เมื่อวันที่ 5-6 กันยายน ที่ผ่านมาผมและคุณอุรพิณ ได้รับเชิญให้ไปช่วยเป็นวิทยากรกระบวนการจัด "ตลาดนัดความรู้" ซึ่งจริงๆพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็คือ ตลาดนัดความรู้ นั้น สคส. ได้ออกแบบเป็น excercise เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ KM ผ่านการทดลองทำจริง คือ เราต้องการลดวิธีการบรรยายให้เหลือน้อยที่สุด เวทีนี้ ผู้ที่แสดงบทเป็นคุณเอื้อ ก็คือ รศ.สมนึก เอื้อจิระพงษ์พันธ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร และคุณกิจ ก็เป็น คณะเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการวิชาชีพฯ จากส่วน หรือฝ่ายต่างๆที่ทำหน้าที่สนับสนุนเป็นกองหลังที่สำคัญของการบริหารงานมหาวิทยาลัย ส่วนคุณอำนวย กลุ่มหัวหน้าส่วน หัวหน้างานที่พอมองเห็นศักยภาพก็ถูกวางตัวให้มาเล่นบทนี้
ก่อนวันเริ่มเนื้อหา เขาเริ่มกิจกรรมกันก่อน เป็นกิจกรรมผ่อนคลายสร้างบรรยากาศความเป็นทีม เห็นอกเห็นใจกัน ที่เรียกว่า กิจกรรม Walk Rally ซึ่งนำกิจกรรมโดย คุณนิรันดร์ จินดานาค หัวหน้าส่วนกิจการนักศึกษา กิจกรรมนี้ถูกแบ่งออกเป็น 5 ฐาน แต่ละฐานก็จะมีเกมที่สะท้อนให้เห็นถึง การเป็น dream team ได้ทั้งความสนุก เสียงหัวเราะ (จนน้ำตาเล็ดก็มี) ได้ทั้งสาระที่แฝงอยู่ขางในเกม ที่สำคัญ คนที่เล่นเกมได้รู้จักกัน มีความเป็นกันเองมากขึ้น กล้าเปิดเผยตัวเองมากขึ้น สิ่งนี้แหละที่ KM ต้องการมากก่อนที่เปิดเวทีให้มีการ share ความรู้กัน
เบื้องหลังของการเตรียมมีประเด็นที่สำคัญต่อการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากเลยครับ คือ การพิถีพิถันในการเลือกตัวคนที่จะเข้าร่วมวงสนทนา คนที่มาครั้งนี้ ทางผู้ประสานงาน คุณบรรจงวิทย์ ยิ่งยงค์ เล่าให้ฟังว่า คัดเลือกจากเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการประเมินว่าเป็นผู้ที่มีผลการทำงานดีเยี่ยมมาแล้ว ภายใต้ความเชื่อของเราว่า คนที่เคยทำอะไรสำเร็จ แสดงว่าคน คนนั้นมีความรู้แบบฝังลึก (Tacit Knowledge) ในเรื่องที่เขาทำ และเราจะเรียนรู้วิธีการจัดการความรู้แบบนี้แหละ จึงพอจะเห็นว่าทำไมเราถึงเสนอแนะว่าขั้นตอนการเตรียมคนให้เริ่มจาก best practice หรือ good practice ที่พอจะมองเห็นตัวก่อน แล้วค่อยขยายผลไปยังกลุ่มอื่นๆต่อไป
"Storytelling" เรื่องเล่า ยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับใช้ดึง Tacit Knowledge ออกมาทุกคนก็ชอบ และบอกว่าครั้งต่อไปต้องเพิ่มเวลาสำหรับช่วงเล่าเรื่องให้มากกว่าเดิม จากเรื่องเล่าหลายๆเรื่อง ล้วนแต่เป็นเรื่องราวเล็กๆของความประทับใจ ที่คนหน้างานเล่าจากประสบการณ์ แต่ละเรื่องจะมีตอนที่เล่าถึงความยากลำบาก ให้เห็นว่าก่อนที่จะสำเร็จในการงานเรื่องใดก็ตาม ต้องฝ่าขวากบากหนามมาก่อนทั้งนั้น
จากเรื่องเล่าทุกคนช่วยกันตีความร่วมกันเพื่อหา "ขุมความรู้" และเขียนออกมาเป็นถ้อยความ จากนั้นนำมาจัดเป็นกลุ่มชุดความรู้ ซึ่งครั้งนี้ ก็แบ่งออกได้เป็น 8 ชุดความรู้ด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย
1. จิตใจ/ทัศนคติในการทำงานแบบมุ่งความสำเร็จ
2. การวางแผนที่ดี
3. ความรู้ ความเข้าใจในงานที่ทำ
4. การมีส่วนร่วมและมนุษย์สัมพันธ์ - การสร้างเครือข่าย
5. เทคนิคการทำงาน
6. ความรับผิดชอบ
7. การสื่อสารที่สร้างสรรค์
8. การติดตามงานที่ดี
จากนั้นทั้ง 8 ประเด็นได้ถูกนำมาเขียนคุณลักษณะความสำเร็จ แล้วทดลองประเมิน(หน่วยงาน)ตนเอง ได้เห็น ธารปัญญา จนมีบางท่านสะท้อนในเวทีว่า "กลับไปแล้ว จะต้องไปกั้นเขื่อน ไม่ให้ธารปัญญาของคนทำงาน ใน ม.วลัยลักษณ์ ไหลออกไปอย่างน่าเสียดายอีกแล้ว"
จากการที่ได้มีเวทีแลกเปลี่ยนกันนั้น เห็นชัดเจนว่า เสียงของคนทำงานบอกเราว่า เรียกขวัญกำลังใจ ความฮึกเหิมของคนทำงานกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่แฟบหายกันไปเยอะแล้ว หลายคนบอกว่าเข้าใจเพื่อนร่วมงานมากขึ้น เมื่อก่อนเดินสวนกันไม่เคยทักทาย หรือยิ้มให้กันเลย ตอนนี้ทราบถึงภาระงานของคนอื่น เห็นอก เห็นใจมากขึ้น สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง หากในชีวิตการทำงานจริง คนในที่ทำงานเดียวกัน หรือ ในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกันไม่เกิดอาการเห็นอก เห็นใจกัน ก็ยากที่จับให้คนมา share กันได้ครับ
ไม่มีความเห็น