เข้าใจตนเอง เพื่อเข้าใจโลก(ชีวิต)


ศรัทธาในพุทธศาสนา และคิดว่าการทำงานคือการปฏิบัติธรรมช่วยเสริมพลังทางบวกแก่ตนเองได้มาก

ได้อ่าน blog ของอ.วิจารณ์ แล้วอยากบอกเล่าการเสริมพลังด้านบวกของตนเองเพื่อเป็นการลปรร. ปกติแล้วตัวเองจะชอบอ่านหนังสือธรรมะ บทความธรรมะ และแสวงหาครูบาอาจารย์ทางธรรม ซึ่งก็จะมีเหตุปัจจัยที่ได้เจอะเจอข้อธรรมะที่โดนใจอยู่เป็นประจำ ช่วงสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในวันอาสาฬหบูชาที่สนามหลวง (6-11 กค.49)ไปเดินเลือกซื้อหนังสือธรรมะราคาถูกได้มาหลายเล่มซึ่งมีเล่มหนึ่งนิพนธ์โดยสมเด็จพระสังฆราช ชื่อหนังสือ "โลกและชีวิตในพุทธธรรม" ส่วนที่โดนใจในหนังสือ

คำว่า "โลก" แปลว่า สิ่งที่สลายไป ซึ่งมีคำที่เกี่ยวข้องคือ "ธาตุ" แปลว่า สภาพที่ทรงดำรงอยู่ การแยกให้รู้ตัวธาตุคือรูปกาย นามกาย ของตน เป็นอุปการะสำคัญในการปฏิบัติธรรม

ความตรัสรู้ กับความรู้ธรรมดา ต่างกันอย่างไร  ความรู้ทางหู ตา นั้นเป็นเพียงสิ่งที่จำมาเท่านั้น ยังไม่เป็นญาณ( intuitive insight)ที่หยั่งถึงสัจจะ มิใช่สิ่งที่เกิดจากการคำนวณ แต่ต้องอาศัยความรู้แจ้งแทงตลอดอันตรงกับคำว่า ปฏิเวธ(penetration )

โลกธรรมต่างๆได้แก่ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ ทุกๆคนก็ประสบอยู่  ในขณะที่ได้สำนึกได้สติขึ้น ก็จะเป็นโอกาสให้ปัญญามองเห็นธรรม ใช้ธรรม สร้างความเจริญและความสุขกันต่อไป ถ้ารู้จักโลกและชีวิตก็จะไม่แปรปรวน

มนุษย์สร้างกรรม กรรมสร้างชีวิต  ความเป็นเราในปัจจุบันเกี่ยวกับกรรมคือเจตนาของเราเอง เจตนากรรมนี้เป็นผู้บังคับบัญชาตัวเรา จึงทำกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมต่างๆทั้งทางดี ทั้งทางชั่ว

วิชาละอกุศลกรรม และวิชาละความทุกข์ใจนี้ เป็นวิชาสำคัญที่ต้องเรียนให้รู้ ถึงจะรู้วิชาอื่นท่วมท้น แต่ขาดวิชานี้ ก็จะรักษาตัวรอดได้โดยยาก

คนเราเมื่ออายุมากขึ้น ต่างก็มีความหลังมากขึ้น หากมีสติเลือกเฟ้นออกมาว่า การอันใดที่ทำไปแล้วเป็นผิดเป็นโทษ การอันใดเป็นถูกเป็นคุณ เรียกว่าวิจัยตนเอง ทำให้มีความรู้จักตนเอง ความหลังที่เป็นผิดเป็นโทษก็จะยุติ สิ้นอำนาจที่จะครอบงำชีวิตปัจจุบันต่อไป ส่วนความหลังที่เป็นถูกเป็นคุณ  ก็จะสืบต่อกระแสชีวิตปัจจุบันต่อไป สติและธรรมะวิจัย  จึงจำเป็นต่อทุกคน คนที่ขาดสติกับธรรมะวิจัยย่อมเป็นคนที่หลงตนเอง แพ้ใจตนเองย่อมสร้างกรรมที่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อน

นี่คือส่วนที่โดนใจในหนังสือเล่มนี้   ดิฉันเองมีศรัทธาในพุทธศาสนา รวมทั้งพยายามคิดว่าการทำงานคือการปฏิบัติธรรมช่วยเสริมพลังทางบวกให้ตนเองได้มาก

หมายเลขบันทึก: 38692เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2006 08:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
สาธุ สาธุ สาธุ และขอขอบคุณมากๆ นะคะ ได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมะฉบับสรุปย่อที่ดีเยี่ยม รวมทั้งพยายามนำไปปฏิบัติด้วยค่ะ

อยากให้ทุกคนได้อ่าน  เพราะ อ่านแล้วจะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน  การทำงานด้วยสติ  การมีชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ไม่หลุ่มหลงด้วยโลกธรรม8 คือมีลาภ  เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ  สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์  ซึ่งทุกๆ  คนก็ต้องประสบพบอยู่   ถ้าเราเข้าใจหลักความจริงอันนี้ได้  เราจะไม่ทุกข์   สิ่งที่จะช่วยเราได้คือ การมีสติระลึกรู้เท่าทันปัจจุบัน ถ้าทำได้ชีวิตจะสงบเย็น เราจะทุกข์น้อยลง  สติเป็นเหมือนเกราะที่คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทุกเรื่อง  ดิฉันเคยถูกคนว่าใส่แบบมีอารมณ์  แต่พอเรามีสติตั้งรับทัน เราก็สามารถฟังคนอื่นว่าเราได้ ด้วยใจที่สงบเย็น  มันก็ไม่มีเรื่อง แต่ถ้าเราไม่มีสติ  ต่างคนต่างใช้อารมณ์ใส่กัน ก็คงต้องทะเลาะกัน มีเรื่อง งานก็เสียหายอีก  ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ใครอยากมีความสุข ลองนำไปใช้ดูนะ  พยายามฝึกบ่อยๆ และต้องมองโลกในแง่ดี คิดในทางบวก มองให้เป็นธรรมะ

  • เห็นด้วยคร้าบพลังความคิดบวกเยี่ยมที่ซู้ดอยู่แล้ว
  • รู้สึกว่าพักนี้พี่ปิ่งจะห่างหายไปนาน สงสัยจะยุ่งมากใช่ม้า? พักผ่อนบ้างนะจ๊ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท