เมื่อเกิดกบฏในจินตนาการ


ปัจจัยกวนเหล่านั้นทำการยึดจิตใจไม่สำเร็จ ถูกจับเป็นกบฏ

     ช่วงหลัง ๆ มานี้มีบ่อยครั้งมากที่ถูกรบกวนจากปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้ทบทวนตัวเอง แล้วมองย้อนเข้าไปโดยใช้ฐานคิดแบบทุนนิยม การมุ่งแสวงหาเพื่อสะสม ความไม่เพียงพอ เช่นการรบกวนจากผู้ที่คอยหวังดี เน้นว่าเขาหวังดีจริง ๆ ไม่มีอะไรเคลือบแฝงแน่ การรบกวนเหล่านั้น มีผลทำให้เราอ่อนไหวไปบ้างในบางเวลา ไม่บ่อยนัก แต่ที่ร้ายก็คือเมื่อตกอยู่ในสภาวการณ์นั้นก็แทบเอาตัวไม่รอด เพราะหลุดออกมาได้ทุกครั้งซึ่งไม่สำเร็จซะที ผมจึงเรียกว่า “เกิดกบฏในจินตนาการ” ปัจจัยกวนเหล่านั้นทำการยึดจิตใจไม่สำเร็จ ถูกจับเป็นกบฏ

     มองว่าหากเราต้องลืมสิ่งที่หวังและมุ่งมั่นต่อจิตวิญญาณตนเอง เราต้องยอมเสียสละในหลาย ๆ สิ่งที่ชอบและให้ความสุขแท้ ๆ แล้วเรื่องอะไรที่เราจะต้องไปแสวงหาความสุขปลอม ๆ หรืออาจจะทุกข์ก็ได้ หลายต่อหลายครั้งแล้ว ที่ถูกโน้มนำให้ละทิ้งสิ่งที่ทำ ๆ อยู่ เพื่อใช้เวลานอกราชการไปรับจ้างทำงานให้กับภาคเอกชน (แสวงหากำไร) เช่น เป็นมือสองในการบริหารจัดการบริษัทขายวัสดุ หรืออื่น ๆ เขามองเห็นว่าจะช่วยทำให้เขาได้ และจะสร้างรายได้กว่าอาชีพนี้ในแต่ละเดือนหลายเท่านัก

     หากเมื่อในบางเวลาที่รู้สึกว่าจะทนกับความลำบากไม่ไหวในบางครั้ง หรือทุกครั้งที่รู้สึกล้า ๆ เหนื่อย ๆ เพราะธรรมดาของทุกเรื่องย่อมมีปัญหาอุปสรรคให้เราต้องคิดแก้ไขป้องกันอยู่เสมอ ๆ หรือนึกถึงภาระความรับผิดชอบในภายภาคหน้า ก็จะสะดุดลงจนแทบจะยอมแพ้ แต่แล้วก็มีใครคนหนึ่งได้เคยทักผมว่าหากทำเช่นนั้น นั่นก็หมายถึงไม่ใช่ “ชายขอบ” นะ และเมื่อมาคิดต่อว่า หากเป็นเช่นนั้นจริงผมก็คงไม่เข้ามาที่ GotoKnow ซึ่งผมรู้สึกรักและมีความสุขมาก คงปล่อยให้เป็นตำนานเล่าขาน เพราะละอายต่อ “ชายขอบ” อย่างมาก เมื่อคิดได้เช่นนี้ ปัจจัยกวนเหล่านั้นก็เป็นเพียงแค่ “กบฏในจินตนาการ” ของผมเท่านั้น ด้วยเหตุเพราะปัจจัยเหล่านั้นยังไม่สามารถยึดจินตนาการไปจากใจของผมได้

หมายเลขบันทึก: 37873เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2006 04:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

กบฎในจินตนาการ ปราบได้ด้วยทหาร "อิทธิบาท 4" ครับ ดี-ชั่ว อยู่ที่ตัวทำ สูง-ต่ำ อยู่ที่ทำตัว ผมภูมิใจในความเป็น "ชายขอบ" ด้วยครับ

    ผอ.บวร

ผอ.บวร

     ขอบพระคุณมากนะครับ สำหรับทางสว่างและกำลังใจ ผมก็บ่น ๆ ไปงั้นล๊ะครับ เดี่ยวนี้ GotoKnow มีไว้ให้ผมบ่น ๆ ได้ด้วยครับ หากจะบ่นดัง ๆ แทนการเขียน ก็ไม่ค่อยถนัดครับ เลยบ่น ๆ ไว้ที่นี่ เจอกบฎแต่ละหน หลาย ๆ หนเข้า ก็มาบ่ไว้ซะทีนึงนะครับ ไม่ซีเรียสอะไรครับ (ยังยิ้มได้อยู่...ครับ)

หากหัวใจปลิดได้คล้ายดอกฝน
คงปลิดหล่นปลิดหล่นคล้ายชีพนี้
เพราะหัวใจไม่ใช่ดอกฝนนะคนดี
จึงวันนี้มิแหลกยับดับภายใน

หากหัวใจปลิดกลีบได้คล้ายดอกไม้
คงปลิดร่ายพรายพรมลมพัดไหว
เพราะหัวใจมิใช่ดอกไม้นะดวงใจ
จึงหวั่นไหวเสียใจเพียงลำพัง..

หากหัวใจปล่อยได้คล้ายสายฝน
คงปล่อยหล่นปล่อยหล่นหมดสิ้นหวัง
แตกกระจายคล้ายแก้วแล้วกระมัง
เพียงฝั่งฝันยังมั่นใจใครเฝ้ารอ...

เพราะหัวใจปลิดไม่ได้ในวันนี้
จึงต้องมีหัวใจไหวเพ้อพ้อ
จึงต้องทนคนไม่เข้าใจพอ
จึงต้องขอจึงต้องทำความดีพลีเพื่ออุดมการณ์.........

พลี
*แด่ความฝัน*
*ความสุขเล็กๆแบบพอเพียงเพียงพอ
แสนสงบงามสมถะ*
แด่..
คุณชายขอบ..และทุกดวงใจในGotoKnow
หวังจักมี
ยอดดวงหฤทัย
ใครสักคนเฝ้ารอให้*คืนเรือนรับขวัญ*ค่ะ
 

คืนเรือนรับขวัญ!


ผม...ตัดสินใจ  
ซื้อที่ดินผืนนาร้างว่างเปล่านี้
ที่ผมดั้นด้นค้นหามายาวนานนัก
หลังจากเพียรพยายามตรากตรำทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำ
ทำหน้าที่ทางโลกอย่างดีที่สุดเป็นเวลาหลายแรมปี


เงินที่ผมถนอมออมเก็บกำมา เกือบตลอดทั้งชีวิต
เพื่อนำมาก่อฝันให้เป็นรูปเป็นร่าง..สร้าง

*วิมานกระท่อมทับเรือนไทย*
เป็นรังรักอาณาจักรใจ ในจินตนาการ
ริมบึงบัวสล้างที่กำลังกระจ่างใจเป็นจริง



ให้หยาดน้ำตาผมรินร่วงด้วยภาคภูมิใจ
ตรงหน้าผมนี้แล้ว...

เรือนไม้เรียบงามสงบสันโดษ
ในท่ามกลางธรรมชาติพันธุ์ไม้ไทยดอกหอมพร่าง
แตกช่อสล้างพราว  ขาวนวลหอมหวาน
รับอรุณยามเช้าอย่างสดชื่นระรื่นร่ำ ละออตาละออใจ


มีชานเรือนตรงกลาง
ให้นอนนับดาวเคล้ากลิ่นลำดวนดง
กับ การะเวก พุดซ้อน ปีบหอมพร่างกระจ่างใจ
พรรณไม้ไทยไหวกิ่งฝันนานา

เรือนไทยหลังน้อยของผม
สงบงาม ด้วยทางเดินร่มรื่น
ผ่านผืนนาร้างห่างเมือง
ผ่านหมู่บ้าน
เข้าทางถนนสายขรุขระ
ที่แสนมีเสน่ห์งามสำหรับดวงตาดวงใจผมนี้
ที่เห็นแง่งามมิตามโลกตามใคร
มิตามศิวิไลซ์เจริญรุ่งแบบกรุงกรงกักขัง


เส้นทางสายสวยสงบ
ที่จะพบแต่ความงามง่ายชิดใกล้ธรรมชาติ
ท่ามกลางดงดอกหญ้าระบัดไกวไหวเอนอ่อน..
อ้อนสายลมเย็นย่ำยามตะวันรอน

ห่างแสงสีเทคโนโลยี่ฉับไว แสนจะไกลปืนเที่ยง


เพียงผ่านบานประตู
ไม้ไผ่สานละเอียดเก่าคร่ำเข้ามา
ที่ผมแค่ใช้กั้นอาณาเขต
*บ้านภายในกับโลกภายนอก*
เหมือนราวพบโลกทวิภพ..
มาพบโลกอดีตที่รินร่ำฉ่ำเย็น
แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้เขียวชะอุ่มงาม
ใสพร่างหอมพรายนานาพรรณ...พฤกษ์


เรือนไม้ชั้นเดียว...
เป็นเรือนฝันสวรรค์เสก
กลางดงไม้ไทยร่มครึ้ม
ที่ด้านหนึ่ง
มีทางเดินลงสู่นาข้าว
พราวละมุนไกลกรุ่นสุดลูกหูลูกตา
ในนาที่กำลังออกรวงเรียวสีทองผ่องผุด
รอฤดูกาลเก็บเกี่ยวรอเคียวคม
ที่ผมอนุญาติให้ชาวนามาใช้พื้นที่
ช่วยหว่านเพาะปลูกหวัง
หว่านหวานฝัน  อันบรรเจิดใจ
ปลุกปลูกจิตวิญญาณไพรพร้อมๆไปด้วยกัน


ผมชอบสวรรค์เสน่หาวันที่ข้าวกล้าระบัดไหว
ใน*ทุ่งรวงทองปองฝัน*ของผมนานมา
หวัง...
ยามอ่อนล้า ได้พาร่างใจ ลงไปคลุกโคลนเลน
เที่ยวท่องตามท้องร่องของกอข้าวเขียวขจีที่ไสวพร่าง


ริมนา มีต้นตาล
ที่ผมปลูกไว้ราวชะลอฉากมนต์รักลูกทุ่ง
อันหอมกรุ่นในสำนึกลึกล้ำ..ให้คืนหลังกลับมา..
อีกคราอีกครั้งดั่งภาพฝัน
ยามผมฟังที่ผมนั้นอึ้งอั้นต้องมนตรา
ในบทเพลงเสน่หา*มนต์รักลูกทุ่ง*


............. 
หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง
มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อย
ก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า
บัวตูมบัวบาน

หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน
อวลระคนธ์หอมแก้มนงคราญ
ขลุ่ยเป่าแผ่ว
พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล
มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา
ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ
มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา
ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า
มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา
หวานแว่วแผ่วดังกังวาน
โอ้เจ้าช่อนกยูง
แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง

...........


และ
ผมปลูกผักนานา ไว้เก็บกินได้
ไร้สารพิษ
ผักบุ้ง ผักลิ้น  กระถิน โสนเหลืองทองอร่าม
งามพราวพิลาสพิไลแถมเก็บไปกินได้ด้วย
พืชผักสวนครัวริมรั้วริมบึง
ข่า ตะไคร่ ฟักแฟงแตงร้านแตงกวา
ถั่วฟักยาว กล้วยน้ำว้า กล้วยเล็บมือนาง สล้างเสลา


เคียงกันมีขนำนาเถียงนา ไว้มานอนรำพึงรำพัน
มองสวรรค์กลางดิน
มองรวงเรียวเขียวไพลเขียวพร่าง
ไสวสว่างกระจ่างใจ
ด้วยเรียวรวงสีทองราวคลื่นลอนระบัดพัดโบก
ราวผืนผ้าไหมยามลมไหวเป็นระริ้วพลิ้วระลอก
ไล่ละหลั่นสะบัดฝันเรียวรวงรอง


ผักก็งามทั่วท้องร่อง ริมบึงหนองริมท้องนา
กบเขียด อึ้งอ่างร้องอึงคนึงเคล้าคลึง
เถียงกันท่ามกลางเสียงสายฝนกระหน่ำจั๊กๆ
พรั่กพรั่กพร่างพรมลงบนรวงเรียว
จนเอนค้อมน้อมหนักลงแทบเคลียดิน
รวงงามราวนวลเนื้อนวลใจ
ราวกลีบดอกไม้พิสุทธ์ใสกลางกลีบใจ
ของนวลน้องนวลนางกลางไพรแม่สาวบ้านนา..


ผม..ชอบมานอนเหว่ว้า
อ้างว้าง ว่างใจ วางใจ ปลดปล่อยใจ

รินร่ำรับงามฟังเสียงฝนครางฟ้าครวญ
ฟังเพลงหวานแว่วจากวิทยุทรานซิสเตอร์
ละเมอหารักพ้อเพ้อละเมอใจหาสาวนา
ฟังบทเพลงธรรมชาติเหว่ว้ารายรอบริมบึงถึงริมใจ
ไหวหวามรำพึงคะนึงครวญหวนไห้ตาม


ให้ฝันให้ได้กลิ่นบรรยากาศของท้องทุ่งรวงทอง
ที่ยังรักกันแบบผ่องผุดพิสุทธิ์ใจราว*ขวัญ เรียม*
ในตำนานเที่ยวท่องล่องพงไพร
มิหลงแสงสี
มีเพียงแสงไต้ ยามราตรียามเข้าไต้เข้าไฟ
มีเพียงแสงตะเกียงลานดวงหวานริบหรี่วูบไหว
ให้ใจดวงหวาน หวามงาม พอกัน
..


บางค่ำคืน..
ผมจะมานอนฟังฝันฟังฝนทั้งคืน กลางเถียงนา
ดูสายฝนเหว่ว้ากระหน่ำลงมากลางนากลางใจ
ให้ไหวหวั่นฝันสะเทือนพอกัน
ดูสายฝนพรายพลิ้วละลิ่วโลมไล้ท้องนา
งามละลิบละลานตา
ดั่งสายหมอกสายเหมยสายไหม
ในทุ่งทิพย์รวงทอง
เรืองรองผืนนากับฟ้าพร่างพรม
ราวหยาดน้ำตาระทมร่วงพราวจากนางฟ้าใจดี
ที่งามเย็นทรวงร่วงให้รวงรับหยาดสายพรายพลิ้ว
และ


ยามใดที่ผมได้คลุกโคลนเลน
กลั้วกอดกลิ้งกับวัว ควาย
ที่เคยมากับกายใจในยามวัยเยาว์จนให้ใจถวิลหา..
*จะพาเกิดก่องามนิ่ม งามนวล ในเนื้อใจ*ผมนี้
ที่ราวกับว่า..เป็นหนึ่งเดียวกับชีวาชีวิตผมเลยทีเดียว


เรือนไทยของผมเป็นเรือนชั้นเดียว ยกสูง
ปล่อยลานโล่งไว้เสพทัศนียภาพรายรอบทิศทาง
ที่งดงามหวามหอม
ที่รายล้อมรอบ
ราวฉากฝันสวรรค์ลอยให้ลืมโลกจริง
ที่นับวันยิ่งแสนสับสนทุรนทุรายวายวุ่นขึ้นทุกทีทุกที..



ผม...
เพียรสร้าง..เรือนใจเรือนไทยเรือนในฝัน
ผสมผสานงานงามกับช่างภูมิปัญญาไทยพื้นถิ่น
วาดหวังให้เป็นวิมานดินเรือนรังรัก
ที่ผมระดมดวงใจรักจิตวิญญาณงามง่าย
หวังฝังฝากร่างไว้พบสุขสงบงามยามบั้นปลาย
ได้พิงพักใจตราบลมหายใจสุดท้าย
ที่แสนดายเดียวชั่วชีวาชีวิตผม


เครื่องเรือนน้อยชิ้น
ผม...มีเพียงเตียงไม้สี่เสาแบบโบราณ
ที่ผมเพียรเลื่อยไม้สร้างด้วยสองมือของผมเอง
แค่ผมพอนอนได้ มุ้งไว้ใช้แค่ กันยุง
เพราะเรือนโล่งจะเปิดหน้าต่างยันรุ่งอยู่แล้ว
เพื่อรอรับหยาดหวานกลิ่นกรุ่น
ไม้ดอกรำเพยเผยหอมหวานผ่านพร่างเข้ามา
***


ผม..ชอบนอนฟังเสียงสายฝนเฉียบเย็น
เต้นระบำบนเรียวใบไม้และปลายหญ้า

ผมชอบนอนนิ่งทิ้งใจดูจันทร์เพ็ญดวงหวาน
หว่านสายแสงกระจ่างสว่างไสว

ดูจันทร์เสี้ยวดวงเศร้าที่อ้างว้างดายเดียว
ดูดาวพราวฟ้ากว้าง..ดาวประจำใจประจำเมือง
ดูดอกคูนเหลืองพราวไสวราวสายฝนสีทอง
ผ่องนวลกลางแสงจันทร์
ดวงดอกลดาวัลย์พันเลื้อยเถาริมรั้ว
กอสายน้ำผึ้งหวานแสนหวาน
ก้านกลีบลำดวนดง..ปีบปลิดโปรยลงพร่างพื้นพรมพร่าง


ในท่ามกลางแสงตะเกียงรำไรริบหรี่
กับ
ราตรีในวสันตฤดู
คลอเคลียคู่ใจ
แสนเศร้าหนาวในนานนัก
กับแสงเทียนแท่งหอม
ที่ผมชอบเพราะถูกหลอมให้รับรินรสหอมสดนี้
มาจากยอดดวงใจในจิตวิญญาณรักวิญญาณฝันของผม


คนดี..ที่นะนาทีนี้
เธอสถิตทอดทับไปทุกที่
ทั้งกลางใจในฤดีนี้ที่อบร่ำพร่ำรักเธอเพียงผู้เดียว

ที่ถึงแม้นผมจะละเมอเพ้อหาสักเท่าไร
เธอคงไม่รับรู้รับฟังแล้วในวันนี้
พร้อมกับที่ดวงใจฝันผมเลิกหวังเลิกเจ็บปวด


ผม..ฉลาดพอที่จะขอถอดใจ
เก็บจิตวิญญาณรักนั้นไว้
และให้เป็นกลายกลับเป็นเพียงความทรงจำ
ที่งดงามหวานหอม
ให้ใสส่องสว่างนำทางใจเส้นทางใจไฟฝัน
ให้ผมเพียรไปสู่ฝันอันยิ่งใหญ่มิท้อใจมิรอลา
ให้ผมทำสิ่งดีงามสานฝัน
ที่เธอหวังวาดให้เป็นจริงแทนเธอ


เธอ...
คนที่ผมแสนรัก
และเรียนรู้การหักใจทำใจมิไหวครวญ
ให้ผมรู้หยุด หวนไห้
เมื่อเธอได้ฝากบทเรียนรักบทเรียนใจ
ให้ไหวรับตั้งรับกับสายธารธรรม
มาน้อมนำใจให้ใสพิสุทธิ์ดุจหยาดน้ำค้าง
ให้รู้รัก รู้วาง รู้ว่าง และรู้ภาวนา


ให้มีสติมีปัญญาเลิกว่ายวน
หลงวงกรรม
ที่จะน้อมนำรัดรึงใจมิให้ใสว่าง
มิให้หลุดพ้นเกมกลเกมกาม
ที่ลามไหม้แผดเผาร่างใจ หากมิรู้ทันรู้เท่า
เฝ้าถาใส่ราวแมลงเม่าลงในกองไฟรัก
ที่แสนทุกข์หนักทุกข์ใจเสียไม่มี


เธอ..
ฝากพร่างใส
ราวเรียวแดดสวย
ราวดวงตะวันจันทราเอื้อโอบหล้า
เหมือนดวงดาราบนฟากฟ้า
ที่เธอ..
กระซิบบอกว่า
จะนำทางผมไปสู่ฝั่งฝัน
ดินแดนนิรันดร์อันงามเงียบ
ที่รออยู่ที่แสนไกลในโพ้นฟ้า

ผมถึงมีฝัน..
และฟันฝ่า
มาสร้างรังรักพักใจ
นะเรือนไทยแห่งนี้ไว้ฝันฝากใจ
ตามหัวใจดวงงามยามสงบ
ที่ผมพบความรำงับได้จากรักที่แสนดีงาม


บัดนี้ความฝันทุกสิ่งในใจในวัยเยาว์ผม
ผมได้นำกลับมาทั้งสิ้นทั้งหมดตามมโนนึกแล้ว
และ
ด้านหน้าเรือนรักนั้นเพื่อสนองฝันสล้าง
ผมได้ใช้รถแบคโฮ มาไถขุดบึงกว้างเวิ้งว้างไกลสุดตา
ให้คนงานชาวนาปรับสภาพน้ำ
ลงบัวสล้างหลากสีสัน
ปล่อยปลานานาพันธุ์ มากมีมากมาย


และรายรอบริมบึงบัวนั้น
ผม..เก็บพันธุ์ไม้น้ำ  ต้นเก่าไว้  ให้งามร่มรึมบึง
คล้า จิก ไทร ไหวกิ่งฝัน
ทิ้งดอกพลันพรึบพร่างหว่านหวาน
กลางสายน้ำสายชลร่ำแสนฉ่ำเย็น


ผม...
สร้างสะพานเล็กๆทอดตัวจากลานบ้าน
เป็นดั่งสะพานรักดั่งสะพานฝัน
ลดเลี้ยวทอดลง  ตรงกลางบึงบัว
คลอเคลียขนาบข้างด้วยกอกก
แตกยอดชูช่อล้อลมไสวรำเพย


ที่ปลายสะพาน..
ผมจะผูกเรือมาดลำน้อยไว้
ที่ผมชอบอาศัยพายอ้อยสร้อย
ในยามเช้าเย็น


ยามเช้า...
ผมชอบพายไปเฝ้ารอ รับอรุณอ่อนอุ่น
ดวงแดงโดดใหญ่ราวกระด้งฝัดข้าว
ที่งามดายเดียว
รับสายหมอกหยอกเมฆละมุนงาม
เป็นงามอาทิตย์ในฤดูหนาวหม่น


ผม..จะฟังเสียง
นกไพรผกโผผินบินออกจากรวงรังรัก...หาเหยื่อ
ฟังเสียงปลากระโดดผึงงับเหยื่อ  เหนือสายน้ำ
เห็นเกล็ดขาววะวาววับสะท้อนรับแดดอ่อนอ่อนอุ่นสีทอง


ดู..เรียวบัว  กางออกหยอกพร่าง
น้ำค้างกลิ้งราวเพชรรุ้งพราย
ค่อยๆกระจายหายวับไปกับเรียวแดดละอออุ่น..


ยามเย็น..
ตะวันลา
ผมจะพายเรือมาเก็บบัวบานไปถวายพระ
และนาทีนั้น
หัวใจผมจะฝันพร่างสว่างใจกลางบึงบัวหลากสีนั้น
ดั่งภาพฝัน ในนิมิตร..
ราวโลกรายรอบอ้างว้าง ไม่มีใคร
แสนสงบเงียบงัน


เหมือนผมหลงเข้าไปในแดนสวรรค์สุขาวดี
ที่มีเพียงผมและความว่างเปล่า
กับเงางามของดวงดอกบัวชูช่อโผล่กอพ้นน้ำ
ที่งามสดสว่างไสวพ้นโคลนเลน เต่าตมจมใต้น้ำ


ผม...จะค่อยๆเอนตัวระนาบกับกราบเรือรับพร่างพรม
ดอมดมหอมกลีบพร่างกลางเกสรบัว
รับฉ่ำงาม..
ของสายลมสายน้ำ..
ที่แสนงามเงียบฉ่ำเย็น
สงบซึ้งถึงดื่มด่ำล้ำลึกในดวงใจในเนื้อใจ
ราวสายธารธรรม..ธรรมชาติ วาดเวิ้งใจ
ให้ไหลเข้าสู่ห้วงหอมอนันตกาลอันหวานกว่าหวาน
หอมกว่าหอม
ฉ่ำๆลึกๆนึกนึกล้ำ..รำงับระกำ
เหลือเพียงความว่างใจ..แทนที่ใจ..


ดวงใจดวงวิญญาณผม
ผสานผสมเป็นหนึ่งเดียวกับมวลสรรพสิ่ง
มีเพียงใจดวงนิ่ง หลอมรับงาม
จากดนตรีธรรมชาติ
จากเสียงนกไพรภายนอก
ที่ยังร้องบอกราวย้ำเตือนว่า..


ผมยังมีชีพนี้  ยังมีดวงชีวีชีวา
ยังมีลมหายใจ
มิได้หลุดพ้นหลุดลอยไปไหน
และทุกห้อมหอมห้วงในดวงใจ
ยังเวียนวนไม่พ้นดงกรรม
ในโลกอันแสนวายวุ่นสับสนนี้


ทั้งๆที่...หัวใจดวงดี
ดวงแสนงามของผมนี้
หยุดครวญคร่ำพิร่ำพิไร มานานนักแล้ว

และผม..
หยุดพักวางทุกเรื่องราวรัก
มิว่าเศร้าหรือสุข ไว้ภายนอกร่างใจ
มิรับขยะใจใดใดให้มาทำร้ายกรายกล้ำ
เหลือเพียงจิตวิญญาณงามล้ำตามวิถี


เพราะใจดวงนี้
ได้ดำรงร่างทำหน้าที่ทางโลกมานานพอแล้ว
ชีวีที่เหลือ..
ขอพิงพักธรรมชาติงาม
สรรสร้างรจนาฝัน
ตามใจหนึ่งนี้
ที่คงเหลือคืนฝันวันหวานแสนสั้นคืนสู่โลกไม่นาน
..


ให้ดวงใจได้คืนงามนามธรรมะ
คุ้มครองใจคุ้มครองโลก
ลบโศกสุขทุกวิถีแด่ทุกผู้คน
ทั้งกับเรานี้
และ
กับผองเพื่อนผู้ร่วมเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
ทั้งหมดทั้งสิ้นทุกคนด้วยเถิดนะ
ก็คงประเสริฐพอ
ที่ได้มาก่อเกิดเป็นมนุษย์ผู้โชคดี
ได้มาพบพระพุทธศาสนา


มีดวงชีวีที่เพียรให้น้ำใจรัก
ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
มิสิ้นหวัง สิ้นหวาน
ที่เพียรพยายามค้นหา
เส้นทางใจเส้นทางจิตวิญญาณ
พราวพร่างผ่องผุดพิสุทธิใจพิสุทธิ์งาม...

ท่ามกลางสนธยาฟ้ามืด..
ผม...
ได้ยินเสียงระรินหลั่งของสายฝนพร่าง
ลงกลางบึงบัวงาม
ในยามวสันต์ลาฟ้าสะเทือน ในบางคืนค่ำ


ร่างกายและเนื้อใจผมราวดอกไม้สยายกลีบ
รับหยาดละออละอองของหยาดน้ำตานางฟ้าผู้แสนใจดี
ที่แสนมีเมตตากำลังพร่างสายละหลั่งริน ห่มว่าง
ให้ยิ่งดายเดียวเปลี่ยวเหงา
งามเงียบ...หนาวซ้ำ..ตอกย้ำใจ


ผมแหงนเงยหน้าท้าหยาดฝน ลมบน
กอบัวไหวเอนลู่ลม
พระพิรุณกำลังพร่างพรมห่มชะตาโลกสะเทือน
น่าแปลกที่หยาดน้ำตาลูกผู้ชาย
กำลังพร่างสายด้วยปิติ
หลอมละลายหายไปกับสายวสันต์ลา

ทิ้งโลกโศกสะเทือนเศร้า
ทิ้งหยาดน้ำตาไว้เบื้องหลัง



ผมค่อยๆพายเรือช้าช้า
กลับเรือนรัง..
เสมือนดั่งนกไพรกลับรังรวง...เดิม..ดายเดียว!

..............


 
บ้าน เรา แสน สุขใจ
แม้จะอยู่ ที่ไหน
ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา
คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา
ด้วยพระบารมีล้นเกล้า
คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์
รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง
พริ้วแดดส่อง สดใส
งามจับใจ มิใช่ฝัน
ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน
ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น
หอมทุกวัน ระบือ ไกล
บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น
ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร
หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้
จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า
เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ
ขอวานหน่อยได้ไหม
ลอยล่องไป ยังบ้านเขา
จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว
ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า
ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย...
...................................

 นานมาแล้วอ่านพบลูกผู้ชายนักสู้

ที่ไร้แขนค่ะ

....................

แด่..สุภาพบุรุษนักสู้

ขอเขียนกลอนอ่อนไหวสักบทหนึ่ง
ศรัทธาซึ้ง ถึงผู้ชาย ที่ไร้แขน
มีหัวใจ นักสู้ มาทดแทน
ไม่มีแขน ยังมีขา กล้าก้าวไป..  
.......................
และ..ถึงทุกดวงใจ..

สุภาพบุรุษลูกผู้ชายหัวใจทรนง
ผู้ซื่อตรงคงมั่นไม่หวั่นไหว
ใช้สมอง สองขา สู้ด้วยใจ
อย่าถอดใจแพ้พ่าย สิ้นไร้ใคร

แล้วเธอเล่า ด้วยเหตุใด ไยท้อแท้
ยอมพ่ายแพ้ ยังไม่ทัน จะถึงไหน
ยอมทรุดร่าง ลงนอน ทอดถอนใจ
ยอมถอดใจ แพ้พ่าย คล้ายรอลา..  

ขอฝากกลอน สอนใจ บทหนึ่งนี้
ผ่านถึงคนดี ทีมีมือ และมีขา
อีกสมอง เฉียบคม ให้ไขว่คว้า
อย่ารอท่า ทำเลย เฉยอยู่ไย

เพียงแค่ฝัน ฝันฝัน ก็ฝันค้าง
ใจอ้างว้าง คงไป ไม่ถึงไหน
ฝันแล้วทำ ทำแล้วสู้ ด้วยหัวใจ
ก้าวขึ้นไป บนถนนนักสู้ ผู้คว้าดาว!

     ขอบคุณสำหรับบทกวี ที่ได้นำมาแลกกันเสพครับ

ศรัทธา..ต่อตน..

เท่านั้น...

หลุดพ้นจาก...สิ่งทั้งปวง..

ยังคงยึดมั่น...

และแน่วแน่...

ต่อสิ่งที่ตนศรัทธา

     บันทึกนี้ Mind & Spiritual(9): เหนืออารมณ์  ตอบได้ดีเลยทีเดียวครับในประเด็นนี้ ขอบคุณมากนะครับ และจะเข้าไป ลปรร.ด้วยอีกที ขอตีประเด็นให้ข้น ๆ ก่อนครับ

แวะมาเยี่ยมครับ และจะนำของดีกลับไปด้วยครับ

คุณ M

      ใช่ GotoKnow นะครับ แต่ "งง" ว่าคำถามหมายถึงอะไรครับ

คุณ ชาญวิทย์-นครศรีฯ

     บอกมั่ง ว่าเอาอะไรกลับไป ไม่งั้นแจ้งนาย...นะ

   ขอให้กำลังใจ  และอวยพรให้ สามารถ กักบริเวณ   “กบฏในจินตนาการ” ไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านในโลกจริงที่งดงาม (โดยไม่ต้อง ฟู่ฟ่า) ของ หนุ่มน้อย
(ลงเรื่อยๆ) เจ้าของสมญา ชายขอบ แห่ง เมืองลุง     
    เตือนตัวเองบ่อยๆ นะน้อง .. ความสุก หรือ ความสุข ต้อง  สะกดให้ถูกต้องอยู่เสมอ !
อย่ายอมแพ้
อ้อม สุนิสา สุขบุญสังข์
หาก วันนี้ เรา ล้มลง
ยังคง ลุกขึ้น ได้ใหม่
ยังคงมีหนทาง ถ้ายังมียิ้ม สดใส
ก้าวไป อย่าหวั่นไหวหวาดกลัว
พร้อมทนทุกข์หมองหม่น
ผจญ ความมืดหมองมัว
ไม่กลัว จะฝันถึง วันใหม่

หากวันใดอ่อนแอ
ท้อแท้ อย่าหวั่นไหว
ขอให้ใจ ไม่สิ้นหวัง
ปัญหา แม้จะหนัก
ก็คง ไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้ง ก้าวไป
ขอ อย่า ยอม แพ้
อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น สู้ไป
จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง

หากวันใดอ่อนแอ
ท้อแท้ อย่าหวั่นไหว
ขอให้ใจ ไม่สิ้นหวัง
ปัญหา แม้จะหนัก
ก็คง ไม่เกินกำลัง
อย่าหยุดยั้ง ก้าว ไป
ขอ อย่า ยอม แพ้
อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น สู้ไป
จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง
ขอ อย่า ยอม แพ้
อย่าอ่อนแอ แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น สู้ไป
จุดหมาย ไม่ไกล เกินจริง...

อาจารย์ Handy

     ขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับกำลังใจครับ ผมมีความสุกสุข จริง ๆ ครับรับรองว่าจะกักบริเวณกบฎไว้ครับ แต่กลัวเหมือนกันว่าเขาจะแหกที่คุมขังไปปฎิวัติอาจารย์แทน (ประมาณว่าผมนำทัพไปเอง ฮา)

คุณ....ครับ

     อย่ายอมแพ้ เพลงนี้ชอบมากเลยครับ ขอบคุณจริง ๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท