วันที่ 16 มีนาคม 2549 แกนนำ อสม.ของสถานีอนามัยบ้านเกาะเรียน นำโดยคุณยะฝาด หนูโส๊ะ หรือเรียกสั้นๆว่า บังฝาด ประธาน อสม.ของ สถานีอนามัยฯ ได้เชื้อเชิญเหล่าแกนนำ อสม. 10 ท่าน และผมในฐานะเจ้าหน้าที่ร่วมประชุม เพื่อจะพัฒนาชมรม อสม.ของบ้านเกาะเรียนให้เข้มแข็งและจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วยเหตุที่บังฝาด ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าสมาชิกให้ดำรงตำแหน่ง ประธาน อสม. คนใหม่ ก่อนประชุมผมก็บอกกับแกนนำ อสม.ว่า ผมขอเป็นแค่ผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งเท่านั้น มีหน้าที่นำข่าวสารราชการมาเล่า มาบอก และอาจแนะนำในแง่มุมทางวิชาการบ้างเท่านั้น ส่วนการประชุม บังฝาดต้องนั่งหัวโต๊ะหรือแสดงเอง ก็เลยตกลงตามนั้น ผมทวนความทรงจำให้นิดหนึ่งว่า ตอนเปิดที่ทำการอาคารหลังใหม่ เมื่อ กรกฎาคมปี 2542 ผมได้กล่าวที่ประชุมว่า "สถานีอนามัยบ้านเกาะเรียนจะต้องพัฒนาให้ อสม.เป็นผู้ใช้ให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ใช้ให้อสม.ทำงาน" ดังที่รับทราบกันมา และผมก็ขอช่วยให้คุณสายชล ขวัญปลอดหรือน้องสายเป็นคุณลิขิตที่บันทึกแบบแผนที่ความคิดและคุณเตือนใจ สุขเกษม หรือ ป้าเตือนเป็นคุณลิขิตที่บันทึกแบบวาระการประชุม ตามแต่ถนัด
บรรยากาศแลกเปลี่ยนเป็นไปแบบกันเองเพราะทุกคนคุ้นเคยกันดีพอที่จะสรุปประเด็นที่น่าสนใจได้ คือ
1 พัฒนาการบริหารจัดการชมรม เน้นการเชื่อมโยงเครือข่ายกับอสม.ในระดับพื้นที่ของ สอ. อื่นๆ ประสานกับชมรมอำเภอ และในระดับจังหวัด กำหนดวันประชุมเป็นวันที่ 10 ของทุกเดือนโดยไม่ต้องออกหนังสือเวียนแจ้งวาระการประชุม สร้างจิตสำนึกการมาประชุมโดยไม่ต้องนัดให้เป็นไปตามหน้าที่ ขอใช้บ้านพักสถานีอนามัยซึ่งว่างอยู่เป็นที่ทำการและศูนย์ข้อมูล อาจจะประกอบด้วยรูปถ่ายผังชุมชน ผังองค์กรของ อสม. บริหารงบประมาณงานสาธารณสุขมูลฐาน 10,000 บาทต่อชุมชนให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยชุมชนเอง พยายามหาวิธีการที่เหมาะสมในการประชาสัมพันธ์บอกเล่าการทำงานที่ อสม.ทำในแต่ละเดือน
2 จัดเวทีการแลกเปลี่ยนความคิด ความเห็นกันกับ อสม.ทุกคนทั้งหมด 60 คน โดยในเบื้องต้นหลายคนอยากไปที่เขาชัน(เสียงว่าบรรยากาศดี) ผมเสนอแนะว่าอาจจะต้องใช้งบประมาณสูงพอสมควร บังฝาดเลยรับอาสาไปคุยกับนายกเทศมนตรีคุณชนะ เขียวจีนให้(ใกล้เลือกตั้ง สท.ลูกท้อนแค่สุกแล้ว)ผลเป็นประการใดจะแจ้งให้ทราบและที่เน้นย้ำเป็นพิเศษคือทุกคนต้องไปร่วมกิจกรรมให้ได้ ส่วนวิทยากรหรือรายละเอียดที่จำเป็นผมจะประสานให้
3 การพัฒนาสถานีอนามัยในบทบาทของ อสม.เน้นความสวยงามของสถานบริการทำร่วมกับหมอ โดยชมรมจะจัดเวรให้ อสม.ทั้ง 4 ชุมชน 60 คน หมุนเวียนกันวันละ 2 คน ไปอยู่เวรที่สถานีอนามัยหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจกรีดยางแล้ว เพื่อคอยทักทายผู้มารับบริการ(บังฝาดว่าตักน้ำให้คนไข้กินก่ายังดี)หรือช่วยเหลืองานอื่นก็ได้หรือถ้าใครสนใจเรื่องการนวดแผนไทยก็เรียนจากของจริงเลยเพราะที่สถานอนามัยมีเจ้าหน้าที่ให้บริการเรื่องนี้เป็นการเฉพาะตามหลักสูตรของกระทรวงสาธารณสุข
4 ประเด็นนี้สำคัญมากคือ ชมรม อสม. จะจัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลสวัสดิการแก่สมาชิก ในเรื่องการจัดของขวัญไปเยี่ยมสมาชิกยามเจ็บไข้นอนพักรักษาที่โรงพยาบาล หรือเวลามีงานศพในครอบครัว อสม.ถ้าเป็นไทยพุทธก็ไปร่วมทำบุญ นำพวงหรีดไปคารวะศพถ้าเป็นพี่น้องไทยมุสลิมก็ซื้อขนม ชา กาแฟไปร่วมงาน โดยให้สมาชิกนำเงินมาสมทบเข้ากองทุนคนละ 100 บาทต่อเดือนและก็ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาและจะร่างกฎระเบียบกองทุนเสนอที่ประชุมสมาชิกเพื่อให้ความเห็นชอบและรับรองระเบียบต่อไป อีกทั้งเจ้าหน้าที่ต้องเป็นสมาชิกด้วยทุกคน
ผมนั่งร่วมประชุมอยู่ก็แอบปลื้มใจ อาจเป็นก้าวใหม่ หรือก้าวเดิมที่ควรจะเดินมาตั้งนานแล้วก็ตาม ณ วันนี้ กองทุนก็เริ่มขึ้นแล้ว การปรับปรุงบ้านพักเป็นที่ทำการก็เกือบเสร็จแล้ว รอวันเปิดที่ทำการอย่าง เป็นทางการเท่านั้น และผมเองจะเฝ้าดูว่าวันที่ 10 กรกฎาคม 49 ที่จะถึงนี้ พี่ฝาด หรือบังฝาดจะมีอะไรให้ผมได้เรียนรู้อีก