๔.
แนวคิดของเรื่อง
สายทิพย์ นุกูลกิจ(๒๕๔๓:๒๒๐-๒๒๑)
กล่าวว่า
ความคิด(Though)หรืออาจเรียกว่า
แก่นของเรื่อง(Theme)หรือจุดมุ่งหมายของเรื่อง(Permise)
หมายถึงแง่คิดหรือหรือความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ
ในชีวิตที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารต่อผู้ชมและสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเป็นจริงจากเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในละคร
แต่การให้ความคิดในบทละครต้องแนบเนียน
กลมกลืนกับโครงเรื่องและลักษณะนิสัยของตัวละคร
ไม่ใช่เป็นการสั่งสอนผู้ชมตรง ๆ
เพราะถ้าผู้ชมเกิดความรู้สึกว่าถูกสอนแล้ว
ผู้ชมมักเกิดความคิดต่อต้านละครเรื่องนั้น ๆ
ทันที
บทละครเรื่องโรเมโอและจูเลียตนี้แต่งขึ้นตามปรัชญาแนวสัจนิยม(Realistic)
ปรัชญาแนวนี้จะมีความคิดความเชื่อว่า “ชีวิตมนุษย์มีทั้งสุขและทุกข์
หรือมีทั้งดีและชั่ว”
ดังนั้นผู้แต่งบทละครตามแนวนี้จึงพยายามที่จะนำชีวิตจริงของคนใจสังคมมาถ่ายทอดให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด
โดยยึดหลัก
“ความสมจริง”
ผู้แต่งเรื่องโรเมโอและจูเลียตได้พยายามชี้ให้เห็นถึงอำนาจของอารมณ์ความรู้สึกที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งในด้านที่ให้คุณและให้โทษ
ดังนี้
๑.อำนาจของความรัก ความรักสามารถบันดาลให้เกิดสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย
ทำให้กล้าทำในสิ่งที่อันตราย
ดังเช่นตอนที่โรเมโอแอบปีนกำแพงเข้าไปในสวนคาปุเล็ต :-
จูเลียต. คุณมานี่อย่างไร,
และเหตุใดจงบอกฉัน. กำแพงแห่งขวัญก็แสนสูง
ฃ้ามลำเค็ญ,
อีกเป็นเช่นคุณนี้, แม้พี่น้องฉันพบเห็น ที่นี่จะกลายเปน
ที่ตายของคุณแน่แท้.
โรเมโอ. ด้วยปีกของรักฉันได้ปีนฃ้ามกำแพงแน่,
เพราะรั้วศิลาแผ่บ่มิอาจกันรักไว้,
สิ่งใดรักอาจทำรักทะนงลองทำได้;
เช่นนั้นพี่น้องใดของหล่อนฤาจะห้ามฉัน.
จูเลียต. แม้ว่าเฃาพบคุณ,
คงพิฆาตเปนแม่นมั่น.
โรเมโอ. อ้าอันตรายนั้นมีมากมวล
ณ นัยนา ของหล่อนยิ่งกว่าดาพญี่สิบเล่ม:
หล่อนเมตาฉันแล้วก็ความอาฆาฏของเฃาแคล้วกายี.
จูเลียต. ดิฉันไม่อยากเลยให้ใครพบคุณแห่งนี้.
โรเมโอ. ผ้าดำแห่งราตรีปกป้องฉันจากตาเฃา;
ขอเพียงให้หล่อนรัก,
ใครพบฉันก็ทำเนา:
ชีวิตวอดลงเล่าเพราะความชังของเฃาไซร้,
ดีกว่าชีวิตยืดแต่ไร้รักของยาใจ.
(องก์ที่ ๒ ตอนที่ ๒ หน้า ๓๒ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๔๓)
ทำให้คนผู้เข้มแข็งกลายเป็นคนอ่อนไหว
อ่อนโยน ดังคำกล่าวของโรเมโอตอนที่วิวาทกับติบอลล์ว่า:-
โรเมโอ. ......โอ้จูเลียตสวาทศรี,
ความงามของหล่อนนี้ทำฉันกลายเปนหญิงไป,
และหล่อนบันดาลความกล้าหาญอ่อนหย่อนลงได้.
(องก์ที่ ๓ ตอนที่ ๑ หน้า ๕๗ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ พ.ศ. ๒๕๔๓)
๒. อำนาจของความโกรธ ความโกรธทำให้คนเราทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ยั้งคิด
จนนำมาซึ่งความหายนะเมื่อรู้สึกใดก็สายสายเกินไป
ดังเช่นตอนที่โรเมโอวิวาทกับติบอลล์จนติบอลล์ต้องตาย:-
เบ็น. ติบอลล์เจ้าโทโษเดินกลับมาอีกแล้วนี่.
โรเมโอ. อยู่ดี,
และอวดดี! และเมอร์คิวชิโอมรณ! ไปสู่สวรรค์เถิด, ความใจดีอย่าง
โอนอ่อน, และโกรธเหมือนไฟฟอนเปนกิจกูแต่นี้ไป!
นี่แน่, ติบอลล์,
จงรับคืนคำว่า “จัญไร”
ซึ่งมึงเมื่อกี้ให้!
อันวิญญาณเมอร์คิวชิโอเหนือของเรา
มิเท่าใดดอก, อโห, คอยมึงผู้พาโลเพื่อเปนเพื่อนเดินทางไป :
ไม่มึงก็กู, หรือทั้งคู่ต้องไปด้วยไซร้.
ติบอลล์. มึง,
เด็กอัปรีย์ใหญ่, ตัวมึงเคยเปนเกลอมัน, จะไปกับมันซี.
โรเมโอ. บัดเดี๋ยวนี้ได้เห็นกัน.
[ต่อสู้กัน;
ติบอลล์ล้ม]
เบ็น. โรเมโอ,
รีบไปพลัน! เร็ว ๆ พี่,จงรีบไป! พวกนาคะระอึง, และติบอลล์
ก็บรรลัย: ยืนงงอยู่ทำไม: เจ้าคงสั่งผลาญชีวี แม้เฃาจับพี่ได้! ไป! รีบไป!
ไปบัดนี้!
โรเมโอ. โอ้,
เคราะห์ทำแก่พี่เหมือนของเล่น!
เบ็น. คงอยู่ใย?
(องก์ที่ ๓ ตอนที่ ๑ หน้า ๕๗ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๑๐ พ.ศ.
๒๕๔๓)
ไม่มีความเห็น