ปี 2519 ผมเดินทางไปรับงานเป็นครูโรงเรียนประชาบาลที่โรงเรียนวัดราษฎร์นิยม เมื่อผมเดินจากถนนจะไปขึ้นบันไดโรงเรียนผมต้องเดินสวนกับเด็กนักเรียน 2-3 คน ผมได้รับการเคารพโดยการยืนตรงให้ผมเดินผ่านไป วันนั้นผมรู้สึกทันทีว่าผมไม่ไช่ธรรมดาเสียแล้วผมต้องทำตัวให้สมกับการที่เด็กให้ความเคารพทั้งที่ยังไม่เริ่มเข้าชั้นเรียนเลย
การกลับมาของผมครั้งนี้ ปี2548 เปลี่ยนไปมากเด็กนักเรียนรู้สึกกล้าหาญตีสนิทสนมกับครูเสมือนไม่มีช่องว่างระหว่างวัย มันเป็นเหมือนเด็กขาดความเคารพ แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าเด็กสมัยใหม่ต้องกล้าแสดงออก ต้องแสดงความคิดเหนได้เต็มที่
แต่สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนมันจะลำเส้นเกินไป หรือเปล่า ช่วยบอกหน่อย
ผมว่ามารยาทอันดี...กับการกล้าแสดงออก คนละประเด็นกันครับ
แต่ผมคิดว่าเด็กสมัยนี้ บางทีก็ล้ำเส้น จริงๆครับ
คำถามก็คือ
เราควรจะมีมาตรการไหน? หรือสร้างกระบวนการเรียนรู้อย่างไรให้เด็กสมัยใหม่เคารพผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นมารยาทอันดีงามของไทย?
ผมยังคิดว่าต้องเริ่มที่ครอบครัว และโรงเรียน ครับ
ผมเห็นด้วยกับคุณจตุพร และขอเพิ่มให้ชุมชนช่วยดูแลอีกแรงด้วยครับ
การเคารพมันบังคับกันไม่ได้ มันเป็นศรัทธา เป็นจิตใจ ทุกคนต้องปฏิบัติให้เด็กเห็นว่าผู้ใหญ่ในสังคมเขาก็ทำความเคารพกัน ทุกที่ทุกเวลาเป็นกิจวัตร
ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน
เรียน ท่านอาจารย์สัณหศักดิ์
ดิฉันเคยเขียนเรื่องแบบนี้ เกี่ยวกับการกล้าแสดงออกของนักเรียนลองอ่านดูนะคะ
นักเรียนที่กล้าแสดงออก กับเด็กที่ก้าวร้าว เป็นคนละอย่างกันนะคะ
ดิฉันสอนให้นักเรียนกล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าคิดสร้างสรรค์
แต่เด็กก้าวร้าวเกิดขึ้นจาก นิสัยของเด็กที่ไม่มีใครห้ามปรามและบอกสอนว่ามันไม่ดี ไม่ควรทำค่ะ
ขอบคุณ สวัสดีค่ะ
Take Care
คำว่า ไม้เรียวสร้างคนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ยังเป็นคำที่ใช้ได้อยู่หรือเปล่า ไม่ทราบว่าท่านใดกล่าวไว้ แต่คนที่เป็นครู อาจารย์นั้นจะต้องอบรม บ่มนิสัยในด้านคุณธรรม จริยธรรม เพื่อให้เด็กเขาซึมซาบซับเอาไว้ แต่ถ้าอบรมด้วยปาก ด้วยคำพูด ก็คือ บ่นนั่นเอง และถ้าครูมีอารมณ์โกรธขึ้นมามากๆ ก็กลายเป็นด่า ผมอยากทราบว่า....ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ยังมีวิธีที่ดีกว่านี้อีกหรือไม่....
แด่นักเรียนด้วยไม้เรียว .... แด่นักเรียนด้วยแปลงลบกระดาน ...... อดีดที่เคยพบประสบมา สมัยครูคือผู้ที่สร้าง....ท่านก็สร้างผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาหลายต่อหลายท่าน และหลายท่านก็คงเคยได้ความรัก จากครูสมัยนั้นมาแล้ว ( 50 ปีผ่าน)
หากสมัยนี้วิถีทาง เปลี่ยนไป ครูคือผู้ให้ และปรับตัวให้เป็นไปตามยุค ยุคเสรี ยุคสิทธิ ความเท่าเทียม การละเมิดสิทธิ เป็นสิ่งที่ต้องนำมาเป็นแนวทาง.......
และคำนึงถึงเสมอ
ขอบคุณอาจารย์อ้อย ที่จะเป็นดร.อีกไม่นานและได้ทราบว่าเคยสอนอยู่ร.ร.วัดสโมสร ท่านเคยอยู่กลุ่มเดียวกับผมคือกลุ่มราษฎร์นิยม ครับ...ขอให้ท่านใช้ความรู้สู้กับความไม่ดี จนมีชัยชนะ....ผมคอยเชียร์ครับ
โรคอัลไซด์เมอร์
ต่อไปขอเริ่มเรื่องอาการของอัลไซเมอร์ ซึ่งขอแบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ ขั้นเริ่มต้น ขั้นกลาง และขั้นสุดท้าย
ขั้นเริ่มต้น
1. เริ่มความจำเสื่อมระยะสั้น หมายความว่าสิ่งที่ทำหรือประสบมาเร็วๆนี้ ลืมสนิท เช่น ถามว่าเมื่อวานกินข้าวอะไรบ้าง ลืมชนิดของอาหาร ตอบไม่ได้
2. ของง่ายๆ ซึ่งทำได้เร็ว ไม่ต้องคิด กลับทำไม่ได้ อย่างเช่นการบวกเลข คิดบัญชีง่ายๆ หรือบางทีไปซื้อของ เสื้อตัวหนึ่งราคา 265 บาท ให้ แบงก์ไปใบละพัน คิดไม่ออกว่าต้องทอนเท่าไหร่
3. บุคลิกเริ่มเปลี่ยน อะไรมากระทบกระทั่งเล็กน้อย หงุดหงิดหรือโมโหง่าย การตัดสินใจช้า บางครั้งตัดสินใจไม่ได้เลย
ขั้นกลาง
1. การตัดสินใจยิ่งทำได้ยากกว่าขั้นเริ่มต้น เช่น ให้เลือกเสื้อ 2 ตัว สีขาวและสีเหลือง ตัดสินใจไม่ได้
2. จำหน้าคนคุ้นเคยไม่ได้
3. ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้สกปรก ไม่สนใจโดยเฉพาะเรื่องความสะอาด
4. ไม่สนใจเรื่องการกิน
5. ไม่ยอมรับว่าทำอะไรผิด
6. ความสนใจในเรื่องเพศหายไปหมด
ขั้นสุดท้าย
สูญสิ้นความจำโดยสิ้นเชิง การพูดการเปล่งเสียงลำบาก พูดจาอ้อแอ้ไม่รู้เรื่อง และที่สำคัญที่สุดการขับถ่ายเลอะเทอะ (ดูเหมือนจะตั้งใจทำให้ เลอะเทอะเหมือนแกล้ง)
ที่แย่ที่สุดคือ อารมณ์ร้าย อาละวาด