรือไม่ ประหยัดเงินและเวลามากน้อยเพียงใด
การทำสัญญาการเรียน เป็นข้อตกลงระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน โดยอยู่บนพื้นฐานความต้องการของผู้เรียนที่สอดคล้องกับเป้าหมายและหลักการของสถาบันการศึกษา โดยกำหนดกิจกรรมการเรียนที่เหมาะสม
การสร้างห้องสมุดของตนเอง หมายถึงการรวบรวมรายชื่อ ข้อมูล แหล่งความรู้ต่างๆ ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ตรงกับความสนใจเพื่อใช้ในการศึกษาค้นคว้าต่อไป
การหาแหล่งความรู้ในชุมชน เช่นผู้รู้ ผู้ชำนาญในอาชีพต่างๆ ห้องสมุด สมาคม สถานที่ราชการ ฯลฯ ซึ่งแหล่งความรู้เหล่านี้จะเป็นแหล่งสำคัญในการค้นคว้า
การหาเพื่อนร่วมเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กัน
การเรียนรู้จากการฝึกและปฏิบัติ ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์
ลักษณะของผู้ที่มีการเรียนรู้ด้วยตนเอง
มีความสมัครใจที่จะเรียนรู้ด้วยตนเอง (Voluntarily to Learn) มิได้เกิดจากการบังคับ แต่มีเจตนาที่จะเรียนด้วยความอยากรู้
ใช้ตนเองเป็นแหล่งข้อมูลของตนเอง (Self Resourceful) นั่นคือผู้เรียนสามารถบอกได้ว่าสิ่งที่ตนจะเรียนคืออะไร รู้ว่าทักษะและข้อมูลที่ต้องการหรือจำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง สามารถกำหนดเป้าหมาย วิธีการรวบรวมข้อมูลที่ต้องการ และวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ ผู้เรียนต้องเป็นผู้จัดการการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ด้วยตนเอง (Manage of Change) ผู้เรียนมีความตระหนักในความสามารถ สามารถตัดสินใจได้ มีการรับผิดชอบต่อหน้าที่และบทบาทในการเป็นผู้เรียนรู้ที่ดี
รู้ "วิธีการที่จะเรียน" (Know how to Learn) นั่นคือ ผู้เรียนควรทราบขั้นตอนการเรียนรู้ของตนเอง รู้ว่าเขาจะไปสู่จุดที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ได้อย่างไร
มีบุคลิกภาพเชิงบวก มีแรงจูงใจ และการเรียนแบบร่วมมือกับเพื่อนหรือบุคคลอื่น ตลอดจนการให้ข้อมูล (ปฐมนิเทศ) ในเชิงบวกเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในการเรียน(Charismatic Organizational Player)
มีระบบการเรียนและการประยุกต์การเรียน และ มีการชื่นชมและสนุกสนานกับกระบวนการเรียน (Responsible Consumption)
มีการเรียนจากข้อผิดพลาดและความสำเร็จ การประเมินตนเองและความเข้าใจถึงศักยภาพของตน(Feedback and Reflection)
มีความพยายามในการหาวิธีการใหม่ๆ ในการหาคำตอบ การประยุกต์ความรู้ที่ได้จากการเรียนไปใช้กับสถานการณ์ของแต่ละบุคคล การหาโอกาสในการพัฒนา และค้นหาข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา(Seeking and Applying)
มีการชี้แนะ การอภิปรายในห้องเรียน การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวและการพยายามมีความเห็นที่แตกต่างไปจากผู้สอน (Assertive Learning Behavior)
มีการรวบรวมข้อมูลจากการได้ปฎิสัมพันธ์กับบุคคลและมีวิธีการนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ (Information Gathering)
สิ่งที่เป็นตัวกำหนดศักยภาพของการเรียนแบบ Self-Directed Learning คือความสามารถและความตั้งใจของ
บุคคล นั่นคือ ผู้เรียนมีทางเลือกเกี่ยวกับทิศทางที่ต้องการไป แต่สิ่งที่จะต้องมีควบคู่กันไปด้วยคือ ความรับผิดชอบและการยอมรับต่อสิ่งที่จะตามมา จากความคิดและการกระทำของตนเอง
ผู้เรียนแบบ Self-Directed จะประสบความสำเร็จได้มักจะมีลักษณะที่มี Self-concept ทางบวก พร้อมที่จะเรียนแบบ self-direction มีประสบการณ์ และมี styles การเรียนเป็นของตนเอง โดยการเรียนแบบนี้จะเน้นที่ลักษณะของผู้เรียน (ปัจจัยภายใน) ที่จะช่วยสร้างให้ผู้เรียนยอมรับความรับผิดชอบต่อความคิดและกระทำของตน และจะให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอกที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถรับผิดชอบต่อการเรียนได้ ปัจจัยทั้งภายในและภายนอกนี้ จะสามารถเห็นได้จากความต่อเนื่องในการเรียนรู้และสถานการณ์การเรียนที่เหมาะสม
ขณะที่ลักษณะบุคลิกของบุคคล การสอน กระบวนการเรียนรู้ เป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจนั้น การเรียนแบบ Self-Directed บริบททางสังคมจะเป็นตัวกำหนดกิจกรรมการเรียน หรือผลที่จะได้ เพื่อจะเข้าใจกิจกรรมการเรียนแบบ Self-Directed อย่างแท้จริง ทั้งนี้เราจะต้องตระหนักถึง ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียน ผู้สอน แหล่งทรัพยากร และมิติทางสังคมด้วย
นอกจากนี้ Hiemstra ผู้ศึกษาถึงการเรียนรู้ด้วยตนเองมานานหลายทศวรรษ ได้ให้ข้อคิดเห็นว่า ควรมีการทำงานวิจัยเพื่อศึกษาหารูปแบบของการเรียนรู้ด้วยตนเองให้ละเอียดยิ่งขึ้น หาวิธีในการนำ และหาวิธีการวัดคุณภาพของการเรียนด้วยวิธีนี้ให้ชัดเจนขึ้น และศึกษาว่าควรจะกำหนดบทบาทของผู้สอนและหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างไรบ้าง
การเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเพราะจะทำให้กลายเป็นคนที่ขยันแสวงหาความรู้ใส่ตัวเองและในสักวันความรู้ที่ได้มาอาจจะนำมาใช้ปราโยชน์ได้เมื่อมีความจำเป็น
จึงอยากให้ทุกคนที่เข้ามาชมในบล็อกนี้
ขยันหาความรู้ด้วยตัวเองให้มากๆนะคะ
จะคอยเป็นกำลังใจให้
เพราะการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ไม่ยาก
ถ้ามีความขยันหมั่นเพียร
โดยเฉพาะการนำเอาความรู้มาใส่ในบล็อกของตัวเองก็เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองเหมือนกันนะคะ
นอกจากนี้ยังเป็นการให้ความรู้แก่บุคคลอื่นที่เช้ามาชมในบล็อกของตัวเองด้วย
การเรียนรู้ด้วยตนเองนั้น
มีวิธีการที่หลากหลายซึ่งขึ้นอยู่กับความสามรถของแต่ละบุคลล
และถ้าหากใครที่มีความสนใจจะนำวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเองที่นำเสนออยู่ข้างต้นนี้ไปใช้ก็ได้นะคะ
น่าสนใจมากคะ กำลังศึกษาวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเองเช่นกัน โดยใช้ "ระบบ" เป็นตัวกระตุ้น คะ ขอบคุณคะ
http://gotoknow.org/blog/panarat
นางสาวประภัสสร เหล็กคำตู้
ดิฉันก็สนใจม๊าก มากค่ะ เพราะการเรียนรู้ด้วยตัวเองเป็นการกระตุ้นให้ตัวของเรารู้จักรับผิดชอบต่อตนเองและเป็นการเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าหากเรามีความพยายามที่จะศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง แล้วสักวันหนึ่งเราจะต้องประสบความสำเร็จในอนาคตที่ตั้งไว้แน่ค่ะ
http://gotoknow.org/blog/phapatson21
เป็นเรื่องที่ดีมากเลย และสร้างให้ได้น่าอ่านจริง ๆ ค่ะ
เป็นเรื่องใกล้ๆ ตัวที่หลายๆ คนมองข้าม น่าศึกษานะคะ เหมือนกับว่าคนเราตามธรรมชาติแล้ว ส่วนใหญ่เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งสิ้น เพราะถึงแม้คนแต่ละคนจะมีพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ แต่สิ่งที่หล่อหลอมการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลย่อมอยู่ที่ตัวบุคคลเอง น่าสนใจคะ เป็นกำลังใจให้ในการศึกษาเรื่องนี้ต่อๆ ไป
Carol S. Dweck ได้กล่าวถึง คนที่มีกรอบความคิดจำกัด และ คนที่มีกรอบความคิดเติบโต ไว้ในหนังสือ Mindset "...ลองนึกถึงภาพโธมัส เอดิสัน ให้ขัดเจนที่สุดเท่าที่คุณทำได้ นึกดูว่าเขาอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่ เขาอยู่คนเดียวหรือเปล่า? ฉันถามผู้คนต่างๆ และพวกเขามักจะพูดอะรทำนองนี้
- เขาอยู่ในห้องทดลองซึ่งแวดล้อมไปด้วยเครื่องมือต่างๆ ทำงานอยู่กับเครื่องเล่นแผ่นเสียง ลองทำอะไรบางสิ่ง แล้วเขาก็ประสบความสำเร็จ! (เขาทำงานอยู่คนเดียวหรือเปล่า?) ใช่ เขาทำงานลำพังเพราะเขาเป็นคนเดียวที่รู้ว่าต้องการบรรลุเป้าหมายอะไร
- เขาอยู่ที่นิวเจอร์ซี ใส่ชุดเสื้อคลุมสีขาวยืนอยู่ในห้องทดลอง กำลังก้มหน้าทำงานอยู่กับหลอดไฟฟ้า ทันใดนั้น มันก็ใช้การได้! (เขาทำงานอยู่คนเดียวหรือเปล่า?) ใช่ เขาเป็นคนหนุ่มรักความสันโดษซึ่งชอบทำงานด้วยตนเอง
ในความเป็นจริง จากการบันทึกแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนที่แตกต่างจากที่เราคิด และวิธีการทำงานที่แตกต่างออกไป
เอดิสันไม่ใช่คนทำงานคนเดียว เขามีผู้ช่วย 30 คนสำหรับการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี บ่อยครั้งที่ต้องทำงานเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวันในห้องทำลองทันสมัยที่สุดของบริษัท"
"...ใช่แล้ว เขาเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก ผู้เขียนชีวประวัติของเขา พอล อิสราเอล ศึกษาข้อมูลที่มีทั้งหมดและคิดว่าเขาเป็นเพีบง เด็กธรรมดาคนหนึ่งในเวลานั้น ทอม (โธมัส) ซึ่งเป็นเด็กหนุ่มหมกมุ่นอยู่กับการทดลองและเรื่องเกี่ยวกับเครื่องจักรกล (บางทีน่าปรารถนามากที่สุด) แต่เครื่องจักรและเทคโนโลยีก็เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การทดลองของเด็กหนุ่มชาวมิดเวส์ตธรรมดา..." "
ส่วนหนึ่งจากหนังสือ เปลี่ยน Mindset... ชีวิตเปลี่ยน ซึ่งแปลจากหนังสือ Mindset ของ Phd., Carol S. Dweck
ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สำหรับ คำที่ว่าการเรียนรู้ชีวิตของเรานั้นมีมาตั้งแต่เกิดแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ใครสอนเกี่ยวกับการใช้ชีวิต หรือสร้างนิสัย ความเป็นอยู่ต่างหากล่ะที่บ่งชี้การดำเนินชีวิตของพวกเรา โดยขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของเรามากกว่า เช่น คนที่เกิดมาในโลกแคบก็จะเรียนรู้อะไรไม่ค่อยได้ ผิดกับสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยสิ่งต่างๆมากมายก็จะทำให้เราซึมซับเอาสื่งเหล่านั้นมาใช้ประกอบเป็นลักษณะนิสัยส่วนตัวของเราเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเองในที่สุด
สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้คนที่เกิดมาทุกคนเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายถ้าพูดถึงในปัจจุบันแล้วเด็กๆมีการเรียนรู้มากกว่าเด็กสมัยก่อนโดยเฉพาะการเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่นั่นเอง..................................
งง ไหมอ่ะ..................เด็กดอกกันเกรา.....................ศรีเกษอิอิอิอิ
ยังไงก็แล้วแต่คนเราก็ต้องเรียนรู้ชีวิตด้วยตนเองตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะชีวิตเราเลือกกำหนดเอง เดินเอง ก้าวเอง ไม่มีใครจูงเราไปเหมือนกับวัว ควาย ฉะนั้นเราก็ทำตัวให้อิสระ มีความสุขกับการสร้างกรอบของตัวเองให้ดี เพราะเวลาข้างหน้ายังรอเราอีกหลายวัน หลายปี
อยากถามว่าการที่เราเกิดมาในโลกนี้แล้วทำไม คนเราจำเป็นต้องวางกรอบไว้ตลอดเวลา เช่นว่าจะต้องเป็นโน้น นี่ แล้ววันหนึ่งเกิดมันไม่เป็นตามกรอบที่เราวางไว้เราควรใช้ชีวิตโดยการเรียนรู้ชีวิตตัวเองได้อย่างไรคะ..................ตอบหน่อยจิ.........
เด็กดอกกันเกรา................
ก็ไม๋รู้เหมือนกันนะคะว่าคนที่หลงเข้ามาในบล็อกนี้ ..เป็นคนที่สวรรค์บันดาลให้แวะเข้ามา..หรือว่าเป็นคนที่มีคุณลักษณะที่เขาเรียกกันว่า..บุคคลที่มีการเรียนรู้ด้วยตนเองด้วยกับเขาหรือเปล่า..แต่อยากให้คุณรัตน์..เล่าเรื่องเกี่ยวกับการใช้..การเรียนรู้ด้วยตนเองสร้างองค์ความรู้ที่ยั่งยืนสำหรับผู้ใหญ่ที่ขาดโอกาสทางการศึกษา..แล้วจะแวะเข้ามาอีกนะคะ..สวัสดีค่ะ
ดีมากๆเลยค่ะ
ทำไมนามสกุลเหมือนกันจังคะ เขียนเหมือนกันด้วยอยู่จังหวัดไหนคะนี่อยู่เชียงราย
น่าสนใจมากและมีประโยชน์มากครับ ขออนุญาตนำบางส่วนของบทความไปอ้างอิง
ในวิทยานิพนธ์ครับ
ขอแสดงความยินดีด้วยครับ เพราะการเรียนรู้คนเราเรียนรู้ตลอดชีวิตอยู่แล้ว การเรียนรู้ด้วยตนเองถือเป็นความงอกงามของชีวิตมนุษย์ทุกคน อยากให้กำลังใจสำหรับผู้แสวงหาความรู้ คนแสวงหาความรู้ย่อมได้ปัญญา ปัญญาเป็นแสงสว่างของโลก แต่เหนือสิ่งอื่นใด หลักทางพระพุทธศาสนา ได้สอนให้เราเรียนรู้ภายในตัวของเราเองคือรูปกับนามครับ จงเข้าใจความหมายชีวิตที่แท้จริง เรียนรู้ชีวิต แล้วจะเรียนรู้ที่จะรักตนเอง รักคนอื่นและรักโลกใบนี้อีกมาก ขอให้เราเรียนรู้ฉลาดพอที่จะหายใจอย่างมีความหมาย
สวัสดีค่ะ ;เพิ่งเข้ามาดูครั้งแรกค่ะ การเรียนรู้ด้วยตนเองนั้นทำให้ค้นพบสิ่งที่ เราไม่รู้แต่กับรู้ด้วยตนเองโดยไม่มีใครบอกเราเลย