การจัดการเรียนการสอนสำหรับวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งใช้การ์ตูนถือเป็นนวัตกรรมอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้เรียนเกิดความอยากรู้อยากเรียน เนื่องจากในวัยของนักเรียนมีความสนใจที่จะเรียนรู้จากการ์ตูนมากกว่าครูเป็นผู้สอน ถึงอย่างไรก็ตามการใช้สื่อหรือนวัตกรรมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับทักษะกระบวนการของครูผู้สอนด้วย หลังจากการใช้สื่อแล้ว ครูผู้สอนควรเป็นผู้ชี้แนะแนวทางการสรุปสาระสำคัญของเนื้อหาให้นักเรียนได้เกิดมโนทัศน์ และเกิดกระบวนการเรียนรู้ด้วย
ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์มาก ดังนั้นครูวิทยาศาสตร์ควรตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่น้อยไปกว่าเนื้อหา เนื่องจากวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่ประกอบด้วยความรู้และกระบวนการแสวงหาความรู้ ฉะนั้นวิธีการหนึ่งที่ได้มาซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ การมีความสามารถในการใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชุมแสงสงคราม “อุดรคณารักษ์อุปถัมภ์” อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก มีทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์อยู่ในระดับปานกลาง (56.45%) ดังนั้น ครูเป็นผู้มีบทบาทอย่างมากที่จะช่วยพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้สูงขึ้น ด้วยวิธีการทำสื่อการเรียนการสอนชนิดต่างๆมาใช้ ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะทดลองใช้การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชุมแสงสงคราม “อุดรคณารักษ์อุปถัมภ์”
คำถามวิจัย
การให้นักเรียนเรียนรู้โดยการใช้การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ผลที่ได้ควรเป็นอย่างไร
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาระดับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชุมแสงสงคราม “อุดรคณารักษ์อุปถัมภ์” ก่อนและหลังการใช้การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. เพื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
โรงเรียนชุมแสงสงคราม “อุดรคณารักษ์อุปถัมภ์” ก่อนและหลังการใช้การ์ตูนด้วยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ตัวแปรการวิจัย
ตัวแปรต้น การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ตัวแปรตาม ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน
แนวทางแก้ปัญหา
ใช้สื่อการเรียนการสอน คือ การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
กระบวนการวิจัย
1. ระยะเวลาดำเนินการ 27 มิถุนายน 2548 – 15 กรกฎาคม 2548
2. กลุ่มทดลอง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 33 คน โรงเรียนชุมแสง สงคราม “อุดรคณารักษ์อุปถัมภ์” ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2548
3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
3.1 แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ จำนวน 3 แผน ใช้เวลาสอน 6 ชั่วโมง
3.2 แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
3.3 การ์ตูนเกี่ยวกับด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
3.4 แบบสอบถาม ความคิดเห็นที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ กรณี
ศึกษา : การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
4. กิจกรรม
4.1 ศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับการสร้างการ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์และแบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
4.2 เขียนแผนการจัดการเรียนรู้
1) สร้างการ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2) สร้างแบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
4.3 เขียนแบบสอบถาม ความคิดเห็นที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
กรณีศึกษา การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
การเก็บรวบรวมข้อมูล
1. ทดสอบวัดทักษะกระบวนทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ก่อนการใช้การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยแผนการจัดการการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
โดยให้นักเรียนศึกษาการ์ตูนเกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทำแบบฝึกหัดทีละทักษะ ๆ ละ 20 นาที จนครบ 8 ทักษะ
3. เมื่อดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครบ 6 ชั่วโมง ให้นักเรียนตอบแบบ
สอบถามความคิดเห็นที่มีต่อกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ : กรณีศึกษา ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
4. วัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน หลังการใช้การ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. หาค่าเฉลี่ยของระดับความคิดจากแบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ : กรณีศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2. หาค่าเฉลี่ยแบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังเรียน
3. นำค่าเฉลี่ยผลการประเมินความคิดเห็น ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ฯและทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ก่อนและหลังเรียนเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดให้
3.1 เกณฑ์พิจารณาความคิดเห็น ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เทียบเป็นร้อยละมี
4 ระดับ ดังนี้
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 50.00 – 59.00 หมายถึง พอใจน้อยที่สุด
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 60.00 – 69.00 หมายถึง พอใจน้อย
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 70.00 – 79.00 หมายถึง พอใจมาก
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 80.00 – 100.00 หมายถึง พอใจมากที่สุด
3.2 เกณฑ์พิจารณาระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทียบเป็น
ร้อยละมี 5 ระดับ ดังนี้
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 0.00 – 20.00 หมายถึง มีระดับต่ำมาก
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 21.00 – 40.00 หมายถึง มีระดับต่ำ
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 41.00 – 60.00 หมายถึง มีระดับปานกลาง
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 61.00 – 80.00 หมายถึง มีระดับสูง
ค่าเฉลี่ยร้อยละ 81.00 – 100.00 หมายถึง มีระดับสูงมาก
สรุปผลการวิจัย 1. ค่าเฉลี่ยความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ : กรณีศึกษาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยภาพรวมอยู่ในระดับที่ดีมาก
2. ค่าเฉลี่ยร้อยละของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
2.1 ทักษะการสังเกต มีค่าระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภาพ
รวมอยู่ในระดับสูง
2.2 ทักษะการจำแนกประเภท มีค่าระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง
2.3 ทักษะการวัด มีค่าระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภาพรวม
อยู่ในระดับสูง
2.4 ทักษะการคำนวณ มีค่าระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง
2.5 ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างปริภูมิกับปริภูมิและปริภูมิกับเวลา มีค่าระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง
2.6 ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล มีค่าระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง
2.7 ทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล มีค่าระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง
2.8 ทักษะการพยากรณ์ มีค่าระดับของทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในภาพรวมอยู่ในระดับสูง
ข้อเสนอแนะ
ผลการวิจัยครั้งนี้ พบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยภาพรวมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนชุมแสงสงคราม “อุดรคณารักษ์อุปถัมภ์”
ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสูง (70.62%) แสดงว่านักเรียนส่วนใหญ่มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อยู่ในเกณฑ์สูงขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการ์ตูนด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สามารถใช้เป็นแนวทางแก้ไขการเรียนรู้ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ เนื่องจากการวิจัยครั้งนี้ใช้การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพียง 1 ห้อง คือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 เท่านั้น ซึ่งเป็นนักเรียนที่เรียนแผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ดังนั้นในการวิจัยชั้นเรียนครั้งต่อไปควรทำการวิจัยทุกห้องเพื่อนำมาเปรียบเทียบกันระหว่างห้องเรียน ดังนั้นครูจึงควรทำการวิจัยในชั้นเรียนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ซึ่งจะส่งผลดีต่อนักเรียนโดยตรง
ผู้ส่ง นางสาวสุภาพร กางทะวร โรงเรียนชุมแสงสงคราม “อุดรคณารักษ์อุปถัมภ์” อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โทร. 0-9568-4422