ไทยได้ประโยชน์อะไรจาก WTO
การที่ไทยเป็นสมาชิก WTO ทำให้ไทยได้รับประโยชน์จากการที่สมาชิกซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 147 ประเทศ ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา จะต้องปฏิบัติตามหลักการค้าเสรี และเป็นธรรมของ WTO นอกจากนี้ ยังได้รับประโยชน์จากหลักการทั่วไปของ WTO เช่น หลักการไม่เลือปฏิบัติ ( MFN และ National Treatment) หลักการเรื่องความโปร่งใส หลักการคุ้มครองผู้ผลิตภายในด้วยภาษีศุลกากรเท่านั้น เป็นต้น รวมทั้ง ประโยชน์จากพันธกรณีที่สมาชิกผูกพันไว้ในความตกลงย่อยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดภาษีศุลกากร การอุดหนุน และอุปสรรคทางการค้าต่างๆ การเปิดเสรีสินค้าเกษตร การเปิดเสรีสินค้าสิ่งทอ การใช้มาตรการสุขอนามัยต่างๆ ต้องเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ เป็นต้น
การมีกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศของ WTO ช่วยส่งเสริมให้การแข่งขันทางการค้าเป็นธรรม และสร้างความมั่นใจให้แก่ทั้งผู้ค้าและผู้ลงทุน
ผู้ผลิตและผู้ส่งออกสามารถคาดการณ์และวางแผนการค้าระหว่างประเทศล่วงหน้าได้ เนื่องจากผู้บริโภคมีทางเลือกจากการมีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น ตลอดจนได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมากขึ้นและราคาถูกลง ซึ่งเป็นผลจากการเปิดเสรีการค้าระหว่างประเทศในระยะที่ผ่าน
มีเวทีในการร้องเรียนข้อพิพาททางการค้า และมีแนวร่วมในการต่อสู้กับประเทศใหญ่ในกรณีที่ประเทศเหล่านั้นมีการใช้มาตรการที่บิดเบือนการค้า ซึ่งไทยได้รับประโยชน์ และชนะคดีที่ประเทศอื่นๆ กีดกันการค้าในหลายกรณี เช่น
- กรณีกำหนดราคาอ้างอิงนำเข้าข้าวของสหภาพยุโรป ไทยขอหารือ และเจรจาตกลงได้โดยสหภาพยุโรปเพิ่มโควตาแป้งมันสำปะหลัง และลดภาษีนำเข้าข้าวให้เป็นการชดเชย
- กรณีที่สหรัฐฯ นำเรื่องการอนุรักษ์เต่าทะเลมาเป็นข้ออ้างในการกีดกันการนำเข้ากุ้ง ซึ่งไทยยกเรื่องขึ้นฟ้องใน WTO และสามารถแก้ไขปัญหาได้
- กรณีที่อียิปต์ที่ห้ามนำเข้าปลาทูนากระป๋องของไทย โดยอ้างว่าผลิตจากน้ำมันถั่วเหลือง GMOs ซึ่งไทยได้ขอหารือกับอียิปต์ภายใต้กระบวนการระงับข้อพิพาทของ WTO และสามารถผลักดันให้อียิปต์ยกเลิกมาตรการได้
- กรณีพิพาทเรื่องน้ำตาล ไทยได้ร่วมกับออสเตรเลีย และบราซิล ฟ้องสหภาพยุโรปที่ให้การอุดหนุนส่งออกน้ำตาล
- กรณีพิพาทเรื่องไก่หมักเกลือ ไทยได้ขอให้ WTO จัดตั้งคณะผู้พิจารณาเพื่อตัดสินกรณีสหภาพยุโรปปรับพิกัดภาษีศุลกากรไก่หมักเกลือ
- กรณีกฎหมาย Byrd Amendment ของสหรัฐฯ ไทยได้ร่วมกับสมาชิก WTO เช่น
สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย และออสเตรเลีย เป็นต้น ฟ้องสหรัฐฯ เรื่องกฎหมาย Byrd Amendment ที่ให้สหรัฐฯ นำเงินที่เก็บได้จากการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด มาตั้งเป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรมภายในซึ่งองค์กรระงับข้อพิพาทของ WTO ตัดสินให้สหรัฐฯ แพ้คดี และต้องปรับแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับความตกลง
การมีตลาดที่เปิดกว้างขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการลดภาษีของประเทศสมาชิกต่างๆ โดยเฉพาะตลาดส่งออกสำคัญของไทย เช่น สหรัฐฯ ลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรมและประมงโดยเฉลี่ยลงจากร้อยละ 5.5 เหลือร้อยละ 3.5 สหภาพยุโรปลดภาษีลงจากร้อยละ 5.7 เหลือร้อยละ 4.3 ญี่ปุ่นลดภาษีลงร้อยละ 3.7 เหลือร้อยละ 1.4 เป็นต้น ทำให้การส่งออกของไทยขยายตัวอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา เช่น ข้าว ไทยส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจาก 56,630 ตัน ในปี 2538 เป็น 145,509 ตัน ในปี 2542 ส่งออกไปตลาดสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นจาก 156,582 ตัน ในปี 2538 เป็น 220,029 ตัน ในปี 2542 และส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 201,526 ตัน ในปี 2538 เป็น 251,662 ตัน ในปี 2542 เป็นต้น
เนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็ง ไทยส่งออกไปสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นจาก 15,628 ตัน ในปี 2538 เป็น 59,092 ตัน ในปี 2542 ส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น จาก 119,434 ตัน ในปี 2538 เป็น 138,718 ตัน ในปี 2542 และส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 67 ตัน ในปี 2538 เป็น 101 ตัน ในปี 2542 เป็นต้น
มีเวทีเจรจารักษาผลประโยชน์ต่างๆ เช่น
- เจรจากับจีนภายใต้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO ส่งผลให้จีนเข้าเป็นสมาชิก WTO ในปี 2544 แต่จีนก็จะต้องจ่ายค่าผ่านประตูในราคาแพง เนื่องจากจะต้องปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ภายในประเทศให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของ WTO เช่น การยกเลิกระบบ dual price การปรับปรุงกฎระเบียบเรื่องแรงงาน ที่ทำให้จีนมีความได้เปรียบในทางการค้ามานานเพราะสามารถขายสินค้าได้ไม่ต้องคำนึงถึงต้นทุน การปรับลดภาษีศุลกากรทั้งในส่วนสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรม เป็นต้น ขณะเดียวกันสมาชิกยังสามารถถือว่าจีนเป็นประเทศที่ไม่ใช่กลไกตลาด (non market economy) ในการไต่สวนมาตรการ ADกับจีน เป็นต้น นอกจากนี้สมาชิกยังสามารถทบทวน และตรวจสอบการดำเนินนโยบาย และมาตรการทางการค้าของจีนให้สอดคล้องกับ WTO ทุกปี เช่น ที่ผ่านมา สมาชิกยังคงเรียกร้องให้จีนปรับปรุงการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการค้าบริการกับบริษัทต่างชาติ เป็นต้น
ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า หากจีนไม่เล็งเห็นประโยชน์ในการเข้าเป็นสมาชิก WTO ก็คงไม่ยอมเสียค่าผ่านประตูแพงเช่นนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้รับประโยชน์จากการเจรจากับจีนภายใต้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO เช่น จีนยอมเปิดตลาดข้าว และน้ำตาลให้ไทย โดยปรับมาตรการนำเข้าข้าว และน้ำตาลจากระบบโควตามาใช้โควตาภาษี เช่น เปิดตลาดข้าวให้ไทยในปี 2547 ถึง 5.32 ล้านตัน โดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าข้าว ร้อยละ 1 เป็นต้น ยางพารา จีนตกลงที่จะลดอัตราภาษีนำเข้าจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 20
- เจรจากับซาอุดิอารเบียภายใต้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของซาอุดิอารเบีย ซึ่งไทยสามารถตกลงสองฝ่าย และทำบันทึกความเข้าใจกับซาอุฯ เรื่องการเข้าเป็นสมาชิก WTO ได้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2547 โดยซาอุฯ จะต้องปรับมาตรการและนโยบายการค้าให้สอดคล้องกับความตกลง WTO ตลอดจนจะต้องลดภาษีเพิ่มเติมให้กับสินค้าออกสำคัญของไทย เช่น แป้งข้าวเจ้า น้ำสับปะรด และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ตลอดจนต้องยอมเปิดตลาดการค้าบริการ เช่น ในสาขาก่อสร้าง โรงพยาบาล การศึกษา และภัตตาคาร เป็นต้น
- เจรจากับรัสเซียภายใต้กระบวนการเข้าเป็นสมาชิก WTO ของรัสเซีย ไทยได้ขอให้รัสเซียแก้ไขปัญหาเรื่องการควบคุม และจัดสรรโควตาไก่ ปรับปรุงข้อเสนอด้านการค้าบริการ โดยเฉพาะการเข้าไปทำงานของคนไทยในรัสเซีย เป็นต้น
- กรณีการขยายสมาชิกภาพของสหภาพยุโรป ไทยได้ร่วมกับสมาชิกอื่น เช่นฯ ฮ่องกง ออสเตรเลีย เป็นต้น หารือแลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องการขยายสมาชิกของสหภาพยุโรป ตลอดจนหยิบยกข้อกังวลของไทยในประเด็นต่างๆ ขึ้นสอบถามสหภาพยุโรปในเวทีการประชุมต่างๆ ของ WTO เช่น การใช้มาตรการ AD และการกำหนดโควตาสิ่งทอ เป็นต้น
หน้าที่ของ WTO ที่สำคัญ ๆ 1. ดำเนินการบริหารและวางกลไกเพื่อให้มีการปฏิบัติตามบทบัญญัติของความตกลงต่าง ๆ 2. จัดให้มีการเจรจาการค้าภายใต้ความตกลงฉบับต่างๆ และให้มีการปฏิบัติตามผลการเจรจานั้น 3. ร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลก ให้มีความสอดคล้องกันในนโยบายการค้าและการเงิน เพื่อเอื้อต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก