อำนาจและสิทธิอธิปไตยเหนือทรัพยากรพันธุกรรมพืช


อำนาจอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยเหนือฐานทรัพยากรพันธุกรรมเพื่ออาหารและการเกษตรว่ามีขอบเขตกว้างมากเพียงใดในสนธิสัญญา

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อ่านเจอบทความที่น่าสนใจบทความหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจและสิทธิอธิปไตยในทรัพยากรพันธุกรรมพืช เพราะต้องยอมรับว่าในปัจจุบันนานาประเทศต่างก็ต้องพบเจอกับปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐเข้าร่วมลงนาม หรือมีการตกลงทำสนธิสัญญากับทั้งภาครัฐของอีกรัฐหนึ่ง หรือแม้ทั้งภาคเอกชน องค์กรระหว่างประเทศอื่นๆในการเข้าไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของอีกรัฐหนึ่ง เช่น การทำเขตการค้าเสรี(FTA)แบบทวิภาคี หรือการเรียกร้องความร่วมมือในด้านสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องการแก้ปัญหาโลกร้อนและภาวะเรือนกระจก หรือที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ล่าสุด ได้แก่ความร่วมมือในด้านพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตร ซึ่งถ้าหากทางไทยให้สัตยาบันรับรองเข้าเป็นภาคีในสนธิสัญญาฉบับบดังกล่าว ย่อมส่งผลต่อการใช้อำนาจอธิปไตยของรับไทยในการบริหารนโยบายการจัดการการเข้าถึงฐานทรัพยากรพันธุกรรมพืชเพื่ออาหารและการเกษตรในอนาคต ซึ่งประเด็นสำคัญที่ไทยจะต้องพิจารณาเพื่อการตัดสินใจ คือ ประเด็นทางกฎหมายที่มีนัยในทางกฎหมายทั้งกฎหทายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศ คือ อำนาจอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยเหนือฐานทรัพยากรพันธุกรรมเพื่ออาหารและการเกษตรว่ามีขอบเขตกว้างมากเพียงใดในสนธิสัญญาฉบับดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของประเทศ

หมายเลขบันทึก: 37743เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2006 22:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม 2012 20:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

คิดแค่นั้นไม่พอต้องดูว่าเราไปลงนามสนธิสัญญาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในเรื่องใดไว้บ้างแล้ว เช่น CITES และปัจจุบันเราได้ทำต่อหรือไม่ในการพัฒนากฎหมาย พัฒนาคน และสร้างทัศนคติในเรื่องดังกล่าวกับประชาชนกลุ่มใดบ้างแล้ว

ขอบคุณมากค่ะ แล้วจะกลับไปหาข้อมูลเพิ่ม
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท