ผู้วิจัยได้เล่าแนวความคิดของการนำคูปองมาใช้กับร้านค้าชุมชนของบ้านดอนไชยไปแล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่จบค่ะ เพราะ นอกจากจะใช้คูปองกับร้านค้าชุมชนบ้านดอนไชยแล้ว ผู้วิจัยยังมีแนวความคิดที่จะนำคูปองไปใช้กับชุมชนอื่นๆด้วย
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลแม่พริก เป็นอีกชุมชนหนึ่งที่ยังไม่มีร้านค้าสวัสดิการชุมชน และยังไม่มีกิจกรรมอื่นๆนอกเหนือไปจากการออม ถ้าจะวิเคราะห์ให้ลึกลงไป เราต้องยอมรับว่าแม่พริกยังต้องมีการพัฒนาอีกหลายด้าน หากมุ่งกิจกรรมไปที่การออมเพื่อสวัสดิการชุมชนเพียงอย่างเดียว ในอนาคตอาจเกิดปัญหาได้ เพราะ ไม่มีแหล่งรายได้ทางอื่นเลย นอกจากการเก็บเงินออมประจำเดือนเท่านั้น
ในเบื้องต้น แม้ทางกลุ่มจะมีแนวความคิดที่จะนำเงินในส่วนของกองทุนสวัสดิการคนทำงานและเงินในกองทุนธุรกิจชุมชนมาลงทุนทำปุ๋ยอินทรีย์จากมูลวัว แต่ก็คงไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เนื่องจาก ต้องอาศัยเงินลงทุนและความรู้มากพอสมควร ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ผู้วิจัยจึงเล็งเห็นว่าควรที่จะให้คณะกรรมการมีกิจกรรมอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง เพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้กับคณะกรรมการและเป็นจุดเริ่มต้นของการทำกิจกรรมอื่นๆต่อไปในอนาคต
ดังนั้น ผู้วิจัย อาจารย์พิมพ์ รวมทั้งคณะกรรมการในชุมชนอื่นๆที่อยู่ในโซนเดียวกัน จึงจะขอนำเสนอแนวคิดนี้ต่อกลุ่มแม่พริก กล่าวคือ เราจะมีการจัดคาราวานขายสินค้าในวันออม โดยจะมีแนวทางเป็น 2 แนวทาง คือ
1.กลุ่มแม่พริกลงทุนเอง โดยในเบื้องต้นก่อนที่จะถึงเดือนกันยายน เราจะมีการสำรวจโดยใช้แบบสอบถามถามสมาชิกว่าในแต่ละเดือนเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าต่างๆอะไรบ้าง เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ หลังจากนั้นจะนำมาประมวลผล แล้วจะจัดหาสินค้ามาจำหน่ายให้สมาชิกในวันออม โดยอาจขอความช่วยเหลือจากร้านค้าสวัสดิการชุมชนบ้านดอนไชยในเรื่องความรู้และสินค้าไปพลางๆก่อน แต่กลุ่มจะเป็นผู้ลงทุนเอง เงินลงทุนเบื้องต้นก็ไม่มากนักประมาณ 5,000-10,000 บาท แต่ผู้ซื้อจะต้องใช้คูปองของกลุ่มเท่านั้น โดยจะต้องนำเงินมาแลกในวันออม มีการสะสมแต้มเหมือนสมาชิกของกลุ่มบ้านดอนไชย
วิธีการนี้คงจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าตอบแทนคณะกรรมการได้ โดยนำผลกำไรที่ได้รับมาเป็นค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เดิมกลุ่มนี้มีคณะกรรมการประมาณ 12 คน มีค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าตอบแทนคนทำงานเดือนละประมาณ 2,000 กว่าบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก อ.ธวัช ซึ่งเป็นประธาน ได้เคยบอกกับผู้วิจัยว่า อาจต้องมีการแบ่งกรรมการเป็น 2 ชุด แต่ละชุดทำงานเดือนเว้นเดือน เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย หรืออาจต้องลดในส่วนของค่าอาหาร ถ้าไม่ได้ผลอาจต้องตัดคณะกรรมการที่ไม่มาทำงานออกไป เพื่อให้คณะกรรมการมีจำนวนลดลง ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ก็จะลดลงตามไปด้วย
วันนี้ผู้วิจัยจึงได้โทรศัพท์คุยกับอ.ธวัช ในเรื่องนี้ อ.ธวัช บอกว่าเป็นความคิดที่ดี เพราะ ถ้าทำได้ จะได้ไม่ต้องลดจำนวนกรรมการ รวมทั้งกรรมการยังสามารถมาทำงานได้ทุกเดือน แต่จะต้องแบ่งกรรมการออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกทำหน้าที่รับเงินออม อีกกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่ขายสินค้าให้กับสมาชิก อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงแค่แนวคิดเท่านั้น คงจะต้องนำเข้าที่ประชุมกลุ่มและที่ประชุมประจำเดือนของโซนใต้อีกครั้งหนึ่ง
2.ร้านค้าสวัสดิการชุมชนบ้านดอนไชยจะรับทำหน้าที่เป็นผู้ลงทุนให้เอง ในกรณีจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคณะกรรมการของกลุ่มแม่พริกยังไม่มีความมั่นใจหรือยังไม่กล้าที่จะลงทุน บ้านดอนไชยก็จะเข้ามาช่วยทำเป็นตัวอย่างให้ก่อน จนกว่าทางแม่พริกจะมั่นใจ จากนั้นก็จะปล่อยให้กลุ่มแม่พริกจัดการเอง
ผู้วิจัยเห็นว่าหากทำได้คงจะเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้กับชุมชนได้ ดังนั้น หากกลุ่มเห็นด้วย ในวันออมของเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์จะรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและแม่ค้า (จำเป็น) เอง คงจะสนุกน่าดูเลยค่ะ
ไม่มีความเห็น