สวัสดีค่ะ คุณK.Pually
กันชน(การปกป้อง)ดีดี...ถ้านำไปใช้ในทางที่ดีก็ช่วยปกป้องคุ้มภัยได้ค่ะ
กันชนผุๆพังๆนำไปใช้กับรถ...ก็กั้นไว้ไม่ได้ค่ะ
เปรียบเสมือนอำนาจนะ...ถ้านำไปปกป้องก็ดีค่ะ...ถ้านำไปใช้ในทางทำลาย...ก็มีแต่เสียหายค่ะ
"กันชน" ป้องกันให้คนอื่น
แต่ตัว"กันชน"เอง เสียหายแน่นอนค่ะ
ดังนั้น อย่าพยายามให้ตัวเราเป็น"กันชน"
ผู้ชายใช้ผู้หญิงเป็นกันชน..โบราณเขาถือนะน้องครูจิ๋ว..ถ้าพบตัวเลิกคบไปได้เลย..ขืนสมาคมด้วยเดี๋ยวเราจะเป็นกันชน..อิๆๆๆสวัสดียามเช้าและส่งความระลึกถึงมาให้เสมอ
เอาอีกคำมาฝาก.....
“รัฐกันชน”
นักวิชาการด้านการต่างประเทศกล่าวว่า ความจริงแล้ว คำว่า “รัฐกันชน” มาจากคำภาษาอังกฤษที่ว่า buffer state ซึ่งคนแปลก็แปลออกมาได้ตรงความหมาย เพราะคำว่า buffer นั้น ความหมายแรกก็คือ “ตัวกันชน, เครื่องกันชน, เครื่องรับน้ำหนัก, เครื่องรับแรงปะทะ, แป้นปะทะ” รวมทั้ง “สารที่ทำให้ทั้งกรดและด่างเป็นกลาง” ได้ด้วย และ state ก็คือ “รัฐ” ตรงตัวอยู่แล้ว
ส่วน buffer state ในความหมายทางการปกครองนั้น “หมายถึง รัฐเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างรัฐใหญ่ซึ่งไม่ถูกกัน” หรือเรียกตรงกันว่า “รัฐกันชน” หรือ “รัฐกันกระทบ”
อาจารย์ทางภูมิศาสตร์ - ประวัติศาสตร์ยังอธิบายว่า สถานภาพของรัฐกันชนนั้นมีทั้งที่ประกาศให้เห็นชัดเจนก็มี หรือเข้าใจกันเป็นนัยๆ โดยไม่มีการประกาศเป็นทางการก็มี
สมมุติว่า ระหว่างไทยกับพม่านั้น แท้จริงแล้วมีรัฐของชนกลุ่มน้อย เช่น รัฐฉานหรือไทยใหญ่ (Shan State) คั่นอยู่ในพรมแดนบางช่วง ทำให้ไทยกับพม่าช่วงนั้นจริงๆ แล้วพรมแดนไม่ชิดติดกันเสียเลยทีเดียว ดังนี้ก็เป็นความเข้าใจทั่วไปได้ แต่ไม่เคยมีใครประกาศเป็นทางการเท่านั้น
ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีของไทยปูด - เอ๊ย - ขอประทานโทษ - พูดคำว่า “รัฐกันชน” ออกมาพร้อมกับคำปรารภเชิง “ปราม” ว่า “อย่าโอเวอร์รีแอกต์” นั้น จะทำให้นักวิชาการหรือนักการทูตต่างประเทศนำไปตีความ เกิดผลประการใดนั้น มิใช่หน้าที่ของ “สุดสงวน” หรือ “สกุลไทย” จะนำมาวิพากษ์วิจารณ์ ณ ที่นี้ เพราะเรา “มอง (แต่) ภาษา” ในเชิง “สร้างสรรค์” เท่านั้นแล
ค้ดลอกบางส่วนที่น่าสนใจจาก..http://www.sakulthai.com/DSakulcolumndetailsql.asp?stcolumnid=1703&stissueid=2502&stcolcatid=2&stauthorid=17
สวัสดีค่ะ ครูป.1
พูดถึงทั่วๆไป...ไม่ได้เจาะจงว่าผู้ชาย-ผู้หญิงคนใด น่าเห็นใจผู้หญิงคนนั้นค่ะ...เราเพียงแต่ยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจนค่ะ...จากบันทึกนี้นะ
คนดี คนเก่งเขาสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์บนโลกได้...พวกเขาชอบความสงบเท่านั้นเพราะพวกเขามีความดีงาม คุณธรรม ความยุติธรรม ศีลธรรม มนุยธรรมและสัจธรรมในตนเองค่ะ
สวัสดีค่ะ ครูอ้อยเล็ก
อ๋อ...ที่ครูอ้อยให้ความเห็นมาก็ถูกต้องค่ะแต่ที่เขียนบันทึกมา
ไม่ได้เกี่ยวกับรัฐกันชนค่ะ...
แต่ถ้าอ่านไว้ก็ดี...เพื่อประดับความรู้ค่ะ...ขอบคุณนะ
สวัสดีค่ะ พี่ครูจิ๋ว ภัทรานิษฐ์
ขอบคุณค่ะ.. เป็นบันทึกที่ทันสมัยทันเหตุการณ์นะคะ.. ชอบเม้นท์นี้ของคุณครูอ้อยเล็กด้วยค่ะ.. ผู้ชายใช้ผู้หญิงเป็นกันชน..โบราณเขาถือนะน้องครูจิ๋ว..ถ้าพบตัวเลิกคบไปได้เลย..ขืนสมาคมด้วยเดี๋ยวเราจะเป็นกันชน.. สมัยไหนๆ ก็ถือทั้งนั้นค่ะ อิ อิ ขอบคุณค่ะ.. มีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรงนะคะ ระลึกถึงเสมอค่ะ.. faith
สวัสดีค่ะ คุณMoon smiles on Venus&Jupiter
ไม่มีใครต้องการความชั่วร้ายเข้ามาในชีวิตหรอกนะคะ....
สักวันหนึ่งฟ้าต้องสว่าง...แต่ตามธรรมชาติแล้ว...มีเมฆมาบัง...ก็เป็นเรื่อง
ธรรมดา...นั่นคือเรื่องของเมฆและท้องฟ้า...แต่ถ้าเป็นเรื่องของเพชร....ก็คือ
เพชรในตม...เพชรถึงตกตมอย่างไร...ก็คงยังเป็น
เพชร...คนดีมีเยอะ...ระยะทางพิสูจน์ม้า...กาลเวลาพิสูจน์คน...อดทนเข้าไว้น้อง
เป็นกำลังใจให้คนดีดีค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครู ดิฉันชอบคติพจน์ของคุณครูจังเลย อ่านแล้วโดนใจวัยรุ่นมากมายเลยค่ะ ใช้เป็นข้อคิดและคติสอนใจ “””ในการ ดำรงชีวิต ในยามที่ต้องห่างไกลบ้านมา เพื่อมาศึกษาหาความรู้ในรั้วมหาวิทยาลัยในตอนนี้ ได้ดีมากเลยค่ะ...........
สวัสดีค่ะ คุณลลนา ฉิมพาลี
ขอบใจที่เข้ามาชม...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
เข้ามาอ่านและชื่นชม
สวัสดีค่ะ ผศ.ดร. เมธา สุพงษ์
อาจารย์สบายดีนะคะ....เดี๋ยวเข้าไปชมค่ะ
ขอบคุณสำหรับแรงเชียร์ค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณครูแป๋ม
ขอบคุณที่เข้ามาทักทายสม่ำเสมอค่ะ