เนื่องจากวันที่ 12-13กค.49สถาบันถูกสื่อคือรายการของคุณสรยุทธ์และหนังสือพิมพ์ข่าวสด ให้ข่าวว่าสถาบันสั่งให้ฆ่าหมาและแขวนหนังหมาที่หน้าสถาบัน ความจริงดิฉันไม่ได้ดำเนินการตามที่กล่าวหา แต่เนื่องจากดิฉันไม่สามารถทราบถึงเรื่องทั้งหมดและขณะนี้หมาอยู่ใหนใครรู้บ้าง ดิฉันโทรถึงรองศิริชัยเพื่อรายงานหมอสมพงศ์จากสสจ.นนท์ที่ต้องรายงานท่านผู้ว่าด่วน รองแจ้งว่าได้รายงานรองณรงค์แล้ว ระหว่างที่กำลังทำเรื่องรายงานก็จะมีทั้งคนโทรมาถามข่าว จะให้ความช่วยเหลือ โทรมาต่อว่า เมื่อเราทำเรื่องเสร็จแล้วก็แจ้งจังหวัด กรม
ช่วงสายๆกระทรวงโทรมาและให้เรานัดแถลงข่าวเวลา 11นาฬิกา ดิฉันให้รองแถลงซึ่งก็กลายเป็นที่รู้จักและผลที่ตามมาคือเพื่อนสมัยเด็กๆก็จะดีใจที่เพิ่งรู้ว่าทำงานที่บำราศ
บ่ายๆรายการของช่อง5ขอให้ออกรายการซึ่งรองได้ส่งคุณดิเรกออกแทนและสามารถทำได้ดี
ในวันรุ่งขึ้นดิฉันเรียกปุ๊คนรักหมาของชาวบำราศมาปรับความเข้าใจให้ตรงกันและแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป
ในช่วงที่เกิดเหตุ ดิฉันไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะ
1 ดิฉันไม่ได้ทำตามที่กล่าวหา
2 สถาบันได้มีการดูแลและเจรจาให้คนที่รักหมานำหมาไปดูแล ส่วนที่ยังทำไม่ได้ก็จะต้องค่อยๆทำต่อไป
3 อาชีพของผู้สื่อข่าว ต้องหาข่าวที่แปลกๆใหม่ๆที่ขายได้ เรื่องจริงหรือไม่จริงค่อยว่ากันทีหลัง
4 โดยปกติเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐมีเรื่องกับประชาชน สื่อมักจะเอนเอียงไปทางประชาชนมากกว่า
5 ดิฉันคิดว่าสถาบันเรามีต้นทุนของความดีงามทั้งการดูแลผู้ป่วยเอดส์ ซาร์ อหิวาต์ ทำให้ดิฉันไม่หวั่นว่าจะมีใครเชื่อจนเราเสียหาย เราสามารถจัดการได้
ดิฉันเคยถูกหมากัดที่บำราศและฉีดยา 6เข็ม ที่บ้านก็มีหมามาอาศัยโดยไม่ได้เชิญ เสียเงินค่าอาหาร กรง ยา ทำหมัน และไปรับหมอหมามาที่บ้านทุกเดือนเพื่อฉีดยา
ดิฉันคิดว่าเราก็ตั้งสติ ดูเหตุและปัจจัย มีเมตตาและเข้าใจโลก เราถึงจะอดทนต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ ถึงทำยากหน่อยก็คงต้องพยายามฝึกไปเรื่อยๆค่ะ
เป็นกำลังใจให้ ผอ. ค่ะ
เป็นกำลังใจให้ครับ
ระวังเรื่องสื่อด้วยนะครับ
คนที่รู้เรื่องจริงก็ไม่ห่วงหรอกครับ ห่วงแต่คนที่หลงเชื่อสื่อไม่ลืมหูลืมตานะครับ โดยเฉพาะชาวบ้านถ้าไม่รู้เรื่องสถาบันเรามาก่อน เขาคงเข้าข้างคนร้องเรียนอย่างที่ ผอ. ว่า