Archanwell
รศ.ดร. พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

ขอความช่วยเหลือให้แก่อาจารย์อายุ นามเทพ...เพชรน้ำหนึ่งทางวิชาการดนตรี...คนดีที่ประเทศไทยลืม


ดิฉันขอแรงวงวิชาการมาช่วยกันสนับสนุนโอกาสทางวิชาการดนตรีไทยหน่อยค่ะ มันผิดด้วยหรือที่นักวิชาการด้านดนตรีจะตกเป็นคนไร้รัฐ

         โดยเหตุที่ดิฉันมีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชนซึ่งมีปัญหาในการพิสูจน์สถานะบุคคลตามกฎหมายไทย ซึ่งทำให้ดิฉันได้รับคำร้องขอของอธิการบดีมหาวิทยาลัยพายัพเพื่อเข้าช่วยแก้ปัญหาความไร้รัฐให้แก่อาจารย์ นามเทพ มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๘        

           อาจารย์อายุประสบความไร้รัฐเนื่องจากเป็นบุคคลที่เกิดในประเทศพม่าจากบิดามารดาซึ่งเป็นคนเชื้อชาติกะเหรี่ยงที่เกิดในประเทศพม่า ครอบครัวของอาจารย์อายุอพยพหนีภัยความตายจากพม่าเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ราว พ.ศ.๒๕๐๒  อาจารย์อายุจึงไม่ได้รับการยอมรับในทะเบียนราษฎรของรัฐพม่าในสถานะของคนสัญชาติพม่า บุคคลทั้งสองจึงตกเป็นคนไร้สัญชาติในประเทศพม่า และอาจารย์อายุก็ไม่เคยได้รับการลงรายการสถานะในทะเบียนราษฎรของรัฐไทยในสถานะของคนสัญชาติพม่า อาจารย์อายุจึงตกเป็นคนไร้สัญชาติในประเทศไทย เช่นกัน ดังนั้น ในที่สุด จึงสรุปได้ว่า อาจารย์อายุจึงไม่มีเอกสารพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ออกโดยรัฐใดเลย จึงมีสถานะเป็นคนไร้รัฐในประชาคมโลก             

           ครอบครัวอาจารย์อายุเคยได้รับการผ่อนผันให้ลี้ภัยในประเทศไทย ดังปรากฏในหนังสือของสำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรีที่ ๘๑/๒๕๐๒ เมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๒ ลงนามโดย พันเอก แสวง เสนาณรงค์ รองเลขาธิการทำเนียบนายกรัฐมนตรี ลงนามแทน เลขาธิการทำเนียบนายก

         ดิฉันได้รับคำร้องขอให้ช่วยเหลืออาจารย์อายุเพื่อให้แก้ความไร้รัฐให้แก่อาจารย์อายุ นามเทพ ดิฉันจึงได้เสนอให้มีการดำเนินการตามกฎหมายที่ค้างมาตั้งแต่ต้นโดยการประสานงานกับตำรวจภูธรเชียงใหม่เพื่อทำคำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทยให้แก่อาจารย์อายุตั้งแต่วันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๘ และได้นำเรื่องของอาจารย์อายุนำเสนอคณะกรรมการติดตามและประสานงานตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรี (คตส.นรม.) เพื่อรับทราบปัญหาเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๘ ซึ่งก็ได้มีข้อแนะนำให้มีการแปลงสัญชาติเป็นไทยให้แก่อาจารย์อายุโดยวิธีการพิเศษดังกำหนดในมาตรา ๑๑ (๑) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ด้วยทุกฝ่ายตระหนักในคุณานุปการทางสังคมที่อาจารย์อายุมีต่อวงวิชาการดุริยศิลป์ของประเทศไทย เรื่องก็ยังไม่แล้วเสร็จลงจนในปัจจุบัน          

           แต่ในวันนี้ ด้วยท่านอาจารย์ อายุ นามเทพ มีความจำเป็นที่จะต้องพาคณะนักร้องประสานเสียง Payap Sacred Music Singers ของมหาวิทยาลัยพายัพเดินทางเพื่อเข้าร่วมแข่งขัน Choir Olympics ครั้งที่ ๔ ณ เมือง Xiamen สาธารณะประชาชนจีนในฐานะตัวแทนของประเทศไทยในระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้จะมีคณะนักร้องประสานเสียงจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า ๒๐๐ คณะ           

           ด้วยเหตุนี้ ทางคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพได้จึงได้ประสานงานไปยังตำรวจภูธรและสำนักงานสันติบาลเพื่อรับทราบปัญหาของอาจารย์อายุ ซึ่งไม่มีเอกสารพิสูจน์ทราบตัวใดๆ เลย จึงไม่อาจเดินทางออกจากประเทศไทย ไปยังประเทศจีน อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และการปรากฏในการแข่งขันนี้ อาจารย์อายุก็ไม่อาจแสดงตนในสถานะคนสัญชาติไทย ทั้งที่ต้องทำหน้าที่ผู้แทนของประเทศไทยในการแข่งขันโอลิมปิคทางดนตรีครั้งนี้           

           โดยการประสานงานดังกล่าว อาจารย์อายุ นามเทพจึงได้รับการแจ้งเป็นหนังสือจากสำนักงานตำรวจสันติบาลว่า จะมีการพิจารณาคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยโดยคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ณ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยในวันศุกร์ ที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ เวลา ๐๙.๐๐ น. แต่ในวันที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ ก็มีข่าวแจ้งให้ทราบว่า จะเลื่อนการพิจารณาออกไปโดยไม่มีการกำหนดเวลา ซึ่งเป็นเหตุให้คำร้องขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของอาจารย์อายุไม่ได้รับการพิจารณาให้ทันต่อความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปแข่งขันในเวทีโอลิมปิคทางดนตรีโลกดังกล่าว           

              หากอาจารย์อายุจะไม่ได้ไปทำงานวิชาการครั้งนี้ หรือแม้ไปในสถานะคนไร้รัฐจากประเทศไทย ซึ่งหมายถึง เป็นคนต่างด้าวที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย  สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ น่าจะไม่ส่งผลที่ดีต่อวงการวิชาการดุริยศิลป์ของประเทศไทย อีกทั้งภาพลักษณ์ของประเทศไทยในประชาคมระหว่างประเทศ            

               จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาแก้ไขสถานการณ์ที่ภาควิชาการกำลังเผชิญอย่างเจ็บปวดให้ด้วย           

             นักวิชาการทั้งหลาย ดิฉันต้องการความช่วยเหลือค่ะ ดิฉันอ่อนล้าที่จะต่อสู้กับอำนาจนิยมทั้งหลายมากเลยค่ะ

--------------------------------------------------------

เพิ่มเติม LinK เกี่ยวกับ อ.อายุ นามเทพ ให้อ่านกันค่ะ

--------------------------------------------------------    

 ความเหมาะสมและความเป็นไปได้ทางกฎหมายที่จะให้สัญชาติไทยแก่คนหนีภัยความตายจากแผ่นดินพม่ามาสู่แผ่นดินไทย : กรณีอาจารย์อายุ นามเทพ, สรุปข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๘ (งานเขียนโดยนักวิชาการสายกฎหมาย) เผยแพร่ในhttp://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=128&d_id=128&page=1 

จดหมายของนายเรมีย์ - นายศิลา นามเทพถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอบัตรแสดงตนให้แก่อาจารย์อายุ นามเทพ มารดาซึ่งตกเป็นคนไร้รัฐ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๘ (งานเขียนโดยครอบครัวของคนไร้รัฐเจ้าของปัญหา) เผยแพร่ในhttp://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=171&d_id=171 

ชีวิตดั่งนิยายของนักเปียโนไร้สัญชาติ โดย ธันวา สิริเมธี, (งานเขียนโดยสื่อเพื่อสิทธิมนุษยชน) เผยแพร่ในสาละวินโพสต์ ฉบับที่ ๒๒ (วันที่ ๑ เมษายน๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๘), และเผยแพร่ใน http://www.salweennews.org/dream%20sp%2022.htm 

อายุ นามเทพ : อาจารย์ด้านดนตรีที่ทำงานเพื่อเด็กและเยาวชนมากว่า 20 ปี แต่ไร้รัฐมาตั้งแต่เกิด โดย นางสาวพรรณี อมรวิพุธพนิช เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๗(งานเขียนโดยสื่อเพื่อสิทธิมนุษยชน) และเผยแพร่ในhttp://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=162&d_id=162 

อายุ (โพ) นามเทพ : คนไร้รัฐและมนุษย์ล่องหน โดย อายุ (โพ) นามเทพ (งานเขียนโดยคนไร้รัฐเจ้าของปัญหา) เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๘ และเผยแพร่ในhttp://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=230&d_id=229 

จดหมายของอาจารย์อายุ นามเทพถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความอนุเคราะห์เร่งรัดกระบวนการพิจารณาขอแปลงสัญชาติเป็นไทย เมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๘ (งานเขียนโดยคนไร้รัฐเจ้าของปัญหา) และเผยแพร่ในhttp://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=178&d_id=178 

ขอความช่วยเหลือให้แก่อาจารย์อายุ นามเทพ...เพชรน้ำหนึ่งทางวิชาการดนตรี...คนดีที่ประเทศไทยลืม  โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร เมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ (งานเขียนโดยนักวิชาการสายกฎหมาย) เผยแพร่ใน http://gotoknow.org/blog/msa-by-law/37553 

ขอน้ำใจ "ไทย" ให้ "อายุ นามเทพ" บุคคลากรแห่งความรู้ด้านดนตรี โดย ดร. จันทวรรณ น้อยวัน (งานเขียนโดยนักวิชาการด้านเทคโนโลยีที่เข้าช่วยเหลือเจ้าของปัญหา) และเผยแพร่ในhttp://gotoknow.org/blog/tutorial/37774 

ผมขอ "แจก F" (เพื่อให้กำลังใจ อ. อายุ นามเทพ) โดย ดร.ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ (งานเขียนโดยนักวิชาการด้านเทคโนโลยีที่เข้าช่วยเหลือเจ้าของปัญหา) และเผยแพร่ใน http://gotoknow.org/blog/averageline/38107

หมายเลขบันทึก: 37553เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2006 09:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 22:18 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (144)

ในขณะที่หลายๆ ประเทศพยายามแย่งตัวคนดีมีฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น จิตรกร นักเขียน นักกีฬา โดยเฉพาะ นักดนตรี ให้เป็น citizen ของประเทศนั้นๆ ประเทศไทยกลับไม่มีนโยบายช่วยเหลือบุคคลที่มีความสามารถเหล่านี้ให้ได้เป็นคนไทยอย่างถูกต้องเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย

อ่านเรื่องนี้แล้วเศร้าใจครับ

ทราบไหมคะว่า มีกฎหมายที่ในหลวงรัชกาลที่ ๖ พระราชทานเพื่อให้ฝ่ายปกครองให้สัญชาติไทยแก่คนต่างด้าวที่ทำคุณงามความดีต่อประเทศไทย และหลักกฎหมายนี้ก็ปรากฏในประเทศไทยมาตลอดจนถึงปัจจุบัน

มีนโยบายที่ชัดเจนมากของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๘

แต่ปัญหาของอาจารย์อายุก็ไม่ได้รับความสนใจจากฝ่ายปกครองอย่างจริงจัง

วันนี้ มติชนไปสัมภาษณ์ เขาว่า เขาเพิ่งทราบ

เราซึ่งดูแลเรื่องให้คำปรึกษาด้านกฎหมายดูแล้ว และประสานงานขนาดที่นำไปเสนอรายละเอียดต่อที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีที่บ้านพิษณุโลก (ลองดูรูปการพิจารณาที่บ้านพิษณุโลก ในวันนั้น ก็แล้วกัน http://www.archanwell.org/gallery/show_room.php?h=181&id_dir=106)

สงสาร อ.อายุ และวงวิชาการดุริยศิลป์ของพายัพยิ่งนัก

 

สรศักดิ์ กำเนิดศิริ

อาจารย์ อายุ นามเทพ

 อาจารย์ดนตรีไร้สัญชาติที่มีลูกศิษย์ลูกหาคนไทยเต็มเมือง…


...ผู้ยกระดับความรู้ด้านดนตรี ให้เป็นที่แพร่หลายในเมืองไทย
จนมีลูกศิษย์ไทยหลาย ๆ คน เป็นเจ้าของโรงเรียนดนตรี หรือไม่ก็เป็นอาจารย์ดนตรี และบุคคลที่เป็นลูกศิษย์เหล่านี้ ก็ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ดนตรีออกไปอีกในวงกว้าง ให้กับเด็กไทย...

....คุณค่าตัวโน้ต จากน้ำเสียงของอาจารย์ในวันนั้น...วันที่ผมยังอ่านโน้ตไม่ออก เมื่อปี 2524 จนถึงวันนี้ ผมเชื่อว่า ลูกศิษย์ของอาจารย์ ทุก ๆ รุ่น ได้ถ่ายทอดตัวโน้ต ที่พวกเขาได้ยินจากปาก จากเสียงของอาจารย์  สู่ลูกศิษย์ของพวกเขาต่อ ๆ กันไป  

...บางคนสอนเด็ก ๆ รุ่นแล้วรุ่นเล่า  บางคนมีโรงเรียนสอนดนตรี ที่ซึ่งถ่ายทอด คุณค่าของตัวโน้ตที่อาจารย์ให้ไว้เป็นเครื่องมือทำมาหากิน

...สิ่งที่กล่าวมา ไม่สามารถตีค่าเป็นราคาได้ และต่อไปในอนาคต ก็ไม่สามารถ กำหนดให้ความรู้นั้น หยุดลงได้


...แต่อาจารย์อายุ ก็ยังไม่ได้เป็นคนไทย...

 

ขอให้ท่าน ที่เห็นคุณค่าของตัวโน้ต...

ท่านที่ปรารถนาให้บุตรหลานของท่านได้เรียนดนตรี เพราะท่านเห็นว่า ดนตรี เป็นสิ่งที่คู่ควรกับมนุษย์

ช่วยกันประกาศให้สังคม ได้ทราบว่า ครูของครูของครูของครูดนตรีของบุตรหลานของท่าน ได้ทำคุณค่าของตัวโน้ต ขึ้นมาในแผ่นดินไทย  แต่ครูท่านนั้น ยังไม่ได้เป็นคนไทยเลย

ขอให้ผู้มีวิชาความรู้ และอำนาจหน้าที่ กรุณาสละเวลาอันมีค่าของท่าน ช่วยเหลือครูของผมด้วย    

ขอให้ผลบุญกุศลที่อาจารย์อายุได้ปฏิบัติมาเกือบ 50 ปี ทำให้ท่านได้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ ในเร็ววันนี้เถิด

 

เด็กเปิดโน้ต.

 

ลูกศิษย์ของอาจารยุอายุ

และคณาจารย์แห่งพายัพต้องช่วยกันมายืนยันคุณงามความดีของอาจารย์แล้วค่ะ ไม่มีใครช่วยอาจารย์ของคุณได้ นอกจากพวกคุณที่สัมผัสความดีงามของอาจารย์โดยตรงนะคะ

สวัสดีคะ archanwell

ดิฉันช่วยลิงค์บันทึกนี้ของอาจารย์ไว้ที่บล็อก ข่าวประกาศ ของ GotoKnow โดยใช้บันทึกชื่อว่า ขอน้ำใจ "ไทย" ให้ "อายุ นามเทพ" บุคคลากรแห่งความรู้ด้านดนตรี

หวังว่า GotoKnow คงช่วยอะไรได้บ้างนะคะ

ขอชื่นชม archarnwell ค่ะ และ ขอให้อาจารย์ อายุ นามเทพ ได้สัญชาติไทย โดยไวค่ะ

ขอบคุณคะ

จันทวรรณ

อยากอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับตัวของ อาจารย์อายุ กรุณาอ่านบทความเกี่ยวกับความไร้สัญชาติของตัวเอง ซึ่ง อ. เรียกตัวเองว่า "มนุษย์ล่องหน"http://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=230&d_id=229 

ขอเป็นกำลังใจนะคะ  ทุกอย่างมีเวลาของมันคะ แต่ก่อนดิฉันก็เคยเป็นคนไร้รัฐ ก็อึดอัดใจอยู่แต่แล้วเวลาก็มาถึง สำคัญสุดคืออย่าย่อท้อนะคะ.........ทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดคะ และจะไม่เสียใจทีหลังเพราะจะได้ชื่นชมผลที่ได้ไงคะ.......

สู้สู้ต่อไปคะ

เด็กไร้รัฐ ที่กำลังต่อสู้ เบล

....ชีวิตของคนคนหนึ่งสามารถที่จะสอนและให้ความรู้กับคนอีกหลายคนได้นั้น

นับเป็นสิ่งที่มีค่าที่หาเปรียบค่ามิได้เช่นอาจาร์ท่านที่มีคุณค่ากับชีวติอีกหลายๆชีวิตและทำประโยชให้กับแผ่นดินนี้

ขอเป็นกำลังให้ต่อสู้เมื่อท้อก็พักและลุกขึ้นใหม่ต่อสู้ใหม่ให้ถึงวันนั้นเพราะการต่อสู้ไม่มีขีตจำกัด เพื่อความสำเร็จ วันนั้นคงเป็นวันที่เรามีความสุขและจะภูมิใจมากที่สุดจะหาค่าเปลียบมิใด้เช่นกัน

ขอขอบพระคุณอาจารท่านที่มอบความรู้มากมายให้และเป็นกำลังใจ อยู่เคียงข้างเสมอ..เด็กไร้รัฐ

ไม่ทราบว่าจะช่วยอย่างไร ขอนำเรื่องของท่านส่งให้เพื่อนๆ ทาง E-mail และเว็บบอร์ดที่น่าจะเกี่ยวข้องค่ะ

 

ชมพูนุท โทสินธิติ

เห็นใจทั้งอาจารย์อายุ และอาจารย์ แหวว มาก ให้เขียนแสดงความเห็นไม่พอแล้วค่ะ

ต้องใช้ขาเดินแล้ว เมื่อไรจะเดิน ดิฉันยินดีไปร่วมค่ะ

อ่านตรงนี้ค่ะ ถ้าอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการแข่งขันโอลิมปิคทางดนตรีครั้งนี้

http://www.choirolympics.de/?id=831

 

คุณครูกระต่ายและคุณชมพูนุท โทสินธิติคะ

อยากขออีเมลล์ค่ะ

อาจารย์วรรณทนีจากพายัพกำลังขอคนช่วยลงนามในจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีอีกครั้งค่ะ

ท่านอาจารย์อายุจะต้องเดินทางไปถึงในวันที่ ๒๒ กรกฎาคมนี้

และจะต้องทำวีซ่าเข้าจีนโดยเร็ว ซึ่งถ้าในวันที่ ๑๓ ยังไม่ได้รับ reentry visa จากรัฐบาลไทยแล้ว ก็ยังไม่ทราบว่า จะทำ "เอกสารเดินทางแบบคนไร้รัฐ" เข้าประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ไหม ?

โอกาสที่คนไทย ๑๓ คนจากเชียงใหม่ที่จะไปแข่งในโอลิมปิคทางดนตรีครั้งนี้ยังน่าวิตกค่ะ

ได้ทราบจากระบบของ gotoknow ว่า ครูกระต่ายเป็นนักดนตรี คงเข้าใจนะคะว่า ยิ่งสำหรับเด็กๆ ที่ฝึกฝนกันมานานจนเข้ารอบในการแข่งขันแล้วนี้ โอกาสในชีวิตของนักดนตรีรอพวกเขาอยู่

น้ำตาที่ไหลนองตอนนี้ไม่ใช่ของ อ.อายุคนเดียวหรอกคะ รวมไปถึง เด็กนักศึกษาพายัพและครอบครัวด้วยล่ะค่ะ

ตอนนี้ เกิดข้อเสนอของคนวิชาการหลายคนที่หารือกันว่า น่าจะระดมคนวิชาการที่จะแสดงเหตุผลทางวิชาการเอาไว้ในบันทึกที่อาจารย์จันทวรรณเปิดไว้นี้ และส่งต่อไปให้นายกรัฐมนตรีเข้าอ่านว่า พวกเรานักวิชาการคิดอย่างไร ?

สรุป อยากขออีเมลล์ของคุณครูกระต่ายและคุณชมพูนุท เพื่อที่จะได้ส่งข่าวถึงความคืบหน้าของเรื่อง

อธิการบดี ม.พายัพท่านสบายดีอยู่ดอกหรือครับ..ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นภาระของ อ.แหววคนเดียวได้ไง คุณก็ได้ประโยชน์ด้ประโยชน์ ทำไมคุณน่นิ่ง ได้ไง ไม่อับอาบคนเขาหรือ ทีเอาประโยชฯจากเขาคุณก็เอา ทีเขามีปัญหาคุณก็วางเฉย "..สัจจะและบริการ" หายไปไหน ไม่อยากจะเหนื่อยกับอ.แหวว แต่ก็ต้องเหนื่อย และคุณ ท่านอธิการจะไปว่าอ.แหววก้ไม่ได้นะ ก่อนนอนคิดให้ดี..คิดดีๆอีกครั้ง ก่อนที่สังคมจะมองว่าคุณ อธิการบดี ม.พายัพ ชุบมือเบิบ. ศิษย์เก่า แมคกิลวารี

อายุ นามเทพ: มนุษย์ที่รัฐยังมองไม่เห็น


ตลอดเวลาสองปีที่ดิฉันได้เข้ามาสัมผัสการทำงานกับคนไร้รัฐของอาจารย์พันธุ์ทิพย์ สายสุนทร ชื่อหนึ่งที่ดิฉันได้ยินเสมอ คือชื่อเเละเรื่องราวของอาจารย์อายุ นามเทพ


ดิฉันได้เคยพูดคุยกับอาจารย์อายุ ครั้งหนึ่ง สิ่งที่ดิฉันประทับใจคือ ท่านสามารถต่อสู้ ฝ่าฟัน เลี้ยงดูบุตร สอนนักศึกษารุ่นเเล้วรุ่นเล่า ทั้งๆ ที่ท่านไม่มีเอกสาร ไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นบุคคลตามกฎหมาย เเต่จากที่ท่านต่อสู้มา ก็นับว่าท่านมีความเข้มแข็ง เเละไม่ย่อท้อต่อความลำบาก  ลองคิดดูว่าถ้าบัตรประชาชนหายไปสักเดือนหนึ่ง จะเกิดเรื่องเดือดร้อน วุ่นวายกับชีวิตของคนธรรมดาเพียงใด สำหรับอาจารย์อายุ ผู้เไม่เคยมีปัตรประชาชน พาสสปอร์ต ไม่มีเเม้กระทั่งรัฐใดๆ ยอมรับรองเเละ "เห็น" ความเป็นบุคคลตามกฎหมายให้กับท่าน ชีวิตที่ผ่านมาของท่าน จะยากลำบากเพียงใด


แม้ท่านเป็นเพียงคนไร้รัฐที่ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในประเทศไทย ที่พยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ เพื่อนักศึกษา เเละวงการดุริยางคศิลป์ในประเทศไทย เเละถ่ายทอดความรู้ให้นักศึกษาเเละบุคคลอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนสัญชาติไทย


เเม้ทั่งเรื่องการขอสัญชาติไทย ท่านก็มิได้ทำไปเพื่อเพียงให้ท่านพ้นสภาพคนไร้รัฐเพียงประการเดียว เเต่ท่านทนไม่ได้ที่จะเห็นนักศึกษาในวงประสานเสียงของท่าน ต้องพลาดโอกาสเเสดงฝีมือในนามประเทศไทยครั้งเเล้วครั้งเล่า 


การเดินทางไปติดต่อขอสัญชาติไทยเเต่ละครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายของท่านเเละคณะทำงาน เเต่ท่านก็ยังหวังว่าจะได้พาคณะประสานเสียงไปเเข่งขันการเเข่งขันร้องเพลงประสานเสียงโอลิมปิก จนกระทั่งท่านได้รับคำตอบว่าจะเลื่อนการพิจารณาสัญชาติออกไปโดยไม่มีกำหนดเวลา

 

จากคำตอบข้างต้น รัฐไทย หรืออย่างน้อยผู้ปฏิบัติงาน มองไม่เห็นตัวตนทางกฎหมายของท่าน เเต่รัฐไทยไม่ได้ตาบอดกับท่านคนเดียว แต่ยังได้ละเลยความฝันของคณะนักร้องประสานเสียง ที่จะไปเป็นตัวเเทนประเทศไทย ในการเเข่งขันร้องเพลงประสานเสียงโอลิมปิกด้วย

ใครก็ได้ช่วยเหลือ อาจารย์ของพวกเราหน่อยคับ

 

ทางแก้ไข ก็คือ 

ในประการแรก เราจะต้องช่วยกันแสดงเหตุผลจนให้กรมการปกครองเข้าใจในโอกาสทางวิชาการด้านดนตรีของประเทศไทย และเร่งประชุมเพื่อพิจารณาให้สัญชาติไทยแก่อาจารย์อายุ

ในประการที่สอง เราก็จะต้องส่งเสียงให้ มท.๑ ลงนามอนุญาตให้อาจารย์อายุได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ และเร่งดำเนินการตามกฎหมายกำหนด จน อ.อายุได้มาซึ่ง ทร.๑๔ และบัตรประจำตัวประชาชน

แต่โอกาสที่ อ.อายุจะได้ยืนยันบน "เวทีโลก" ในสถานะคนสัญชาติไทย คงยาก เวลาแทบไม่มีเหลือพอ  

สงสาร อ.อายุมากเลยค่ะ

ถ้าได้ไปแข่งขันโอลิมปิคครั้งนี้ ก็จะไปในสถานะของ "คนไร้รัฐจากประเทศไทย" ซึ่งมีสถานะเป็น "คนผิดกฎหมายของประเทศ" ........

คนที่บรรเทาผลร้ายให้แก่ อ.อายุ ได้ ก็คือ นายกรัฐมนตรีน่ะค่ะ ปัญหาว่า จะมีเข้าถึงตัวท่าน แล้วบอกท่านได้ไหม ? และเมื่อท่านได้รับฟัง ท่านจะเข้าใจในโอกาสทางวิชาการนี้ไหม ?

ท่านน่าจะเข้าใจนะคะ มีใครพอคิดหาวิธีที่จะไปบอกท่านไหมคะ ?

บ้านเมืองเรานี้ก็มีกฎหมายกฎหมายสิทธิทางปัญญา ,กฎหมายสิทธิบัตรและกฎหมายอื่นอีกหลายรูปแบบนะครับบังเอิญผมไม่ใช่นักกฎหมายนะครับอาจจะพูดคุยฟังแล้วอาจจะดูขัดๆนะครับ แต่อยากให้กำลังใจอาจารย์อายุครับ อาจารย์พยายามกำลังสร้างสิทธิทางปัญญาขึ้นมา1 ชิ้นงาน โดยสิทธิทางปัญญาชิ้นนี้ถือเป็นชิ้นโบว์แดงเสียด้วยซ้ำครับ ซึ่งผลงานของอาจารย์กำลังจะถูกนำไปแสดงถึงต่างประเทศ ถ้าผลงานชิ้นนี้เข้าตาคณะกรรมการโลก นั้นหมายความว่าความมีชื่อเสียงของคณะทำงานขออาจารย์อายุ ก็จะเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมหาศาล แต่สิ่งที่อาจารย์อายุเพียรพยายาม เพาะบมและปฏิบัติทำงานจนผลงานมีชื่อเสียงอยู่ขณะนี้ กำลังจะถูกขโมยหรือถูกจำกัดความในการนำเสนอต่อสายตาชาวโลก ด้วยคนในชาติเพียงแค่เหตุผลบางประการเท่านั้นหรือ สิทธิทางปัญญาของอาจารย์กำลังจะหมดคุณค่าไปด้วยหรือไม่ เพียงแค่คำตัดสินว่าไร้สัญชาติ หรือว่าเราควรจะมาช่วยกันให้คณะทำ งานของอาจารย์อายุ ไปสร้างชื่อ อย่างไหนจะมีคุณค่าหรือคุณประโยชน์มากกว่ากัน คนเราเกิดมาอยู่บนโลกนี้คงไม่เกิน 100ปีหรอกกระมังครับ ให้อาจารย์และลูกศิษย์ไปกอบกู้ชื่อเสียงเข้ามาประเทศอีกสักช่องทางจะดีกว่าไหมครับ คนดีหนึ่งคนสร้างคนได้อีกเป็นร้อยเป็นพันคนก็ยื่นหยัดทำมากว่า 20ปี แล้ว ช่วยคนดีมีฝีมือให้ไปทำความดีกันเถอะครับ

การไปแข่งขันโอลิมปิคทางดนตรีที่จีน เป็นอีกงานหนึ่งที่จะนำ "ศักยภาพของนักดนตรีภาคเหนือของไทย" ไปต่างประเทศ ความจริง มันเป็นโอกาสของเด็กๆ ซึ่งล้วนแต่มีสัญชาติไทยค่ะ

ลำพังท่านนั้น ตอนนี้ ก็มีชื่อเสียงมาก

ก็ดนตรีไม่ต้องมีหนังสือเดินทางเพื่อที่จะไปต่างประเทศ แม้จะเป็นดนตรีไทย คนรักดนตรีเขาก็ฟังได้ ไม่ต้องขออนุญาตรัฐบาลก่อน

แถมวันนี้ เป็นดนตรีประสานเสียงที่เรายังทำได้ไม่มากในระดับโลก

ท่านเคยฟังดนตรีไทยที่นำมาประสานเสียงด้วยวิชาการระดับสูง ไหมคะ ? เพราะมากค่ะ โดยเพลงพระราชนิพนธ์ เมื่อนำมาร้องประสานเสียงนะคะ งดงาม อิ่มเอิบ สุขลึกล้ำ

ความดีของ อ.อายุ ต่อประเทศไทย และต่อโลกแห่งดนตรีนั้น เป็นสิ่งที่ชัดเจนสำหรับภาควิชาการ ภาคศิลปิน แต่ในวันที่ประเทศไทยเต็มไปด้วยวัตถุนิยมและง่ายดายนิยม ภาพสวยงามนี้อาจถูกมองผ่านได้ค่ะ แต่เมื่อเหลียวกลับมาเห็น ก็อาจสายไป เสียแล้ว

ด้วยทีมดนตรีประสานเสียงพายัพนี้ เราน่าจะมีผลงานทางดนตรีที่งดงามผสมผสาน "ไทยนิยม" และ "สากลนิยม" อีกมาก ถ้า......เขาที่มีอำนาจมีแนวคิดที่มากกว่า.....ที่เป็นอยู่

ปัญหาการไร้สัญชาตินั้น ถือเป็นปัญหาที่สำคัญอีกปัญหา (สำหรับความเห็นส่วนตัว) เพราะเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากในทางระหว่างประเทศ ได้มีการยอมรับกันในทางสิทธิพลเมืองว่ามนุษย์ทุกคนต้องมีสัญชาติอย่างน้อย 1 สัญชาติ แต่ประเทศบางประเทศก็ยังคงเพิกเฉยต่อปัญหานี้ โดยผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องก็อ้างว่า อยู่ในระหว่างการดำเนินการบ้าง รอตรวจสอบบ้าง หลักฐานปรากฏชัดว่าไม่ใช่คนไทยบ้าง (เช่นในกรณีนี้) แต่ก็ได้มีการดำเนินการร้องขอเพื่อมีสัญชาติไทยตามหลักของการได้สัญชาติภายหลังการเกิดซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่บัญญัติรองรับไว้ในพระราชบัญญัติสัญชาติฉบับปัจจุบัน หากมีการกระทำการอันใดอันเป็นภัยต่อประเทศไทยก็สามารถใช้กฎหมายฉบับดังกล่าวเพิกถอนสัญชาติผู้นั้นได้

เรากลัวอะไรกันอยู่หรือครับ!!!!!

ทราบหรือไม่ครับว่า ปัญหาเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมต่างๆ ตามมามากมายไม่ว่าจะเป็นการคอรัปชั่น การกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย (ค้ายาเสพติดเพราะพวกเขาเหล่านี้ไม่สามารถประกอบอาชีพที่สุจริตได้เพราะไม่มีความรู้ หากมีก็ไม่มีหนังสือรับรอง จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสอย่างท่านอาจารย์อายุ) ทั้งนี้เพราะผมได้พานักศึกษาไปออกค่ายเกี่ยวกับกฎหมายสัญชาติมาหลายครั้งตั้งแต่ปี 2544 และก็ได้เจอกับปัญหาเหล่านี้กับตัวเอง

เมื่อไหร่ผู้เกี่ยวข้องจึงจะหันมาให้ความสนใจกับปัญหาเหล่านี้และดำเนินนโยบายเชิงรุกเสียที ดีกว่าที่จะมารอใช้นโยบายเชิงรับ หรือต้องรอให้รัฐอื่นมาฉกฉวยทรัพยากรอันมีค่าจากประเทศไทยออกไปให้หมดก่อนหรือครับ ไม่แน่นะ สิงคโปร์อาจเสนอให้สัญชาติอาจารย์อายุแล้วเชิญไปเป็นอาจารย์ที่นั่นเพื่อพัฒนาทีมของเขาก็ได้

ดิฉันโชคดีที่ได้มีโอกาสเรียนเปียโนกับมิสซิสโพ (มารดาของอาจารย์อายุ) จากนั้นได้ดที่ติดตามผลงานของอาจารย์อายุมากว่ายี่สิบห้าปี  คุโณปราการที่อาจารย์ได้สร้างแก่ประเทศไทยและแก่มหาวิทยาลัยพายัพนั้นมากมายจนเกินกว่าจะบรรยายได้หมด  ไม่ว่าจะเป็นการนำนักศึกษาไปแสดงผลงานด้านการขับร้องประสานเสียงและการแสดงเปียโนทั้งในจังหวัดเชียงใหม่และตามจังหวัดต่างๆ   งานด้านการเขียนและแปลหนังสือวิชาการด้านดนตรีซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากมายกับนักศึกษาวิชาดนตรี   แม้กระทั่งการแสดงเปียโนของอาจารย์เองก็เป็นที่ยอมรับในหมู่อาจารย์  นักศึกษาและบุคคลทั่วไป  มีกิจกรรมที่เป็นประโยชนอื่นๆอีกมากมายที่อาจารย์ได้ทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอมาเป็นระยะเวลาเกือบสามสิบปี   ดิฉันไม่ได้จบสาขาวิชาดนตรีและไม่เคยเรียนกับอาจารย์แต่เป็นเพราะความชื่นชมและศรัทธาในงานของท่านจึงทำให้ดิฉันติดตามงานของอาจารย์มากว่ายี่สิบห้าปี  ท่านให้สิ่งที่มีคุณค่าและประโยชน์ทางด้านดนตรีแก่ประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาล  ดิฉันเห็นว่าไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้อาจารย์อายุไม่ได้รับการอนุมัติให้มีสัญชาติไทยค่ะ

นภัส'49 ปี1 ดุริยศิลป์

ครูของผม

ครูของเพื่อนผม

ครูของพี่ๆ

ครูขอทุกคน

และ...........

ทุกๆคน

ขอพระเจ้าอวยพระพรครูยุน่ะครับ

P.s. ถ้าไม่มีครูยุก็ไม่มีChoir .....และไม่มีดุริยศิลป์

อ.อายุ เป็นอาจาร์ยที่มีคุณภาพ เป็นที่รักของลูกศิษย์มีลูกศิษย์มากมาย สอนลูกศิษย์มากมายให้เป็นคนดีในสังคม  อาจาร์ยอายุน่ารักมากๆคร้าบ

   ......*-*สุดท้ายขอให้พระเจ้าอวยพรครูยุนะครับ...... *-*

อัจฉรา-นิพจน์ อุ่นใจ(อดีตนักศึกษาดุริยศิลป์ ม.พายัพ รุ่น 12/13)

ถือเป็นความโชคดีของดิฉันและสามีเป็นอย่างมาก ที่เราทั้งสองได้มีโอกาสศึกษาวิชาดนตรีกับอาจารย์อายุ ท่านมีความเป็นครูอย่างเหลือล้นต่อลูกศิษย์ทุกๆ คนโดยไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง  ณ วันนี้ ดิฉันยังคงเดินตามรอยเท้าของอาจารย์อายุด้วยการถ่ายทอดวิชาดนตรีให้แก่เด็กๆ เช่นกัน  เราทั้งสองคนมีความภาคภูมิใจเสมอมาที่จะบอกให้ทุกๆ คนทราบว่าเราเคยเรียนดนตรีกับอาจารย์อายุ  อาจารย์ไม่เพียงแต่เป็นครูที่คอยประสิทธิ์ ประสาทวิชาให้เท่านั้น แต่ยังคงเป็นกำลังใจให้ลูกศิษย์ก้าวเดินต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคงเสมอมา.....

 

เราทั้งสองขอวิงวอนต่อองค์กร และหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง  ได้โปรดหันกลับมาให้ความสนใจ และพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนด้วยค่ะ  นี่ไม่เพียงแต่เป็นการยอมรับผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาคนหนึ่งที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยนี้มาชั่วชีวิตให้มีความเป็นคนไทยด้วยความภาคภูมิใจเท่านั้น แต่ยังคงเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับการพัฒนาวงการการศึกษาดนตรีอย่างล้นเหลือ  คืนกลับให้ท่านบ้างเถอะค่ะ  ท่านได้เป็นผู้ให้ ให้กับพวกเรานักศึกษาวิชาดนตรีมามากเหลือเกิน  ขออย่าปล่อยปละให้เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องของไฟไหม้ฟางอีกต่อไปเลย...

 ขอขอบพระคุณทุกๆ ท่าน ที่มีส่วนช่วยเหลืออาจารย์ในการดำเนินเรื่องต่างๆ  ดิฉันเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทุกๆ ท่านคงต้องเหนื่อยทั้งกายและใจ เราทั้งสองขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ....
อัฐ-ราเมศ คุปตรัตน์-รุ่น49
อัฐเห็นครูยุมาตั้งแต่อัฐยังเด็ก ครูยุยังเคยอุ้มอัฐเลย(มั๊ง ห่ะห่ะ) ในตอนนั้นไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาเรียนกับป้ายุที่ใจดีและน่ารัก ในที่สุด เส้นทางชีวิตก็นำพามาให้อัฐ ได้เรียนกับครูยุ และได้สัมผัสถึงวิญญาณของครู และ ความสามารถของครูยุ ซึ่งอัฐเชื่อว่า เราชาวดุริยศิลป์ทุกคนต่างภูมิใจที่มีครูที่ดีอย่างนี้สอนพวกเรา ไม่เท่านั้นครูยุยังทำประโยชน์ให้กับชาติไทยเรามากมาย แต่ในตอนเด็กอัฐไม่รู้อะไร ไม่รู้ว่าครูยุไม่มีสัญชาติไทย พอโตมาอัฐถึงทราบ และรู้สึกน้อยใจทางราชการมาก คนที่มีคุณต่อประเทศอย่างนี้ทำไม่ถึงไม่ยอมให้สัญชาติ... ขอร้องล่ะ ยังไงก็ช่วยครูป้ายุของเราด้วยเถอะนะครับได้โปรด

God bless you, and I am also preying for your succesful na krab...

Ohm

     คงจะมีน้อยคนนักที่จะปฎิเสธการบริโภคทางด้านดนตรี ทุกคนล้วนแต่ต้องการที่จะมีเสียงเพลงดนตรีอยู่ในจิตใจ หวังที่จะได้ผ่อนคลายและเสพสุขจากการฟังดนตรี จึงกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องดนตรีนี้มีบทบาทสำคัญต่อชีวิต ไม่แพ้กับการบริโภคอาหารเพื่อยังชีพ แต่หารู้ไม่ว่าดนตรีเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะการฟังเพลมีผลต่อด้านความคิดและอารมรณ์ซึ่งจะมีผลถึงการดำรงชีวิตในสังคม การที่จะให้สังคมใดๆได้พัฒนา ก็จำเป็นที่จะต้องกำหนดมาตรฐานในทุกๆด้าน ซึ่งเรื่องการพัฒนาด้านดนตรีให้เหมาะสมกับสภาพสังคมเช่นเดียวกัน

     อย่างที่อุปมาไว้ว่าดนตรีเปรียบเสมือนกับอาหาร อาหารที่ดีสมควรจะถูกการเอาใจใส่ในด้านการประกอบอาหาร และอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ที่พร้อมจะส่งเสริมความคิดและอารมรณ์ ดังนั้นคนทำอาหารจำเป็นที่จะมีความรู้และการเอาใจใส่ต่อสิ่งบริโภคเป็นอย่างดี อาชีพนักดนตรีก็เปรียบเสมือนกับคนทำอาหารที่เป็นผู้ผลิตที่จะต้องสร้างดนตรีให้ผู้คนได้บริโภค แต่การจะได้เป็นนักดนตรีที่มีประสิทธิภาพนั้นจะต้องมีปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน นั่นคือ ต้องมีความมุ่งมั่น มีความคิดสร้างสรรค์ มีระเบียบที่ดีกับตัวเอง มีจรรยาบรรณ และที่สำคัญที่สุดก่อนที่นักดนตรีจะได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในระดับขั้นต่อไปได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้อาจารย์ที่ดี แต่หากเมื่อไหร่ที่ได้อาจารย์ที่ดีแล้วก็จะได้ข้ออื่นๆตาม

     หากกล่าวถึง อาจารย์อายุ นามเทพ ไม่เพียงแค่เฉพาะในแวดวงการทางเขตภาคเหนือ หรือแค่ในวงการของนักศึกษาดุริยศิลป์ของ มหาวิทยาลัยพายัพ แม้แต่ในระดับการศึกษาดนตรีตะวันตกของประเทศไทย ท่านก็ยังเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็น และรู้กันว่าท่านเป็นปรมาจารย์ผู้ให้การศึกษาดนตรีแก่ประเทศไทยท่านหนึ่ง

     ข้าพเจ้าสำเร็จการศิกษามาจากดุริยศิลป์ มหาวิทยาลัยพายัพ ตลอดสี่ปีที่ได้เป็นนักศึกษาเรียนกับอาจารย์อายุ นามเทพ ข้าพเจ้าสัมผัสได้ว่าท่านเป็นผู้ที่มีความสามารถสูงทั้งในด้านการเล่นดนตรีและการสอน ท่านจะทุ่มเทกับการอบรมสั่งสอนนักเรียนทั้งนอกและในชั้นเรียน ให้ความรู้นักศึกษาดนตรีทั้งด้านวิชาการและด้านการดำรงชีวิตนักดนตรี ให้โอกาสทางการศึกษาดนตรีแก่คนทั่วไป สนับสนุนและส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีโอกาสไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นโดยเฉพาะที่ต่างประเทศ อีกทั้งท่านมักจะนำเสนอความสามารถทางด้านดนตรีของคนไทยออกสู่ระดับโลกหลายครั้ง จนกล่าวได้ว่าท่านมีผลงานชีวิตมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านวิชาการ การเขียนหนังสือ และแปลตำราต่างประเทศที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจให้กับเยาวชนไทยและผู้ที่สนใจได้มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องของดนตรีตะวันตกทีระดับมาตรฐานสากลของโลก ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของความเป็นองค์ประกอบของการสร้างบทเพลงและดนตรี และเป็นความรู้ที่สามารถสอนวิธีบริโภคเสียงดนตรีด้วย

     หากมองในแง่ข้อเท็จจริงแล้ว อาจารย์อายุ นามเทพ สามารถจัดได้ว่าเป็นผู้สร้างความดีความชอบให้กับสังคมไทยด้านการสร้างและพัฒนาคุณภาพสังคมไทย ในแง่ของมาตรฐานการศึกษาดนตรีก็เช่นเดียวกัน การที่มาตรฐานดนตรีของประเทศไทยสามารถยกระดับขึ้นได้ถึงระดับของทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผู้บริโภคดนตรี หรือ ฝ่ายผู้ผลิตดนตรีก็จัดล้วนว่าเป็นผลงานต่อเนื่องที่ได้มากจาก นักวิชาการดนตรีที่ได้ให้การศึกษาแก่คนในสังคม แล้วเชื่อได้ว่าหลายคนก็ล้วนแต่ถูกอบรมจากปรมาจารย์ท่านนี้มาก่อน แล้วก็จะทำหน้าที่เผยแพร่ความรู้ในการบริโภคดนตรีต่อๆไปให้แก่คนในสังคม

     ในความเห็นส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่า อาจารย์อายุ นามเทพ สมควรอย่างยิงที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นประชาชนไทยโดยสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีสิืืทธิ์ในการเดินทางเข้าออกประเทศ เพราะในด้านดนตรีการเดินทางระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญต่อการศีกษา และการแสดงความสามารถของคนไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาของคนต่างชาติ ทั้งนี้ไม่เป็นแค่เพียงรางวัลชีวิตให้ท่านในฐานะบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับสังคม แต่เพื่อให้ท่านจะได้มีโอกาสสร้างประโยชน์ให้กับสังคมไทยได้สะดวกกว่านี้ ณ ทุกๆวันนี้สังคมไทยยังต้องการบุคคลดังเช่นท่านนี้ไว้เพื่อส่งเสริมพัฒนาสังคมไทยอย่างต่อเนีื่อง เพื่อให้สภาพสังคมของคนไทยทั้งประเทศได้มีโอกาสยกระดับขึ้นต่อไปให้ประเทศไทยได้พัฒนา

Thanapoom Sirichang, 25 yo, is my name. I’m an alumnus, graduated from the Payap Music Department in year 2002. Currently, I’m pursuing post-graduate study in Australia, working toward on Master degree in Music Composition at the Conservatorium of Music, University of Tasmania. Since arrival in Tasmania, I have become an active member of the local music industry, having works regularly performed in and out of the university, and being coached privately in theatrical/operatic composition by Constantine Koukias and is currently working on the composition of his first opera, based on Buddhist Mythology, for inclusion in the IHOS Music Theatre and Opera 2007/8 program.

 

What I have tried to point out here is how all this could be possible without my former educator, A. Ayu Namtep.

 

A. Ayu has been an important part of the development of my music knowledge. I was trained so well in many compulsory music subjects such as form & analysis, basic music theory, music history, and also advance music theory. There are a lot more classes from this gentle lady, a high qualified lady.

 

I’m also a friend of A. Ayu’s youngest son. We’ve known each other for almost 15 years. By this point, A. Ayu is not just only my great former teacher; she’s also a mother of us, since she took care of us so often when I still was very young, and my parents sent me to stay over with her son.

 

I’ve known that after I finish my degree. I would at least be able to ask for Australian permanent residency, and continue living and working in Australia. Furthermore, if I’d decide to live in Australia, I would have a high possibility to immigrate, and become Australian citizen. This is the chance for one young person who is now living oversea, careering in music.

 

I’m wondering that what’s going on with Thai Immigration Department to keep holding on this issue, an issue of having more qualified person in the country.

 

I’m fully support this wonderful lady to have a proper Thai Citizenship after she’s been working hard, and sacrificed her to many young persons.

 

Our kind mother, excellent teacher, a wonderful person, the lady’s named..

“Ayu Namtep”.

 

            To Whom It May Concern in the Thai Immigration Department, I would love to ask you for the favor.

           

            It’s not the question about we’ve already got many qualified teachers/lecturers in this developing country.

 

            It’s about to have more qualified person in the country as the other developed country would do.

 

Best Regard,

Thanapoom Sirichang

ผมเป็นศิษย์เก่าของดุริยศิลป์ และของอาจารย์อายุ นามเทพ ปัจจุบันสอนดนตรีประจำที่คณะดุริยางค์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เคยเป็นครู สอนดนตรีที่เซนต์จอห์น เป็นอาจารย์พิเศษสอนที่จุฬาฯ ทั้งคณะคุรุศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ตั้งแต่เริ่มงานสอนดนตรีของตัวเองมาเรื่อย ๆตลอด 20 ปีของผม ผมมักจะอดคิดไม่ได้ว่าบ้านเมืองเรา ผู้ใหญ่บ้านเราไม่ค่อยจะมีวัฒนธรรม และ ไม่เข้าใจว่าการจะมีวัฒนธรรมไม่ใช่แค่การอนุรักษ์ การมีวัฒนธรรมของเราเหมือนกับนิทานเรื่อง "ไก่ได้พลอย" ไม่รู้ค่าของวัฒนธรรม ก็เลยไม่รู้ จะทำยังไงกับมันดี บางทีเหมือนกับคนที่ปีนไปที่กิ่งของต้นไม้สูง แล้วหันมาตัดกิ่งด้านที่ติดกับตัวต้นไม้ โดยไม่รู้ว่าทำไปเรื่อย ๆตัวเองก็จะตกลง ไปด้วย สาขาดุริยศิปล์ที่มหาวิทยาลัยพายัพ มีอาจารย์ที่ชื่ออายุ นามเทพ ที่ทำคุณงามความดีด้านการสอนมากมายเหลือเกิน ผลิตลูกศิษย์มาแล้วไม่รู้กี่ รุ่นต่อกี่รุ่น หากโยงใยเป็นต้นไม้แห่งความดีแล้ว ผมว่าสิ่งดีเหล่านั้นกระทบไปถึงพวกท่านมากกว่าท่านคิดออกมากมาย เราจะหยุดทำเมืองไทยเป็นเมืองของ "คนดีท้อแท้" ได้แล้วหรือยัง นี่มันนานมากแล้วนะครับ สนใจเรื่องอื่นนอกเหนือการสุมเงินทุนส่วนตัว และ ความสุขส่วนตัวได้แล้ว จำไม่ได้หรือว่าประเทศสิงค์โปร์พยายามเหลือหลายล่าสุดตลอดสิบปีที่ผ่านมา ในการที่จะทุ่มเทเงินเพื่ออยากจะสร้าง วัฒนธรรมของตนเอง(ในเมื่อจริง ๆไม่มี มีเคยมี)ระดมงานแสดงดนตรีของเพื่อนบ้านไปที่บ้านของตน เพราะแท้จริงแล้วประเทศเขาเกิดมาจาก พวกพ่อค้าตาแปะ เมื่อรวยแล้วเพิ่งจะรู้ว่าขาดอะไรไป มีแล้วรู้ตัวด้วยเถอะครับ อย่าเรียนรู้อะไรสายเกินไปเลยครับ อย่าลืมว่าบ้านเราหาก "คนดีไม่ท้อแท้" เมื่อไรจะมีสิ่งดีเกิดขึ้นเกินกว่าในกระเป๋าท่าน ด้วย

เมื่อวานผมเกิดแรงบันดาลใจทำเพลงแด่ อ.อายุ นามเทพ ดังรายละเอียดใน บันทึกนี้ ครับ

ขอถือเป็นความช่วยเหลือเชิงสันทนาการนะครับ

ชวนอ.อายุ กับลูกศิษย์ไปร้องเพลงหน้าทำเนียบและกระทรวงมหาดไทย เดี๋ยวจะแจ้งสื่อให้

ท่านอาจารย์อายุท่านเป็นผู้เสียสละมากมายครับ และท่านเป็นผู้รอบรู้เกี่ยวกับวิชาการด้านดนตรีหลายๆด้าน ท่านได้ถ่ายทอดความร้และผลิตบุคลากรด้านดนตรีหลายๆท่านให้กับประเทศ ผมก็เป็นส่วนหนึ่งในผลผลิตของท่านถ้าไม่มีท่านผมคงไม่มีวันนี้หรอกครับ ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อายุอย่างมากๆครับ ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องบัตรประชาชนกรุณาช่วยพิจรณาด้วยครับท่านทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศมากมายนะครับท่านเหนื่อยมามากแล้วนะครับ

ครูยุสู้ๆ ผมขอส่งกำลังใจให้อีกคนครับ

**อ้างอิงจาก

ฐิตินบ โกมลนิมิ เมื่อ อ. 11 ก.ค. 2549 @ 14:04

ชวนอ.อายุ กับลูกศิษย์ไปร้องเพลงหน้าทำเนียบและกระทรวงมหาดไทย เดี๋ยวจะแจ้งสื่อให้  **

น่าสนนะครับครูลุยเลยบ๋ เอาให้ดังไปเลย

สุภัทรสรณ์ ศรีทองกูร

อาจารย์อายุ เป็นอาจารยสอนดนตรีที่มีคุณภาพมากคนหนึ่ง มีลูกศิษย์ลูกหามากมายหลายต่อหลายรุ่น จบมามีชื่อเสียงทางด้านนี้ก็หลายคน รวมถึงตัวดิฉันด้วยที่มาเริ่มเรียนดนตรีตอนเรียนปี1ที่ดุริยศิลป์ จากไม่เป็นอะไรเลย อ่านโน้ตก็ไม่เป็น ไม่รู้เรื่องดนตรีอะไรซักอย่าง  ถ้าไม่มีอาจารย์อายุ ดิฉันคงไม่มี โอกาสดีๆในด้านการทำงานเช่นนี้ ตัวดิฉันอาจจะยังไม่มีชื่อเสียงในตอนนี้ แต่คิดว่าความรู้ที่อาจารย์อายุได้ให้มานั้น ดิฉันไม่ได้ดูด้อยไปกว่าใครเลย ปัจจุบันดิฉันมั่นใจในความรู้ที่ได้เรียนมา สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตประจำวันที่ทำงานเกี่ยวกับดนตรี จะมีซักกี่คนที่มีศรรยะภาพได้อย่างอาจารย์อายุ

วิงวอนขอหน่วยรัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องหันมาให้ความสนใจในเรื่องนี้กันหน่อย  มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับคนคนหนึ่ง ประเทศไทยเราต้องการบุคลากรดีๆอย่างนี้ไม่ใช่หรือ

จะเป็นกำลังใจให้อาจารย์อายุค่ะ

ขอความช่วยเหลือให้แก่อาจารย์อายุ
นามเทพ...เพชรน้ำหนึ่งทางวิชาการดนตรี...คนดีที่ประเทศไทยลืม
โดยการ ส่ง SMS เช่น "ขอสัญชาติไทยให้ครูของเรา" หรืออะไรก็ได้
ไปยังทีวีทุกช่อง ทุกรายการ เพื่อเป็นการ
กระตุ้นให้เรื่องราวของอาจารย์ อายุ เป็นที่รับรู้ของคนไทยทั้งประเทศ


ช่วยกันนะครับ ขอบคุณครับ

จาก 0300 21 42

หากเรายังไม่ได้รับคำตอบว่าอาจารย์อายุ จะได้นำพาคณะนักร้องประสานเสียงเดินทางไปเเข่งขันประสานเสียงโอลิมปิกได้หรือไม่ ขอเสนอเท่าที่คิดออกสองทาง ยินดีน้อมรับคำติชม

ทางเเรก หากทางมหาดไทยไม่มีคำตอบ ลูกศิษย์เเละคณะประสานเสียงที่พอจะไปได้ น่าจะไปขอคำตอบหน้ากระทรวง

อีกทางถ้าอับจนหนทางจริงๆ อาจต้องใช้การถวายฎีกา เเต่ไม่อยากให้ทำทางนี้เลย เพราะท่านก็เหนื่อยมามากเเล้ว เเละทรงพระประชวรด้วย

สำหรับผู้มีอำนาจตัดสินใจกรณีอาจารย์อายุ ถ้าอ่านเเล้ว อย่ารบกวนในหลวง ด้วยการเพิกเฉิย ปล่อยให้พสกนิกรที่ทุกข์ร้อน ต้องเอาพระองค์ท่านเป็นที่พึงสุดท้ายประการเดียวเลยนะคะ

 ถึงข้าพเจ้าจะไม่ได้เป็นลูกศิษย์ที่ได้เรียนกับอาจารย์ แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าสามารถรับรู้ได้อย่างสุดซึ้ง คือ สิ่งที่อาจารย์ได้เสียสละทั้งแรงกาย และแรงใจ ในการถ่ายถอดความเป็นศิลปินให้กับลูกศิษย์ทุกๆคน 

จนกระทั่งในเร็วนี้จะได้ไปแข่งในนาม "ประเทศไทย" ประเทศที่ถือว่าท่านได้สร้างศิลปินทางดนตรีไว้มากมาย แต่สิ่งที่จะให้เป็นการตอบแทนแก่ท่านนั้น คือการไม่พิจารณาอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ทันการเข้าร่วมงานในนามของ "ประเทศไทย" หรือ?

จึงอยากขอให้เร่งพิจารณาในการอนุมัติให้สัญชาติไทยแก่ท่านเพื่อทันการเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์อายุในการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ด้วยคะ

อันนี้ น่าจะดี ทำกันหลายๆ คนซิคะ โดยเฉพาะน้องๆ ในสาขาดุริยศิลป์ ทำได้และมีพลังนะ


0300 21 42 เมื่อ อ. 11 ก.ค. 2549 @ 23:14 จาก 202.47.247.135   ลบ
ขอความช่วยเหลือให้แก่อาจารย์อายุ
นามเทพ...เพชรน้ำหนึ่งทางวิชาการดนตรี...คนดีที่ประเทศไทยลืม
โดยการ ส่ง SMS เช่น "ขอสัญชาติไทยให้ครูของเรา" หรืออะไรก็ได้
ไปยังทีวีทุกช่อง ทุกรายการ เพื่อเป็นการ
กระตุ้นให้เรื่องราวของอาจารย์ อายุ เป็นที่รับรู้ของคนไทยทั้งประเทศ


ช่วยกันนะครับ ขอบคุณครับ

จาก 0300 21 42
ผมเป็นลูกชายคนเล็กของ อ. อายุครับ

อยากจะขอบคุณทุกๆท่านที่มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือแม่ในครั้งนี้ 

หลายครั้งแล้วที่แม่พยามจะวิ่งหาหนทางที่จะได้เป็นคนไทย....?ทั้งๆที่ภาษาหลักที่เราพูดกันที่บ้านก็ภาษาไทยทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ผมพร่ำสอนก็ไม่ได้ต่างจากแม่คนไทยคนไหนเลยจนทุกวันนี้ผมก็เป็นคนไทยโดยสมบูรณทุกอย่าง แต่แม่ยังไม่ได้รับสิ่งที่ท่านควรจะได้ แม่มีบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีครับแต่ไม่มีบัตรประชาชน

การจะเป็นคนไทยมันยากขนาดนี้เลยหรือครับ
 
หลายท่านอาจจะไม่ทราบว่ามันลำบากแค่ไหนกับการไม่มีบัตรประชาชนมันจะทำให้ชีวิตคุณยุ่งยากแค่ไหน ถ้าเป็นวัยรุ่นทั่วไปอาจจะคิดได้ว่าคุณไม่สามารถเที่ยวตามสถานที่บันเทิงยามค่ำคืนได้ แต่มันมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่แย่เกินที่คุณจะคิดได้ครับ
เวลาที่แม่จะเดินทางไปไหนแม่ก็ต้องพกบัตรอาจารย์ยืนยันตัวเอง มีครั้งหนึ่งแม่เดินทางโดยรถไฟจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพแล้วแม่ลืมบัตรไว้ที่บ้าน ผมต้องวิ่งออกจากการซ้อมดนตรีขับรถไล่ตามรถไฟไปที่จังหวัดลำปางเพื่อนำบัตรไปให้
การกระทำใดๆก็ช่างที่ผมและพี่ของผมจะต้องใช้หลักฐานรับรองจากผู้ปกครอง แม่ไม่สามารถรับรองความเป็นแม่ให้ลูกตัวเองได้น่าเศร้าไหมครับ เหตุการที่น่าน้อยใจต่างๆมีอีกเยอะครับเอาไปสร้างหนังดราม่าได้อีกหลายสิบเรื่องเลย ซึ่งไม่ได้เกิดกับแม่แค่คนเดียวแต่ยังเกิดกับป้าๆของผมอีกตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของผมที่ไร้สัญชาติอีกก็ยังม
ผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องระบบขั้นตอนอะไรมากเท่าไหร่ไม่รู้ว่าจะต้องผ่านการยินยอมจากใครอีกสักเท่าไหร่ ผม พี่ หวังว่านี่จะเป็นครังสุดท้ายในการที่แม่จะดิ้นรนให้ได้เป็นคนไทยครับ

ศิลา
 
Stateless in their own country - Ayu Namtep

Friday 28 October 2005

News list 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17

Previous story Next story

Stateless in their own country

The dilemma of Ayu Namtep, the ethnic Karen musician with a recognised choir, has again drawn attention to the plight of 900,000 stateless people in this country. Acharn Ayu's Payap Sacred Music Singers is one of four groups chosen to represent Thailand in the Choir Olympics in China next year. But, without papers, she cannot leave the country to conduct her wards at the competitive event. The last time she travelled abroad was in 1984, when she went to Berlin to perform with a group led by Bruce Gaston, and the hassle to secure an emergency certificate for her is etched in memory. More recently, her pianist son was denied the chance to participate in a music camp in the United States because she did not have the status to permit him.

At 50, she has tried again and again to secure Thai nationality. For her latest attempt, begun a year ago, she has enlisted the help of a legal expert and, gradually, some light is beginning to glimmer at the end of the tunnel.

The apparent catalyst takes observers back to the case of the teenager of Vietnamese parentage who almost lost his chance to take up medical studies when Prime Minister Thaksin Shinawatra stepped in. For Acharn Ayu, a certain thaw set in after she submitted an appeal to the prime minister in August. Thereafter, police did not insist so much on her producing the documents they knew she did not have, and opted for other evidence. A call for her to adopt a name that ``sounds Thai'' seems odd, and speaks volumes about the cultural intent of authors. More acceptable are the requirements for her to show proof of contributions to Thai charities, and payment of income taxes.

In their different ways, Yuthana Phamvan and Acharn Ayu are outstanding achievers, and as such deserving of support. But Thailand would lose its repute as a humane country that shades people in times of heat if the state were to neglect individuals who are less able but equally aggrieved.

A cabinet resolution on Jan 18 promises to relieve the plight of the hundreds and thousands living in limbo, as people who are either stateless or close to it. But the slow follow-up by a related committee since then is inexcusable. Chaired by luminaries like Pol Gen Chidchai Wannasathit, deputy premier and justice minister, and Chaturon Chaisaeng, education minister, the committee has met only once in nearly nine months. It should need no reminder that time is precious for people living on the margins of nowhere who are in need of schooling and medical help.

The committee must set the criteria, and demand the writing or amendment of laws and regulations that will make fulfilment of them possible. The committee should also set rules of implementation that leave minimum room for the exercise of personal discretion, as such provisions are infamous for being vulnerable to abuse. Achievement of such rules would stop the arbitrary practice based on personal favours that has allowed uncertainty to rear its ugly head, and encouraged the prospering of powers rooted in obligations.

The nucleus family of Acharn Ayu lived in peace while her father was alive because he held a letter from immigration authorities permitting their stay in the country. She and her siblings have been able to continue working and living in the country although they have not reported to authorities as he did. But her particular case illustrates how much denial of nationality deprives stateless people of the freedom of movement vital to their lives. The committee must make it their business to replace the arbitrary treatment of stateless or problematic people with an accountable system that is fair and humane. Thailand's international commitment to protect basic rights as well as its place at the crossroads of distress are additional reasons for prompt execution.

Certainly, Thai nationality would lose meaning if it were easily granted. But there is no sense in propounding difficulties by prolonging the existence of too many laws and rules. Update, simplify and consolidate these books. And give deserving people a chance to represent and contribute to a country they call home.


ที่มา :  Editorial Bangkok Post 28 October 2005

http://www.statelessperson.com/show_state.php?id=1641&comm=det

อ่านทั้งหมดนี่แล้ว.. พูดไม่ออกเลยนะคะ

หากไม่ถูกหาว่าเวอร์ซะก่อน..ก็จะบอกว่า..เหมือนมันอึ้งๆ น้ำตาจะไหล ด้วยความซาบซึ้งใจแทนอาจารย์อายุ

ทุกคนมีความรักและความหวังดีมอบให้อาจารย์อายุเสมอค่ะ.."โลกไม่ลืมจารึกชื่อคนดีๆ" ไว้หรอกค่ะ

ผมเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของอาจารย์อายุ ที่มีอยู่มีกินจนถึงปัจจุบันนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์....ไม่ว่าจะเป็นเปียโน ทฤษฎีดนตรี และ วิชาดนตรีอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน....

ผมอ่านความคิดเห็นของ  ดร. ธวัชชัย ปิยะวัฒน์

ที่ว่า ในขณะที่หลายๆ ประเทศพยายามแย่งตัวคนดีมีฝีมือ ไม่ว่าจะเป็น จิตรกร นักเขียน นักกีฬา โดยเฉพาะ นักดนตรี ให้เป็น citizen ของประเทศนั้นๆ ประเทศไทยกลับไม่มีนโยบายช่วยเหลือบุคคลที่มีความสามารถเหล่านี้ให้ได้เป็นคนไทยอย่างถูกต้องเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย

มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า นี่มันเป็นโชคร้ายของประเทศไทยใช่หรือไม่ ที่ผู้มีอำนาจอยู่เต็มมือ...แต่สมองขาดความฉลาด....

 

เยาวมาลย์ เฉตระการ

    ด้วยความที่ฉันมีดนตรีเปี่ยมล้นอยู่เต็มหัวใจ ตั้งแต่อายุได้ 11 ขวบ ฉันจำได้ไม่เคยลืมกับประสบการณ์ทางดนตรีครั้งแรกของฉัน ได้เป่าขลุ่ยในวงดุริยางค์ของโรงเรียนประจำจังหวัด ฉันรู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของท่วงทำนองแห่งดนตรีแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เป่าตามตัวอักษร โด เร มี ฟา ซอลฯ ที่ครูเขียนไว้ให้บนกระดาน แต่มันก็ทำให้ฉันเป็นสุขทุกครั้งที่ได้มีเวลาอยู่กับมัน

     เมื่อย้ายขึ้นมาอยู่เชียงใหม่ ได้เข้าเรียนโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด(สมัยนั้น) วันแรกที่ไปปฐมนิเทศน์ได้ยินเค้าประกาศเสียงตามสาย รับสมัครนักเรียนดุริยางค์ ฉันถึงกับหูผึ่ง วิ่งไปสมัครทันทีทันใดด้วยกลัวว่าจะเต็มซะก่อน เจอครูผู้สอนป็นผู้หญิง ซอยผมสั้นๆ ผิวสีเข้มๆ ท่าทางใจดีๆ มารู้ตอนหลังว่า กำลังเรียนอยู่ ดุริยศิลป์ วิทยาลัยพายัพ(สมัยนั้น) นั่นคือครั้งแรกในชีวิตที่ได้ยินชื่อนี้ ตลอดเวลา6ปี กับชีวิตนักเรียนมัธยม ไม่เคยมีแม้แต่สักวันที่ห่างหายจากดนตรีเลย ฉันได้มีโอกาสได้รู้จัก"ดุริยศิลป์" เพิ่มขึ้นทุกวันๆจากพี่ๆนักศึกษาที่แวะเวียนมาช่วยครูน้อยสอน ทั้งความรู้ ความสามารถ ความเป็นกันเองกับพวกฉัน ทำให้มีความรู้สึกว่าสถาบันแห่งนี้ช่างผลิตคนดนตรีที่มากด้วยคุณภาพจริงๆ สักวันหนึ่งฉันจะต้องเข้าไปเรียนที่นี่ให้จงได้

    ในที่สุดฉันก็โชคดีมีโอกาสได้เป็นชาวดุริยศิลป์ดังที่ฝันไว้ ฉันได้เจอสิ่งใหม่ๆ เพื่อนใหม่ อ.คนใหม่

    อ.อายุ ก็เป็นหนึ่งในอาจารย์ที่ให้วิชาความรู้กับฉัน ได้รู้จักทฤษฎีดนตรีที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะสลับซับซ้อนมากมายอะไรอย่างนี้ จากเด็กที่มีความรู้เพียงหางอึ่งก็สามารถรู้แตกฉานได้อย่างอัศจรรย์ก็ด้วยความที่อ.อายุ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันและเพื่อนๆอยากรู้ ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องของวิชาการ แต่รวมไปถึงให้ความรัก ความอบอุ่น ความปรารถนาดี ความหวังดี ช่วยคิด ช่วยให้คำปรึกษาในเวลาที่พวกฉันมีปัญหา ให้ตังค์กินข้าวเวลาที่ตังค์หมด อ.อายุไม่ได้เป็นเพียงแค่ครู แต่เป็นทั้งแม่ เป็นทั้งพี่ สำหรับพวกฉันให้ความเป็น"คน"ที่สมบูรณ์แบบ และมีคุณภาพของสังคม 

 

     อ.อายุจะคอยติดตาม ถามไถ่ ถึงสารทุกข์ การงาน และความเป็นอยู่ของพวกฉันตลอดมาแม้ว่า จะจบการศึกษามาเกือบจะ 20 ปีอยู่แล้ว อ.อายุจะเป็นสุขทุกครั้งที่ได้ยินข่าว ได้เห็นถึงความสำเร็จของลูกศิษย์ทุกคน

    เวลานี้...ฉันกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ดุริยศิลป์เป็นทุกข์อย่างที่สุด ที่เห็นแม่คนที่ 2 ของเรา กำลังเหน็ดเหนื่อย ต่อสู้กับการให้ได้มาซึ่งความเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ ทั้งๆที่ท่านเป็นคนไทยทั้งตัวและหัวใจ เป็นครูของพวกเราซึ่งก็เป็นคนไทย ทำคุณประโยชน์ทางดนตรีก็เพื่อประเทศไทย แต่..ทำไม? ครูของฉันถึงยังไม่ได้เป็นคนไทย ... เสียที

    ฉันอยากจะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ ให้ครู..คนดี ที่หนึ่งของฉัน ได้รับรางวัลที่มีค่าและความหมายที่สุดในชีวิต เพื่อให้ท่านได้หายเหน็ดเหนื่อย และมีกำลังใจ กำลังกายที่จะให้ความรู้ กับเยาวชนไทย..ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดไป...

   ผมยัง ยังยืนยัน เหมือนกับวันที่ 9 ที่ผ่านมา เหมือนเดิม..ลองกลับไปอ่านอีกครั้งซิ..
อ.อายุ เป็นคนเชื้อสายกะเหรี่ยง เผ่าสกอว์ ที่คนรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าเผ่า ..ปกาเกอะญอ.. ซึ่งคำว่า ปกาเกอะญอ นั้นมีความหมายอย่างนี้ครับ ปกา.....แปลว่า เรา หรือ พวกเรา เกอะญอ...แปลว่า คน หรือ มนุษย์ชาติ เมื่อรวมความแล้ว ปกาเกอะญอ จึง แปลได้ว่า เราเป็นคน ..เราเป็นมนุษยชาติ.(เหมือนกับคน เชื้อชาติอื่นๆ ที่ เป็น มนุษย์ ) แต่ อ.อายุ ซึ่งเป็นคนเชื้อสายกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ ดูเหมือนว่า รัฐไทยไม่ได้เอาหัวใจมองดูเพื่อจะเห็น..ความเป็น คน.. หรือความเป็น.. มนุษย์.. มนุษย์ ที่จะต้องมีสัญชาติ ท่านครับ..คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ..แต่คนเราเลือกที่จะทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ต่อโลกที่คนเองอาศัยอยู่ได้ มิใช่หรือ ขอถามกลับไปว่า แล้วสังคมนี้ แผ่นดินนี้ได้ตอบแทนอะไรให้กับคนกะเหรี่ยงคนเล็กๆคนหนึ่ง ... จาก.. กะเหรี่ยงสวนผึ้ง ราชบุรี
วันนี้เหนื่อยสุดๆ เข้าสาขาตั้งแต่ 7.30  เสร็จงานถึงบ้าน 3 ทุ่มครึ่ง เด็กๆในวงก็คงอ่อนล้าไม่แพ้กัน เพราะทั้งเรียนปกติ + ซ้อมเข้ม (4 ชม.) ดีที่เชียงใหม่ไม่ต้องใช้ชีวิตบนถนนยาวนานอีก ไม่งั้นคงแย่กว่านี้

ข่าวคืบหน้าวันนี้ที่ได้รู้ว่า ได้ re-entry visa แล้ว ช่วยทำให้กำลังใจของลูกศิษย์ดีขึ้นมาก ซ้อมกันเอาจริงเอาจังกว่าเดิม (ที่เคยหนักอยู่แล้ว) เยอะ

เห็นทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบัน รวมทั้งใครต่อใครที่ชวน surprised เข้ามาช่วยออกความเห็นเสริมแรงใจมาก จะทำภารกิจนี้ให้ดีที่สุดค่ะ

ฟังเพลงของดร.ธวัชชัยแล้วอดยิ้มไม่ได้ค่ะ ต้องบอกตามตรงว่า ไม่ใช่แฟนขา rap ค่ะ แต่ก็รู้สึกดีที่มีเพลงหนุนใจประเภทนี้ เพราะเพิ่งเข้า lecture พิเศษเมื่อวันวานกับวิทยากรชาวอเมริกันเก่งมากด้าน commercial music ที่เขาระบุจุดเด่นสไตล์เพลงต่างๆไว้ให้ว่า hip-hop จะออกแนว political ค่ะ อยากรู้เหมือนกันว่า แล้วถ้าเป็นเพลงลูกทุ่งจะออกมาอย่างไร

ขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง 

ดุริยศิลป์ 46 ลูกศิษย์ อ. อายุ.......

ผมเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่จะไปแข่งขัน.......

ผมได้ชื่อว่า.....ตัวแทนประเทศไทย.....

ไปแข่งขัน ....choir olympic......

ทุกท่านคงเคยได้ยิน...olympic games....หรือ olympic ทางด้านวิชาการ.......

มันฟังดูยิ่งใหญ่ใช่ไหมครับ.....??

ถูกต้องครับ.......... เช่นเดียวกันกับสิ่งที่ผม เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กำลังตั้งใจทำ......เพื่อประเทศไทย..เพื่อคนไทย........แต่มีเพียงเหตุผลเดียว

อาจารย์ของผมยังไม่ได้เป็นคนไทย? ( หรือ )..... 

ถึงเวลาหรือยังที่ผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างจริงจัง........ผมขอร้องจากใจจริง.....

ขอให้ผม..และทุกคน....ได้ไปแข่งโดยมีความภาคภูมิใจว่า  ......อาจารย์อายุ       นามเทพ.....ผู้ควบคุมวง และ ผู้อำนวยเพลงเป็นคนไทย....และ( เหมาะสม...สมควร )...เป็นไทยอย่างมีเกียรติอย่างที่สุด.... 

.....ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจอาจารย์ด้วยครับ.... 

......ขอให้อาจารย์ได้รับข่าวดีในเร็ววันนี้นะครับ.....

 

เที่ยงคืนของวันที่ 13 กรกฎาคม กระทู้นี้ยาวประมาณ 16 หน้ากระดาษ A 4 ตั้งใจว่าจะพิมพ์ออกมาทั้งหมด และส่งแฟกซ์ไปที่รังนกกระจอก ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย และที่สำคัยคือหน้าห้องอธิบดี รองอธิบดีกระทรวงมหาดไทยทุกคน

ส่งแฟกซ์แบบชนิดที่ว่า ให้อ่านไปทั้งวันจนกว่าจะใจอ่อน เชียว

ขอบใจ "น้องแจง" หรือคุณฐิตินบ อย่างยิ่ง

ช่วยหน่อยเถอะ เราต้องการความช่วยเหลือของนักสื่อสารสาธารณะอย่างมาก

พี่เทสมองมาหมดหัวแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี

เทวดาทั้งหลายที่เคยลงมาช่วย ดูจะขาหัก ขาเป ฝั่นเฟือน จนไร้ความสามารถ....

ย้อนกลับมาที่ "มาตรา ๑๑ (๑) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘" มันก็คือกระดาษเก่าๆ กระมังนะ  มีไว้ให้นักศึกษากฎหมายท่องจำเท่านั้น มังนะ

เราคงต้องทวงถามหา "กฎหมายธรรมชาติ" มังคะ

วันนี้คงเดินต้อนฝูงวัวออกกินหญ้าเหมือนทุกๆวันอ แต่จิตใจจดจ่อกับเรื่องของ อ.อายุ ท่านครับ..วัวของผม ยังมี..ตั๋วรูปประพัน.ที่บอกลักษณะของวัว และขึ้นทะเบียนว่ามีเจ้าของ เวลาผมจะเอาวัวผมไปที่ไหนๆ ผมไม่ต้องกลัวว่า เจ้าหน้าที่จะกักกัน ข้ามขนย้าย เพราะวัวผมมีเอกสารรับรองความเป็นวัว วัวของผมได้รับการดูแลตามที่รัฐให้ความช่วยเหลือเช่น วัคซีน ฟรี วัวผมไม่ใช่วัวเถื่อน แต่ อ.อายุ ท่านเป็นคน เป็นมนุษย์ ที่จะต้องมี เอกสารระบุ ที่มาและที่ไป สถานะของตัวตน ขนาดวัวผม ผมยังดูแลให้ความเป็นวัว เพื่อมันจะมีศักดิ์ศรี แล้ว อ.อายุล่ะ คน นะครับ ทำไม ทำเป็นเช่น คนเถื่อน วัวเถื่อน ละครับ ..ฝากให้คิดนะ ครับ เวลาสายแล้ว 11.02 นาฬิกา จต้องะขึ้นไปทุ่งนา พา ..ทาทายัง.. กับลูกๆในฝูงออกหากิน..ไปละครับ
อาจารย์วุฒิเปรียบเทียบเห็นภาพชัดเลยค่ะ ท่านๆ ผู้มีอำนาจแต่ยังขาดความเข้าใจ..ช่วยกันอ่านด้วยนะคะ

ขอให้คว้าชัยชนะกลับมาให้ได้นะคะ ไม่อย่างนั้นพอกลับมาเรื่องก็คงเงียบไปอีก ตามสไตล์ของข้าราชการไทย "ถ้าไม่มีอะไรกระตุ้นก็ไม่สนใจ"

ขอเป็นกำลังใจให้ อาจารย์ และคนต่าง "เชื้อชาติ" ที่เกิดและเติบโตบนผืนแผ่นดินไทย ในการต่อสู้เพื่อให้ได้สัญชาติไทย และสามารถมีสิทธิ์-หน้าที่ต่างๆ อย่างเท่าเทียมกับคนไทย เร็วๆ นะคะ

วัชรชัย จาตุประยูร Arm`zY-49
ครูยุถือว่าเป็นคนไทย คนหนึ่งแล้วไม่ใช่ไม่เป็น เหลือแค่มีบัตร แค่นั้นเอง คนไทยคนนี้เก่งกว่าคนไทยอีกหลายคน คนไทยคนนี้ทำงานหนักกว่าคนไทยอีกหลายคน คนไทยคนนี้ให้อะไรประเทศชาติมากกว่าคนไทยอีกหลายคน คนไทยคนนี้สอนเด็กไทยได้มากกว่าคนไทยอีกหลายคน คนไทยคนนี้เป็นผู้มีพระคุณของคนไทยอีกหลายคน คนไทยคนนี้มอบความรู้ให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทนจากคนไทยหลายคน คนไทยคนนี้ยิ้มสวยกว่าคนไทยอีกหลายคนทั้งๆที่ประเทศไทยเป็นประเทศเมืองยิ้ม คนไทยคนนี้กำลังจะเป็นตัวแทนประเทศไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศในเวทีโลก คนไทยคนนี้จะทำอะไรได้มากแค่ไหนหากไม่มีกำลังใจจากคนไทยด้วยกัน คนไทยคนนี้กำลังขอความช่วยเหลือจากคนไทยอีกหลายคนในการทำคุณความดีให้กับประเทศ อยากจะถามว่าจะเสียเวลาและเงินในการทำบัตรมากแค่ไหน? ส่งนักกีฬาไปแข่งเมืองนอกได้ตังค์ไปเป็นหลายล้าน นี้แค่ทำบัตรให้ จะเสียอะไรกันมากมาย ขอหล่ะครับคนไทยด้วยกันช่วยกันเถอะ ไม่มีผลเสียอะไรเลยในการจะให้อะไรสักอย่างกับคนไทยด้วยกันที่กำลังเดือดร้อน ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ถึงนู๋พึ่งจะรู้จักกับครูยุมาได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าครูยุเป็นที่รักของลูกศิษย์มากแค่ไหนทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันมากมาย แต่สำหรับนู๋แล้วครูยุเป็นครูที่มีความสามารถมาก แล้วก็น่ารัก ให้ความเป็นกันเองกับพวกเรามากๆเลยค่ะ ดีใจมากเลยที่ได้มาเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของครูยุนะคะ ยังไงนู๋ก็ขอเป็นกำลังใจให้ครูยุสู้ต่อไปเพื่อตัวครูยุเอง แล้วก็เพื่อครอบครัวดุริยศิลป์ของพวกเรานะคะ ^^

อาจารย์อายุเสียสละ ทำประโยชน์มากมายแก่ส่วนรวม และ ทำความดีมาโดยตลอด อาจารย์สมควรจะได้รับสัญชาติไทยอย่างสมบูรณ์ที่สุด

เป็นกำลังใจให้อาจารย์คะ

อรรถกานต์ อัศดรเดชา 470370

โปรดช่วยพิจารณาเร็วๆด้วยเถอะครับ ลูกศิษย์และคณาจารย์ทุกคนรักอาจารย์อายุ และเราไม่ได้ขอให้คนอะไรก็ไม่รู้ได้สัญชาติ แต่เราขอให้คนที่มีคุณงามความดีต่อประเทศไทยมานานนับสิบๆๆปี

โปรดช่วยพิจารณาด้วย

สุชาดา รัตนพิบูลย์
ภาพการแสดงคอนเสิร์ต Lanna Choral to Xiamen Olympics 2006 เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2549 ณ อาคารโสมสวลี มหาวิทยาลัยพายัพ วิทยาเขตแก้วนวรัตน์ เพื่อรวบรวมทั้งกำลังเงิน และกำลังใจไปแข่งขันค่ะ http://www.payap.ac.th/gallery/20060629_2/

ครูยุเค้าทำเพื่อคนอื่นมาตลอดเลย ไม่เคยที่จะหวังอะไรตอบแทน แค่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะตอบแทนครูยุบ้างซักนิดหนึ่ง น่าจะรับพิจราณาได้แล้ว ทำเพื่อลูกศิษย์ทุกอย่าง คุณอาจจะไม่เคยสัมผัสกับอาจารย์ก็จิง แต่คนที่เคยใกล้ชิดแล้วรู้จักกับครูยุแล้ว ครูยุดูแลเอาใจใส่ทุกอย่างดูแลเหมือนว่าเป็น " แม่ " เลยก็ว่าได้

 

สิ่งมหาศาลที่ครูยุทำมา กับสิ่งตอบแทนที่ทำให้ครูยุได้สัญชาติไทย มันยังไม่เท่ากันเลย ขนาดน้ำหนักหลาย ๆ อย่าง ครูยุทำสิ่งดี ๆ ให้สังคมมาเกือบชั่วชีวิตที่ครูยุมี ตอบแทนเถอะครับ คนดี ๆ ในสังคมเด๋วนี้ไม่ได้ว่าจะมีให้เห็นได้ทุกวัน

 

บางทีอาจจะเป้นการตัดสินใจที่ถูกที่สุดไปก็ได้

เป็นกำลังใจให้ครูยุครับ

รัก

เมื่อวานนี้ อ.วรรณา สุวรรณหงส์ ได้นำพาสปอร์ตของทีม Payap Sacred Music Singers ไปยื่นขอวีซ่าที่กงสุลจีนประจำเชียงใหม่ค่ะ ทางสถานฑูตบอกว่ายังไม่เคยเห็นเอกสาร Emergency Certificate แบบนี้ แต่ก็ดีที่มีจม.ของอ.แหววและจม.เชิญจากผู้จัดงานในประเทศจีนที่จ่าหน้าซองถึงดิฉันแนบไปด้วย เจ้าหน้าที่เขาบอกว่าถ้ามีปัญหาจะโทร.มาบอก แต่วันนี้ก็ยังไม่มีข่าวคืบหน้าอะไร อ.วรรณาจะไปรับเอกสารคืนวันอังคารหน้าค่ะ

ขอบคุณมาอีกครั้งสำหรับทุกกำลังใจค่ะ

เอกสาร EC (Emergency Certificate) เป็นเอกสารพิเศษมากค่ะ เป็นสิ่งที่แสดงว่า รัฐไทยยังยอมรับให้ อ.อายุกลับเข้ามาในประเทศไทย อย่างไรค่ะ

อะไรทั้งหมดที่เกิดแก่ อ.อายุนั้นนะคะ

เป็นปัญหาในระบบราชการ มิใช่ปัญหาในระบบกฎหมาย

ในกรณีที่ อ.อายุสงสัยใน "ความเอื้ออาทร" ของระบบกฎหมายไทยนะคะ ขอให้ย้อนกลับไปอ่าน มาตรา ๗ แห่ง พ.ร.บ.แปลงชาติ ร.ศ.๑๓๐ (พ.ศ.๒๔๕๔) หรือมาตรา ๑๐(๑) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๔๙๕ หรือ มาตรา ๑๑(๑) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘

เมื่ออ่านทุกบทมาตรา จะเห็นว่า รัฐไทยยินดีต้อนรับคนต่างด้าวที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยค่ะ

คุณงามความดีของอาจารย์ที่ปรากฏชัดดังที่ทุกคนยืนยัน คงนำทางให้สิ่งดีๆ ปรากฏแก่อาจารย์ในไม่ช้า

ขอให้มีกำลังใจนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ตามดูความคลี่คลายของปัญหาที่เกิดแก่ อ.อายุ และทีม Payap Sacred Music Singers

....อ่านแล้วน้ำตาแทบไหลเลย...(ToT) ทำไมเรื่องมันน่าเศร้าเช่นนี้เนี่ย ก็แค่บัตรประชาชนใบเดียวทำไมมันทำยากเยี่ยงนี้หนอ....

ถึงนุ่นจะไม่ได้เรียนกับครูยุมานานเป็นปี แต่แค่ 1 เดือนที่ผ่านมา นุ่นก็รู้แล้วว่าครูยุเป็นคนที่น่ารักมากๆ ครูยุเป็นคนเก่ง เก่งมากๆด้วย ครูยุทำทุกอย่างได้เพื่อลุกศิษย์ของตัวเอง ครูยุสอนทุกอย่างที่ครูยุรู้ .... (เฮ้อ...พิมพ์ไปน้ำตาจาไหล) .............

ก็อยากให้ใครก็ได้ช่วยครูของพวกเราทุกคนด้วย ครูยุทำสิ่งดีๆ ตั้งหลายอย่างให้กับประเทศของเรา ยังดีกว่าคนไทยบางคนที่นอกจากจะไม่ทำอะไรให้ประเทศชาติแล้ว ยังทำลายประเทศชาติอีกด้วย.... ก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ ช่วยครูของพวกเราด้วย  

ยังไงก็ขอให้ครูยุเดินหน้าต่อไป อย่าหวั่นไหวนะคะ อยากให้รู้ว่าครูยุยังมีพวกเราทุกคนคอยเป็นกำลังใจให้ครูยุเสมอค่ะ...

 วันก่อนที่อัฐพิมพ์ข้อคิดเห็น อัฐไม่ได้อ่านของคนอื่น

เพราะมันดึกแล้ว และวันรุ่งขึ้นมีเรียนเช้า

วันนี้ อัฐได้อ่านแทบทุกคอมเม้น ขอบอกเลยว่า ปกติ

อัฐไม่ค่อยร้องไห้เท่าไหร่นะครับ แต่พออัฐอ่านทั้งบท

ความ คอมเม้นของแต่ละคนที่มุ่งหวังและให้กำลังใจ

คุณงามความดี และ ความเป็นครู ของครูยุที่มีต่อทุกๆ

คนที่มีส่วนในชีวิตของครูยุ แล้ว อัฐก็มีน้ำตาซึม อืมม

เรียกว่าซึมไม่ได้สิ เพราะมันไหลลงมาตลอดเลย

อัฐอาจจะไม่ได้คลุกคลีกับป้ายุมากเหมือนตอนเด็กๆ

นะครับ แต่ว่าอัฐยัง "รัก" ครูยุยังไง ก็ยัง "รัก"

เหมือนเดิมนะครับ ยังไง อัฐ จะหาเวลาคุยกับป้ายุ

ให้มากกว่านี่ละกันนะครับ

 .................................................................................

การขอสัญชาติจะอยู่ในคำอธิษฐานนะครับ

พระเจ้าอวยพรและขอพระเจ้านำละกันครับ

จะคอยฟังข่าวดีครับ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นที่ทำให้ผมมีน้ำไหล

ออกจากดวงตา ขอบคุณครับ

จดหมายจากแม่ อายุ ลุกแม่ ลูกคงไม่รู้หรอกว่าแม่ติดตามข่าวคราวของลุกตลอดเวลา ตั้งแต่วันแรกที่ลูกก้าวเท้าพ้นลำน้ำสาละวิน กว่า 50 ปีแล้วซินะ ลูกคงไม่รู้หรอกว่าทุกย่างก้าวที่ลูกเดิน แม่เดินเคียงคู่กับลูกเหมือนเงาที่ติดตามตัวลูก ข่าวคราวที่เกิดขึ้นกับลูกของแม่ในวันนี้พี่น้องเผ่าพันธุ์ของเราคอยเงี่ยหูฟังตลบอดเวลา แม่ได้อ่านความในใจของลูก ที่ลูกสะท้อนออกมาว่า.. ..ดิฉันควรจะต้องทำอย่างไรที่จะมีค่าพอให้ได้เป็นคนไทย ได้โปรดรับดิฉันสักคนเป็นบุตรบุญธรรมของประเทศไทยได้ไหม.. แม่รู้ว่าลูกมีความรู้สึกและคิดอย่างไร แม่รู้ว่าลูกยังจดจำคำสอนของแม่ได้ ..อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น..กินบนเรือนอย่าถ่านรดบนหลังคา..ลูกของแม่ก็ทำทุกอย่างครบถ้วนแล้วนี่ หรือว่าเขา..ใกล้เกลือกินด่าง.. แม่มีเรื่องที่จะบอกความในใจกับลูกของแม่มากมาย แต่มี่แม่อยากจะบอกกับลูกมากที่สุดก็คือ..อดทนนะ เข้มแข็ง บากบั่นต่อไป เพื่อใครรู้ไหม ก็เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระองค์ท่านได้ให้เราอยู่ร่มเย็น จนถึงทุกวันนี้ บอกกับลูกศิษย์ของลุกทุกคนนะ สู้อย่าท้อ นำรางวัลกลับมาถวายพระองค์ท่าน เป็นของถวายเนื่องในปี ที่ 60 ที่ทรงครองราช ส่วนเรื่องสัญชาติ เขาจะรับลูกเป็นบุตรบุญธรรมหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่แม่เชื่อว่าคนสยามนั้น หูไม่หนวก ตาไม่บอดหรอก อย่างไรก็ตามแม่และเผ่าพันธุ์ของเราพร้อมที่จะรอการกลับมาสู่ ลุ่มสาละวิน แผ่นดินของของแม่ แผ่นดินที่ที่ลูกจากมาไงล่ะถ้า..เขาละทิ้งพลอยเม็ดนี้.. รักลูกนะ แม่ คนปกาเกอะญอ

อ.วุฒิคะ เขียนเป็นบทความเลยเถอะค่ะ จะได้ลงยาวๆ ส่งมาทางอีเมลล์นะคะ

จะหาที่ลงให้

เป็นกำลังใจให้ครูยุนะคะ

ฝนเชื่อว่าตอนนี้ทุกๆคนก็ให้กำลังใจครูยุอยู่เช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูดแต่ด้วยความรู้สึกแล้วทุกคนต้องการให้กำลังใจนั้นได้แสดงออกมาเป็นความห่วงใยที่จริงใจและร้องขอให้ความห่วงใยที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวนั้นจะช่วยครูยุของเราให้ได้เป็นคนไทยที่สมบูรณ์จริงๆ ไม่ได้เพียงเพื่อการไปแข่งขันเท่านั้นแต่หากเป็นของขวัญที่มีค่าให้กับสิ่งที่ครูยุได้ทำให้ลูกศิษย์ทุกคนได้รับความรู้ที่มีคุณภาพและเป็นของขวัญชิ้นที่ให้กับผู้ที่มีความรักที่จะทำดีถึงแม้ว่าสิ่งนั้นจะต้องแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อยก็ตาม

ขอพระเจ้าทรงอวยพรและสถิตอยู่เคียงข้างตลอดไป

สู้ๆคับครูยุ ผมจะเป็นกำลังใจให้ ผมอยู่ข้างครูตลอดคับ.......
ถ้าหากชีวิตนี้เราไม่สามารถพึ่งบุคคุลใดๆที่มีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องทั้งหมดนี้ ผมก็ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆที่มีอยู่จริง ช่วยดลบัลดาลให้ครูอายุได้รับสิ่งที่มีค่าที่ครูอายุรอคอยมาตลอดทั้งชีวิต ให้สมกับที่ครูอายุทุ่มเทและทำทุกๆอย่างให้ลูกศิษย์ลูกหาของครูได้พบกับความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และได้ทำในสิ่งที่เขารัก บางคนอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าดนตรีมีค่ากับชีวิตมากขนาดไหน มันสามารถทำให้คนหลายๆคนรวมทั้งผมสามารถละทิ้งทางเดินที่สังคมอาจจะมองว่ามั่นคง และมีหน้ามีตาในสังคม เพื่อมาใช้ชีวิตกับสิ่งที่เรียกว่าดนตรี และสังคมของดุริยศิลป์ก็ยังต้องการผู้ที่จะมาเป็น"แม่"เพื่อนำลูกๆทั้งหมดไปสู่เส้นทางของแต่ละคนอย่างสมบูรณ์แบบ พอได้มาอ่านเรื่องลูกของครูอายุและคนอื่นๆเขียนทั้งหมดนี้ ก็ทำให้ผมน้ำตาไหล และทำให้ผมรู้ว่าผมยังโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ผมเข้าใจและให้โอกาสผมได้ลองทำในสิ่งที่ต้องการ เค๊กบลูเบอรี่ของครูอายุอร่อยมาก อย่างน้อยวันเกิดของผมปีนี้ก็มีอะไรดีๆให้กับชีวิตแล้ว และหวังว่าครูอายุจะพบกับข่าวดีในไม่ช้านะครับ

วันนี้ ไปพายัพมา เจอ อ.อายุ และทราบว่า คณะนิติศาสตร์ พายัพ กำลังจะจัดนิทรรศการเพื่อแสดงปัญหาที่ อ.อายุ ประสบ และแสดงถึงผลงานของ อ.อายุ ในประเทศไทย

ลูกศิษย์ของ อ.อายุ ต้องมาแสดงตนนะคะ ส่งเสียงให้รัฐบาล เขาหันมามอง และแก้ไขนะคะ

เช็คน้ำตาของ อ.อายุ ด้วย "หัวใจ" ของพวกคุณเองนะคะ นักกฎหมายช่วยอะไรได้เท่าที่กฎหมายกำหนด แต่ลูกศิษย์ อ.อายุ ช่วยครูของพวกคุณได้ด้วยพลังใจที่มากมายและชัดเจนนี้ค่ะ

สู้เพื่ออาจารย์ของคุณเถอะค่ะ

            ผมรู้จัก พี่อายุ นามเทพ ในปี 2520    ในฐานะที่ผมเป็น นศ.รุ่นน้อง สาขาดุริยศิลป์ วิทยาลัยพายัพ ( ในสมัยนั้น )     

           พี่ยุเป็นคนรักเพื่อนร่วมสถาบัน  รักสถาบัน   และทำประโยชน์ให้กับคนในวงการดนตรีมากมาย   มีลูกศิษย์ ลูกหา อยู่ทั่วประเทศ บางคนก็ไปอยู่ - ไปเรียนต่อต่างประเทศ

          พี่ยุเป็นครูที่มีคุณค่าต่อวงการดนตรีในระดับอินเตอร์ ฯ

        ผมเต็มใจช่วยเหลือพี่ยุ  ในสิ่งที่ผมสามารถช่วยได้ครับ

 

       ปุ้ม

วันนี้ได้นำเรื่องของ อ.ยุเข้าไปในกระดานข่าว ของ www karenpeople.com เพื่อให้พี่น้องชาวกะเหรี่ยง(ปกาเกอะญอ) ได้ทราบ เพราะว่าพี่น้องชาวกะเหรี่ยงที่เป็นคาทอลิก ในเชียงใหม่ก็มากมาย เพื่อให้ส่งกำลังใจให้แก่ อ.อายุ ทีม อ.แหวว และอยากให้คณะนักร้องประสานเสียง ม.พายัพ รวมทั้งอ.อายุ รักษาสุขภาพ เป็นพิเศษ เพื่องานที่ยิ่งใหญ่ ผมคงทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านี้ และขอเรียนให้ อ.แหวว และทุกท่านทราบว่า ตัวผมเองไม่เคยรู้จัก หรือคุ้นเคย กับ อ.อายุ มาก่อน ไม่เคยเจอะเจอกันด้วยครับ แต่ก็ทราบเรื่องของท่านผ่านทางคนที่ใกล้ชิด และในรายละเอียดก็ได้ทราบจาก อ.แหวว .นี่แหละครับ

ถ้ากรมการปกครองทำเป็นลืม อ.อายุเสียดื้อๆ คงต้องรบกวนชาวกะเหรี่ยงทั้งหลายมาช่วยกันร้องทุกข์กันอีกระลอก ใช้วิธีการทางกฎหมายแล้ว ก็เป็นทางตันเสียแล้ว เราจะทำอย่างไรกันได้เนี่ย

ตามไปอ่านกระทู้ของ อ.วุฒิแล้วค่ะ

กระทู้ชื่อ "จาก แม่ยาง ถึง อายุ เมื่อคนนอกพูดถึง หญิง กะเหรี่ยง??"

http://www.karenpeople.com/bard/question.asp?GID=83

 

อีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาที่ต้องเดินทางไปแข่งขันแล้วค่ะ วันๆแทบไม่ว่างเลย ทั้งสอนเรียนและซ้อม + เตรียมความพร้อมทั้งหมด ยังมีความกังวลอยู่บ้างเพราะลูกคนโตซึ่งจะเดินทางไปด้วยกันสุขภาพไม่ค่อยดีเลยพักนี้ อาจเป็นเพราะเรียนและทำงานหนักไป เขามีโรคประจำตัวคือเป็นโรคลมชัก แม่ก็เลยใจไม่่ค่อยดีตามไปด้วย แต่เมื่อแว่บเข้ามาดูในห้องนี้แล้วก็มีกำลังใจขึ้นมากค่ะ พรุ่งนี้อ.รุ้งจะไปรับพาสปอร์ตของทุกคนคืนจากกงสุลจีน หวังว่าทุกอย่างคงจะเรียบร้อย เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกล้าพูดอะไรไปก่อนที่สื่งนั้นจะเกิดขึ้นจริง เกรงจะไม่เป็นตามที่คิด เบื่อเรื่องผิดหวัง แม้จะเคยชินกับมันแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกแรงใจอีกครั้งนะคะ
ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์นะค่ะ  ถึงแม้ว่าหนูอาจจะไม่สามารถช่วยอะไรอาจารย์ได้เลย  เพราะหนูเองก็ยังไม่รู้อนาคตข้างหน้าเหมือนกันค่ะ  ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปหากว่าเรายังเป็นเด็กที่ไร้สัญชาติอยู่  แต่เรามีใจที่แข็งแกร่งและเข้มแข็ง  เราจะฟันฝ่าอุปสรรคต่าง    ไปด้วยกันค่ะ  ถึงแม้เราจะไม่รู้จักกัน  แต่หนูก็เชื่อค่ะ ว่าเราจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคนี้ไปจนสำเร็จค่ะ  รักค่ะอาจารย์

อยากทราบกำหนดการของงานนิทรรศการเกี่ยวกับ อ.อายุที่จะทำกันชัดๆ ค่ะ ที่ไหน ? เมื่อไหร่ ?

ชาวพายัพเอามาลงให้ทราบหน่อยนะคะ

ผมขอเป็นกำลังใจให้ครูยุครับ ผมไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่เขาคิดกันยังไง แต่ในความคิดของผมนั้นครูยุเป็นคนที่ทำความดีให้ประเทศไทยมากกว่าคนไทยบางคนเสียอีก แล้วมันมีเหตุผลใดที่ครูยุจะไม่ใช่คนไทย -ดีใจมากๆที่ได้เรียนกับครูยุครับ-

ครูยุเป็นมากกว่าครูที่สอนทั่วไป  ไม่ไช่แค่สอนดนตรีอย่างเดียวเท่านั้น  ครูยุยังสอนนักศึกษาด้านจริยธรรม คุณธรรม เป็นมากกว่าครูครับ  และครูยุเป็นคนที่ขยันมากครับ  ครูสั่งการบ้านทุกวัน  นั้นแสดงว่าครูยุต้องมานั่งตรวจการบ้านทุกวันเหมือนกัน  รุ่นพี่ที่เคยเรียนคงจะทราบดี  และไม่เคยขาดสอนเลย  แม้ครูมีธุระก็ยังสั่งงานล่วงหน้า  ผมขอเป็นกำลังใจให้อีกคนครับ

ดูหน้าเว็บที่ ลูกศิษย์ อ.อายุ ทำให้ อ.อายุ เพื่อเล่าเรื่องของ "ครูยุ" ของพวกเขานะคะ

 การต่อสู้เงียบๆ ด้วยเว็บและเสียงเพลงของเหล่านักดนตรี

มีรูปที่แสดงถึงความรักที่มีต่อกันมากมาย

คลิกดู และช่วยส่งต่อนะคะ

อย่าให้เรื่องของ อ.อายุ หายไปอีกนะคะ

http://www.sunshineofmyart.com/ayu/

เพลงที่ลูกศิษย์แต่ง ก็คึกคักและเจ็บปวด เพลงดูร้าวรานพอๆ กับที่ อ.ธวัชัยแต่งนะคะ

http://www.sunshineofmyart.com/ayu/ayusong.htm

ครูยุเป็นมากกว่าครูที่สอนทั่วไป  ไม่ไช่แค่สอนดนตรีอย่างเดียวเท่านั้น  สอนผมในเรื่องต่าง ๆ ผมรักครูยุ เหมือนแม่เลยครับ ๆ จิง ๆ ไม่ได้โกหกนะ !!!
 งานนิทรรศการ "ขอนำใจชาวพายัพ...ให้อาจารย์อายุ นามเทพ (อาจารย์ไร้รัฐแห่งมหาวิทยาลัยพายัพ)" จะจัดขึ้นในระหว่างวันพุธ ที่ ๑๙ - ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙  โดยมีท่านอธิการบดีมาเปิดงาน
ชลฤทัย แก้วรุ่งเรือง

เมื่อเช้านี้ชลโทรไปสอบถามทางสำนักงานตำรวจสันติบาล ซึ่งเป็นคนตั้งเรื่องไปที่กท.มหาดไทย

 ได้ความว่า  คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ของกท.มหาดไทยมีการประชุมเรื่องคำขอของอาจารย์อายุ แล้วค่ะ

และทางเลขานุการคณะทำงานกำลังจัดทำรายงานการประชุมเพื่อเสนอรัฐมนตรีมหาดไทยค่ะ  โดยที่คณะทำงานจะส่งข้อเท็จจริงทั้งหมด ให้รัฐมนตรีพิจารณาเองค่ะ

ทราบจากนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ว่า มีข้อเสนอที่จะไม่ยอมใช้มาตรา ๑๑(๑) ในการให้สัญชาติไทยแก่อาจารย์อายุค่ะ

งง...มาก ทำไมความดีของอาจารย์อายุไม่กระทบใจคนบางคนบางเลยหรือ ? จึงคัดค้านการใช้ "ความดี" ในการพิจารณาให้สัญชาติแก่ อ.อายุ

จะใช้มาตรา ๑๐ ในการพิจารณาให้สัญชาติแก่ อ.อายุ ตลกนะ รู้ทั้งรู้ว่า ไม่เคยให้ใบถิ่นที่อยู่แก่ อ.อายุ แต่เรียกร้องให้ อ.อายุมีใบนี้ มันแปลว่าอะไร ?

เรียกร้องให้ อ.อายุมีใบอนุญาตทำงาน !!!!

ก็ อ.ท่านจะมีได้อย่างไร ? ก็เมื่อคุณยังไม่เคยให้สถานะบุคคลที่ชอบด้วยกฎหมายแก่ท่านเลย

คุณเรียกร้องในสิ่งที่ท่านไม่มี แปลว่าอย่างไร ?

กลัวหรือเกินว่า มท.๑ จะไม่ได้ข้อมูลครบถ้วน จะได้ข้อมูลข้างเดียว ทำอย่างไรดี ???

ช่วยกันหน่อย ทำอย่างไรดี ??

ขอเป็นกำลังใจให้คณะทำงานที่ช่วยเหลืออาจารย์อายุทุกท่าน

และขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์อายุสู้ต่อไป อย่าเพิ่งหมดหวังคะ

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสค่ะ

..ใครลืมพันธสัญญาที่ฝั่งสาละวิน... อายุลูกแม่... เหนื่อยไหมกับการซักซ้อมและเตรียมงาน วันเวลาใกล้เข้ามาทุกที แม่รู้ว่ามีผู้คนชาวสยามมากมายที่ส่งกำลังใจให้ลุกของแม่ รู้ไหมเรื่องราวของลูกเป็นที่โจดขานกันในเผ่าพันธุ์ของพวกเรา วันนี้แม่รื้อค้นในหีบเก่าๆพบ พับสาม้วนหนึ่ง มันคงจะเก่ามากทีเดียว แต่ก็พอจะอ่านออก มันเป็นเรื่องที่บรรพบุรุษของเราได้จารึกไว้ เรื่องราวใน กระดาษสาสรุปใจความว่าอย่างนี้ ในปี พุทธศักราช 2326 พระเจ้ากาวิละเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้มาทำไมตรีกับเผ่าพันธุ์กะเหรี่ยงของเรา พร้อมทั้งผ้าแพร ถ้วยชาม ทำหนังสือขอชาวล้านนาที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นในดินแดนของเรา เ บรรพบุรุษเรารู้ว่า ล้านนาต้องการให้พวกเราเป็นดังเช่นรัฐกันชนเพื่อป้องกันภัยจากพม่า ทั้งสองฝ่ายได้ประกอบพิธีตั้งสัตย์สาบานตามจารีของเรา ที่ท่าสะยาริมฝั่งแม่น้ำสาละวินฝากตะวันออก ทั้งสองฝ่ายได้ล้มกระบือตัวอ้วนพี และผ่าเขาออกเป็นสองซี่ ซีกหนึ่งให้กับเจ้าเมืองกะเหรี่ยงของเรา อีกซีกหนึ่งให้เมืองเชียงใหม่รักษาไว้ ตั้งสัตย์ปฏิญาณต่อกันว่า .." ให้เอากลางน้ำสาละวินเป็นเขตแดนแม้สรรพสิ่งใดๆไหลไปทางน้ำสาละวินฝากตะวันออก ก็ให้เชียงใหม่เอาประโยชน์ ถ้าไหลงลงทางฝากตะวันตกก็ให้ฝ่ายเรากะเหรี่ยงเอาประโยชน์ ถ้าไหลงมาตรงกลางก็แบ่งกันคนละกึ่ง ดังคำกล่าวปฎิญาณว่า..ตราบใดแม่คง(สาละวิน)บ่แห้งหาย เขาควายบ่ซื่อ ถ้ำช้างเผือกบ่ยุบ เมืองเชียงใหม่กับเมืองกะเหรี่ยงจะไม่ขาดไมตรีต่อกัน.." อายุลูกแม่..นี่คือพันธสัญญาที่บรรพบุรุษของเราได้กระทำร่วมกับล้านนาเมื่อ 200 กว่าปีมาแล้ว กาลเวลาเนิ่นนานเพียงนี้ กาลเวลาคงกัดกินความทรงจำของผู้คนมากมาย อายุลูกแม่ ..แม่อยากจะบอกกับลูกว่า แผ่นดินของแม่คือมาตุภูมิของลูก แต่ในวันนี้อายุลูกแม่ลูกคือ .." สิ่งที่ไหลไปทางฝากตะวันออกของสาละวิน..ที่เชียงใหม่หรือสยามต้องเอาเป็นประโยชน์ มันเป็นคำสัญญา แม่และเผ่าพันธุ์ของเราต้องยึดมั่นในสัจจะ ล้านนาหรือสยามเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่และศิวิไลยคงไม่ลืมสัจจะที่ให้ไว้ ...

อ่านแล้ว ขนลุกค่ะ

อ.วุฒิที่รัก เป็นไปได้ไหมคะที่จะมาเปิดบล็อกใน gotoknow มาเล่าเรื่องของ "กะเหรี่ยง" ให้พวกเราทราบ

ดิฉันเข้าใจอายุที่ว่า "ไม่รู้สึกว่า ตนเป็นพม่าหรือกะเหรี่ยง" ก็เพราะวิถีชีวิตของอาจารย์อาจจะไม่ได้อยู่ท่ามกลางสังคมกะเหรี่ยง ท่านเติบโตมากับศาสนาคริสต์ ดนตรี และหนังสือในโรงเรียนเรยีนาและพายัพ (ดังที่ท่านเล่า)

แต่สังเกตไหมคะว่า ท่านยังพูดกะเหรี่ยงได้ และท่านบอกใครต่อใครโดยไม่เปิดบังว่า ท่านเป็นกะเหรี่ยง ความเป็นกะเหรี่ยงของท่านอยู่ใน "สายเลือด" และ "จิตวิญญาน" แต่น่าเสียดายที่เพื่อนกะเหรี่ยงของ อ.วุฒิในเว็บกะเหรี่ยงไม่ได้เข้าใจตรงนี้

กรณีอาจจะเหมือนไทเกอร์ วู๊ดที่ไม่ได้เติบโตในสังคมไทย ก็อยากไม่รู้สึกว่า เป็นคนไทย แต่เมื่อเวลาเราไปดูจริงๆ ก็พบว่า ยังฟังภาษาไทยที่คุณแม่พูดบ้างได้ ยังชอบทานอาหารไทย และอาจมีความเป็นไทยอื่นๆ ใน "สายเลือด" และ "จิตวิญญาน"

ในประเด็นที่ว่า ฝั่งไทยต้องเอื้ออาทรต่อคนจากฝั่งกะเหรี่ยงนั้น เป็นการอธิบายอย่างโรแมนติกนะคะ โรแมนติก แปลว่า อ่อนหวานน่ะค่ะ ซึ่งจะเห็นว่า โดยวัฒนธรรมและสังคม อ.อายุได้รับการยอมรับนานแล้วโดยฝั่งเชียงใหม่นะคะ

วันนี้ อ.เอ๋เล่าว่า มีนักศึกษาพายัพ ๘๐๐ กว่าคนลงนามในหนังสือถึง มท.๑ เพื่อขอให้ท่านอนุญาตให้ อ.อายุได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติตามมาตรา ๑๑ (๑) กล่าวคือ ใช้ความดีของ อ.อายุต่อประเทศไทยมาเป็น "ปัจจัย" ในการให้สัญชาติไทยแก่ อ.อายุ

ตอนนี้ ไม่สบายใจเท่าไหร่ เพราะมีหลายคนมาเล่าว่า มีคนในกรมการปกครองที่จะไม่ยอมใช้มาตรา ๑๑(๑) แต่จะใช้เงื่อนไขแบบคนต่างด้าวทั่วไป โดยตั้งเงื่อนไขให้ท่านต้องมี "ใบถิ่นที่อยู่" หรือ "ใบอนุญาตทำงาน" ซึ่งเท่ากับว่า จะปฏิเสธที่จะให้สัญชาติแก่ อ.อายุนั่นเอง

ความดีของ อ.อายุ ที่สร้าง "คนดนตรี" ให้สังคมไทยนั้น ชัดเจนนะคะ  ถ้าภาคราชการมองไม่เห็นคนดีนะคะ สังคมไทยจะเป็นอย่างไรกัน ?

"ความดี" คำนี้ยิ่งใหญ่นะคะ

ชลฤทัย แก้วรุ่งเรือง

ชลไปสอบถามที่กระทรวงมหาดไทย

ทราบว่ารายงานการประชุมกำลังทำอยู่และกำลังเสนอเป็นหนังสือเวียนให้คณะทำงานพิจารณากลั่นกรองคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยรับรองรายงานการประชุมอยู่ค่ะ

แต่มีรายงานเบื้องต้นที่กรมการปกครองเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถึงเรื่องของอาจารย์อายุ เนื่องจากกำลังเป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ว่า

"เรื่องของอาจารย์อายุนั้น ขาดคุณสมบัติการขอแปลงสัญชาติโดยทั่วไป(มาตรา 10 ) แต่สามารถใช้การพิจารณาในช่องของมาตรา 11 ได้(ซึ่งก็เป็นช่องทางตามกฎหมายที่เรายื่นคำขอให้พิจารณาไป) ทางคณะทำงานกำลังทำรายงานการประชุมเพื่อเสนอต่อรัฐมนตรี" ค่ะ

 

ไม่ได้แวะเข้ามาหลายวัน กลับมาวันนี้เห็นข้อความเพิ่มขึ้นเยอะจัง ขอบคุณคุณวุฒิที่ให้กำลังใจอย่างสม่ำเสมอ (ต่าบลึโดมะ) ดิฉันเองก็ไม่สบายใจกับข้อความที่คมชัดลึกเคยลงตั้งแต่วันที่ 1 เมษาปีที่แล้วที่ว่า "ไม่รู้สึกว่า ตนเป็นพม่าหรือกะเหรี่ยง" เพราะดิฉันไม่ได้พูดเช่นนั้น ว่ากันตามจริงแล้ว ถ้าไม่บอก ก็ไม่มีใครรู้ว่าดิฉันเป็นกะเหรี่ยง แต่ดิฉันบอกกับทุกคนเสมอ เพราะไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องน่าอาย ดิฉันภูมิใจด้วยซ้ำ เหมือนกับที่ดิฉันไม่เคยรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าอายที่ตัวเองยังไร้รัฐ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของดิฉัน แต่เป็นความผิดของคนที่ไล่ฆ่าเผ่าพันธุ์ของเรา ถึงทำให้ดิฉันเผชิญชะตากรรมอยู่อย่างนี้
อยากมีโอกาสได้พบคุณวุฒิเพื่อกล่าวขอบคุณด้วยตนเองค่ะ
พรุ่งนี้เช้าจะออกเดินทางแล้วค่ะ ขอคำภาวนาจากทุกท่านด้วยค่ะ 
ประเสริฐ สุขสวัสดิ์
ผมเองก็คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า อาจารย์คงไม่ได้พูดเช่นนั้นนะ  อยากให้อาจารย์เข้ามาชี้แจงเอง  ซึ่งก็ได้รับคำตอบจากอาจารย์แล้ว    ยังมีพี่น้องปกาเกอะญออีกหลาย ๆ ท่านที่อยู่ในเมืองเชียงใหม่ สอนตามสถาบันเอกชนต่าง ๆ เช่นโรงเรียนปรินส์ ดาราฯ มหาวิทยาลัยพายัพฯ ฯลฯ  ผมก็มีโอกาสได้พบกับหลาย ๆ ท่าน  บางท่านก็มีเหตุผลส่วนตัวในการที่ต้องการความเป็นส่วนตัว  ในกรณีของอาจารย์ ผมคิดว่าท่านเป็นคนของสาธารณชน เป็นที่รู้จัก  ในเมื่ออาจารย์ชี้แจงมา  ผมรู้สึกดีใจจริง ๆ   ต่า บลึ๋ โดะ มะ จิ๊ บลึ๊ เกอะ จ่า ยวา ลอ
ประเสริฐ สุขสวัสดิ์

ขอเรียนและชี้แจงเพิ่มเติมจากการชี้แจงของอ.วุฒิว่า ปกาเกอะญอ .."ปกา" หมายถึง พวกเรา ชาวเรานั้นถูกต้องแล้วครับ  ส่วนคำว่า "เกอะญอ" นั้นหมายถึง ชอบความสงบ สมถะ เรียบง่าย  (อันนี้อ้างจาก www.karenpeople.com ) และจากคำบอกเล่าของพาตี่ จอนิ โอ่โดเชา ซึ่งเป็นปรัชชาวบ้าน ได้อธิบายคำปกาเกอะญอว่า คือคนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบ ๆ ง่าย ๆ ครับ  ในฐานะที่อ.วุฒิท่านเป็นกะเหรี่ยงโปว์หรือโผล่ว์อาจสื่อสารให้เกิดความเข้าใจผิดได้ครับ  ขอชี้แจงกลับมาตรงนี้ด้วยครับ 

วันนี้ อ.อายุคงถึงประเทศจีนแล้ว ตราบใดที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ว่า มีปัญหา ก็แปลว่า ไม่มีปัญหา

อยากบันทึกไว้ว่า วันนี้ ช่อง ๑๑ ทำเรื่องของ อ.อายุค่ะ

คนไทยก็เอาใจช่วย อ.อายุล่ะค่ะ ขอให้ทำดีที่สุดนะคะ

มีอะไรก็จะมาบันทึกบอกให้ทราบค่ะ

ชลไปส่งอาจารย์อายุ ที่ดอนเมืองมาค่ะ

และเขียนรายงานความคืบหน้าแก่สื่อมวลชนซึ่งนำมาลงไว้ ใน

http://gotoknow.org/blog/chonruitai/40442

อ.อายุ พร้อมทำหน้าที่ตัวแทนประเทศไทยอย่างดีที่สุด แม้ยังไม่ได้รับอนุมัติสัญชาติไทย อาจารย์อายุ  นามเทพ   อาจารย์ดนตรีไร้รัฐไร้สัญชาติจากมหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่  ได้เดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขัน Choir Olympic ครั้งที่ ๔ ที่เมือง Xiamen ประเทศจีน ในฐานะตัวแทนประเทศไทย แล้ว แม้ว่าคำขอสัญชาติไทย ตามมาตรา ๑๑(๑) พรบ.สัญชาติพ.ศ. ๒๕๐๘  ด้วยเหตุที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศไทย จะยังไม่ได้รับการพิจารณาจากรมต.ว่าการกระทรวงมหาดไทย  ดังที่ อาจารย์อายุ  นามเทพ ได้เดินทางออกจากประเทศไทยไปยังเมือง Xiamen ประเทศจีนแล้ว เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ เวลา ๑๔.๒๐ น. ด้วยสายการบิน Air Asia ซึ่งออกจากสนามบินดอนเมือง บินตรงไปยังเมือง Xiamen ประเทศจีน  โดยที่อาจารย์อายุได้ใช้เอกสารเดินทางฉุกเฉิน(Emergency  Certificate) แทนหนังสือเดินทาง (passport) ซึ่งได้ออกให้โดยกระทรวงการต่างประเทศของไทย  ทั้งนี้เนื่องจากอาจารย์อายุยังคงเป็นบุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติซึ่งไม่มีสัญชาติของประเทศใดเลยในโลก  ในการเดินทางครั้งนี้จึงจำเป็นต้องขออนุญาตเดินทางเข้าออกประเทศ ทั้งประเทศจีนและประเทศ ไทย  ซึ่งต่างก็ได้ดำเนินการเรียบร้อยไปก่อนล่วงหน้าแล้ว  อาจารย์อายุจึงเป็นบุคคลพิเศษเพียงท่านเดียวที่หาได้น้อยมากในสายการบินใดๆ ในโลก ที่ปรากฎว่ามีทั้งวีซ่าเพื่อเข้าประเทศจีน และ ยังมีวีซ่าเพื่อเข้าประเทศไทยหลังจากเสร็จสิ้นการแข่งขันครั้งนี้แล้วด้วย ....... 

 

เรื่องเข้าประเทศจีนก็เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาค่ะ (เมื่อคืนไม่ได้รับแจ้งใดๆ ที่เป็นปัญหา)

ซึ่งเรื่องนี้อาจารย์อายุได้รับวีซ่าจากประเทศจีนเรียบร้อยแล้ว และได้ให้อาจารย์อายุติดจดหมายชี้แจง(ภาษาอังกฤษ) ถึงสาเหตุที่ต้องใช้เอกสารเดินทางฉุกเฉิน ที่อ.แหววเขียนถึงสถานทูตจีนติดตัวไปด้วยค่ะ

ที่ขำก็คือ คุณชลฤทัยซึ่งจะต้องเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านนั้น กลับบ้านไม่ได้ เพราะ ลูกศิษย์อาจารย์อายุคนหนึ่ง ไปไม่ได้ด้วย เพราะอายุพาสปอร์ตเหลือไม่ถึง 6 เดือน ก่อนเข้าจีน เลยต้องพาไปฝากที่โรงแรมของลูกศิษย์อ.อายุ  แล้วพรุ่งนี้ต้องพาไปต่ออายุพาสปอร์ตก่อน พาไปขึ้นเครื่องตามไปจีน
ชลเล่าว่า "ไม่รู้วาสถานกงศุลจีนออกวีซ่ามาให้ได้ยังไง แล้วเจ้าตัวก็ไม่รู้เรื่องเลย เป็นบทเรียนที่ดีมากค่ะ
 พยายามช่วยกันติดต่อทั้งตม.และสถานกงศุลจีนให้แล้ว แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยค่ะ เป็นหลักสากลที่เค้าโทรไปถามที่ ตม.จีนที่Xiamen เค้าก็ไม่ให้เข้า และ ตม.ไทยก็ไม่ให้ออก  ไม่น่าพลาดเลย ชลก็มัวไปส่งอ.อายุขึ้นเครื่อง ตม.ให้ชลเข้าไปชี้แจงข้างใน และให้เข้าไปถึง จุดตรวจ boading  Pass หน้า Gate ขึ้นเครื่อง แน่ะ กลับมาอีกที ข้างนอก ตรงเช็คอินตั๋วที่เคาเตอร์ Air Asia  ปรากฎว่าสายการบินถอนกระเป๋าเดินทางของน้องเค้าออกมาแล้ว คณบดีมัวเจรจาให้เกือบตกเครื่องไปอีกคน"
สรุปคนไร้รัฐอย่าง อ.อายุไม่มีปัญหาที่ดอนเมือง แต่คนสัญชาติไทยมีปัญหา
แต่พรุ่งนี้ อ.ชล ทนายความคนเก่งของเราคงจัดการส่งน้องตามไปร้องเพลงได้ค่ะ
ชลฤทัย แก้วรุ่งเรือง

ค่ะ  วันนี้พานักศึกษาของม.พายัพ ที่ไม่ได้เดินทางไปเมื่อวันเสาร์ ขึ้นเครื่องไปเรียบร้อยแล้วค่ะ

 ช่วยกันหลายคนค่ะ คือ มีพี่นก สรศักดิ์ ศิษย์เก่าม.พายัพ  ครูแดง แห่งสาขาดุริยศิลป์ ม.พายัพ และ คุณโอ๋ คนของสมาคมขับร้องประสานเสียง เจ้าหน้าที่ของสายการบินแอร์เอเชีย ช่วยประสานงานด้วยอีกแรง

 

วันนี้อะไรที่มันดูยากและไม่น่าเชื่อว่าจะสำเร็จได้ ก็เสร็จสิ้นไปได้ค่ะ

ที่ยากก็คือ วันนี้เราต้องการพาสปอร์ตเล่มใหม่(เนื่องจากกองหนังสือเดินทางยกเลิกการต่ออายุไปแล้ว ต้องทำเล่มใหม่อย่างเดียว ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลา 3 วัน)

และต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ให้ทันก่อน บ่ายสามโมง เพราะเครื่องจะออกตอนบ่ายสามโมงห้าสิบห้า

มีอุปสรรคมากมายและมีสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะสำเร็จได้ แต่ก็สำเร็จไปแล้วค่ะ

ที่ดีใจ คือ วันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์พิเศษ หรือ เส้นสายเลยด้วย เพราะเราเข้าไปเดินเรื่องแบบประชาชนผู้เดือดร้อนตาดำๆ  หมายความว่ากองหนังสือเดินทางยังเป็นที่พึ่งของประชาชน และ วงวิชาการได้อย่างดีค่ะ  ขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการกองหนังสือเดินทางนะคะ

 

สาธุ ...ขอให้เรื่องสัญชาติไทยของอาจารย์อายุ สำเร็จได้อย่างวันนี้ค่ะ

สรศักดิ์ กำเนิดศิริ

วันนี้ สอนให้เรารู้ว่า...

ถ้าเราไม่ถอดใจเสียก่อน และระฆังยังไม่หมดยก ก็ยังพากันไปถึงเป้าหมายนั้นได้

น้องนุ คงต้องวิ่งเดี่ยว 700 ม. เพื่อไปให้ถึง Gate 71 ให้ทันเครื่องออก ถึงขนาดต้องทิ้งกระเป๋าไว้ที่กรุงเทพ ฯ 1 ใบ เพื่อให้วิ่งได้สะดวกขึ้น

เป็นบทเรียนและประสบการณ์ ที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง ...ครั้งหนึ่งในชีวิตของน้องนุ...

 

และต้องขอขอบคุณ หลาย ๆ ท่าน โดยเฉพาะคุณชลฤทัย ที่เสียสละอย่างมาก ที่จะช่วยเหลือ น้องนุ ให้ไปให้ได้...

เมื่อมีศรัทธา   ปาฏิหารย์ก็บังเกิดจริง ๆ  

กำลังใจสำคัญค่ะคุณนก ถ้าเรามั่นใจในความถูกต้องที่เรามีอยู่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่กับเราเสมอ

หวังว่า อ.อายุ รวมถึงน้องนุ...ที่เพิ่งวิ่งตามไป จะทำได้ดีที่สุด

ไม่ว่าจะได้รางวัลหรือไม่ สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ๆ ก็คือ เสียงดนตรีของพายัพน่าจะได้มีโอกาสฝากชื่อของประเทศไทยไว้บนเวทีโลกได้ค่ะ  ขอบคุณเหล่านักดนตรีจากพายัพที่ทำให้ประเทศไทยมีวันเช่นนี้

ชลฤทัย แก้วรุ่เงรือง
ข่าวอาจารย์อายุ ในประชาไท

http://www.prachatai.com/05web/th/home/page2.php?mod=mod_ptcms&ContentID=4364&SystemModuleKey=HilightNews&System_Session_Language=Thai

โดย  มุทิตา เชื้อชั่ง

ป่านนี้ อายุ นามเทพ อาจารย์ดนตรีไร้สัญชาติแห่งมหาวิทยาลัยพายัพ คงกำลังพาลูกศิษย์คณะประสานเสียงเกือบ 30 ชีวิตของเธอขึ้นเวทีแสดงความสามารถต่อสายตานานาประเทศอยู่ที่เมืองจีน (22-26 ก.ค.-- Choir Olympics ครั้งที่4 ที่เมือง Xiamen สาธารณรัฐประชาชนจีน) 

หวังว่าการขึ้นเวทีครั้งนี้ น่าจะจุดประกายความหวังบางอย่างในชีวิตเธอ แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ซึ่งเธอเคยเขียนบรรยายความรู้สึกไว้ในhttp://www.archanwell.org/autopage/show_page.php?t=1&s_id=230&d_id=229 คุณเคยอยู่ท่ามกลางคนหมู่มาก ยืนต่อหน้าคนนับพันและยังรู้สึกว่าตนเองเป็นมนุษย์ล่องหน ไม่มีตัวตนหรือไม่ นั่นแหละ คือตัวฉันล่ะ 

นั่นเพราะการไปแสดงดนตรีในต่างแดนครั้งนี้ เกิดจากความพยายาม การผลักดันของนักวิชาการ สื่อมวลชน และสังคมที่มีต่อรัฐบาลโดยตรงในการแก้ปัญหาเชิงเทคนิคทั้งหลาย ให้อาจารย์ดนตรีฝีมือดีของประเทศไทยได้พาลูกศิษย์ไปโชว์ฝีมือยังต่างแดน หลังจากเธอพลาดโอกาสแสดงดนตรีในต่างประเทศมากว่า 50 ครั้งตลอดช่วงชีวิตของเธอ  มันเป็นการผลักดันในวงกว้าง ไม่ใช่เกิดขึ้นจากการช่วยเหลือของสถาบันวัฒนธรรมเยอรมัน (เกอเธ่) สถานทูตเยอรมัน และผู้หลักผู้ใหญ่อย่างเงียบๆ เหมือนการเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตในต่างแดนครั้งก่อนสมัยที่อาจารย์อายุยังเป็นสาวแรกรุ่น  อย่างไรก็ตาม ในครั้งนั้นเธอดีใจมาก แต่เหตุผลที่เธอดีใจออกจะฟังดูแปลกสักหน่อยสำหรับคนทั่วไป  ในที่สุดฉันก็ได้รับหนังสือเดินทางพิเศษที่ออกให้พร้อมวีซ่าให้กลับเข้ามาในประเทศได้ 2 ครั้ง และฉันก็ได้ร่วมเป็นตัวแทนไปเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ที่ฮ่องกงและเบอร์ลินตะวันตกในเดือนตุลาคม 2521 กับคนอื่นในทีม เป็นเดือนที่ฉันมีความสุขที่สุด เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันมีกระดาษหนึ่งแผ่นจากทางการไทยที่ระบุว่า ฉันเป็นคน  

สำหรับอาจารย์อายุ และบุคคลไร้สัญชาติ ไร้รัฐอีกนับล้านในประเทศไทย พวกเขารู้ดีว่า การต่อสู้เรื่องสัญชาติของพวกเขาไม่ใช่เพียงเรียกร้องสิทธิความเป็นคนไทยเท่านั้น แต่มันหมายถึง สิทธิการเป็นคน นั่นเลยทีเดียว เพราะทันทีที่รัฐสมัยใหม่ลากเส้นแบ่งเขตแดนประเทศตัวเองอย่างชัดเจน แล้วชะตากรรมนำพาให้บางชีวิตกลายเป็นบุคคลที่รัฐไหนก็ไม่ต้องการ (ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลงี่เง่าขนาดไหนก็ตาม) นอกจากพวกเขาจะต้องประสบกับอาการไร้ตัวตนอย่างอาจารย์อายุแล้ว ถ้าโชคร้ายเป็นคนชายขอบ เป็นชาวบ้านยากจนในถิ่นฐานห่างไกลก็ยิ่งไม่มีโอกาสเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานหลายอย่างที่ชีวิตคนสามัญที่สุดคนหนึ่งพึงได้รับ ไม่ว่าการศึกษา การรักษาพยาบาล การมีอิสระในการประกอบอาชีพฯ 

กรณีของอาจารย์อายุ เป็นภาพสะท้อนที่ดีถึงปัญหาคนไร้สัญชาติที่ยืดเยื้อและยุ่งยากอยู่มากในประเทศไทย เพราะจนบัดนี้ปัญหาของเธอก็ยังไม่คืบหน้า แม้ว่าเธอจะเป็นอาจารย์ที่มีฝีมือทางดนตรีอย่างสูง มีลูกศิษย์นับไม่ถ้วน (วงอีทีซี วงอะแคฟเปล่าเซเว่น จิ๋วเดอะสตาร์ ด็อจ(โบกี้-ด็อจ) ครรชิต-ทิตแหลม ล้วนผ่านมือเธอมาแล้ว) อยู่เมืองไทยมากว่า 50 ปี มีสามีชาวไทย และลูกชายอีก 2 คน รวมทั้งเคยทำเรื่องถึงหน่วยงานต่างๆ ไม่รู้กี่หน ตลอดจนจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีก็แล้ว  

คุณนารีรัตน์ซึ่งเป็นนักศึกษาไทยในประเทศจีนเล่าว่า ไปดู อ.อายุและทีมเล่นดนตรีมาแล้ว กำลังจะส่งรูปมาให้ดูค่ะ ได้มาแล้ว จะส่งให้ดูทางโกทูโนนี่ล่ะค่ะ

อ.จันทรวรรณดู ทีวี

ท่านว่า ทีวีว่า ทีมพายัพได้ที่สาม และทีมเซนต์จอห์นได้ที่หนึ่ง ประเทศไทย เราได้ ๒ ตำแหน่งเลย จาก ๒๐๐ ทีมนะคะ  ดีใจกันเพื่ออาจารย์นะคะ

รอข่าวการให้ "ใจ" แก่อาจารย์อายุ กันค่ะ รัฐบาลไทยจะทราบเรื่องนี้ไหมคะ

http://gotoknow.org/ask/archanwell/575

ดูจากช่องเจ็ดช่วงบ่ายสามค่ะ ไทยเราได้ที่สามสามรางวัล จำไม่ได้ว่าได้ที่สองด้วยหรือไม่นะค่ะ แต่ฟังแล้วดีใจแทนอ.อายุมากมากค่ะ :)

ยินดีด้วยครับกับ รางวัล สำหรับความเหนือยยากจากการฝึกฝน ทุ่มเท ให้กับการทำดนตรีแบบวัฒนธรรมร่วมสมัย

เป็นที่น่าภาคภูมิใจนะครับ สำหรับหญิงเก่งคนนี้ และ ลูกศิษย์ทั้งหลาย

การขับร้องประสานเสียง แบบนี้ ถือว่าเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัย คราวนี้สร้างชื่อให้ประเทศไทยอย่างมาก อันที่จริงก็เหมือนแข่งกีฬา น่าจะมีการฉลองความสำเร็จครั้งนี้ โดยรัฐบาลไทย กระทรวงวัฒนธรรมน่าจะเข้ามาเป็นเจ้าภาพนะครับ

อ.โก๋

เราน่าจะทำหนังสือถึงบริษัทเวิร์คพอยท์ กันนะครับ ให้ทีมนี้ไปออกรายการคุณพระช่วย แสดงถึงวัฒนธรรมทางดนตรีในเวทีโลก

 อ.โก๋

เอารูปของทีมพายัพและเหรียญรางวัลมาให้ดูค่ะ

คลิกเลย http://gotoknow.org/file/archanwell/view/26204

คุณพ่อเจริญ นันทการ  เขียนถึง อ.อายุ เมื่อ 25 ก.ค. 49 ใน http://www.karenpeople.com/bard/question.asp?GID=83

ซึ่ง คิดว่า ถ้า อ.อายุและลูกศิษย์ได้อ่าน ก็คงดีใจ เลยลอกมาให้ได้อ่านค่ะ

"ถึงอาจารย์อายุ นามเทพ (ขออภัยหากจำนามสกุลผิดพลาด)... ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ในสิ่งต่าง ๆ ที่อาจารย์ได้ทำมาตลอดเพื่อความดีงาม และความสงบสุขของน้องพี่โดยส่วนรวม ... ส่วนตัว ได้พบ และได้รู้จักกับอาจารย์พอสมควร มีโอกาสได้พบ ได้คุยบ้าง แต่ไม่มีโอกาสบ่อยนัก ต่อไปจะพยายามรู้จักมากขึ้น ... พ่อโชคดี ได้มีโอกาสพบ และได้คุยกับคุณแม่ของอาจารย์ด้วยเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยครั้งหนึ่งพบกับท่านที่ศูนย์อบรมเด็กชาวไทยภูเขา แม่ปอน ท่านมาเยี่ยมศูนย์นี้ และท่านถือโอกาสมาเยี่ยมครูลอเรนท์ ซึ่งเป็นเพื่อนของท่านด้วย ... ขอชื่นชมในพระพรของพระเจ้า (พรสวรรค์) ที่อาจารย์ได้รับ คือ ความสามารถด้านดนตรี และอื่น ๆ ด้วย อาจารย์ใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อประโยชน์ และความดีงามของส่วนรวม และเพื่อพระเกีรยติมงคลของพระเจ้าด้วย ... เห็นด้วยกับอาจารย์เป็นอย่างยิ่งที่ว่า "ถ้าเรายึดถือบัญญัติเอก หรือกฎทอง คือ รักพระเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และรักเพื่อนพี่น้องเหมือนรักตนเอง หรือ ให้เรารักกันอย่างที่พระเยซูเจ้าทรงรักเรา" จะไม่มีปัญหาใด ๆ หรือถ้ามีก็จะสามารถเอาชนะได้ในที่สุด ดังนั้น ขอเป็นกำลังใจให้ และขอเป็นพันธมิตร แนวร่วม ที่เราจะยึดถือกฎทองนี้ไว้ตลอดไปครับ ... หวังว่าอาจารย์จะได้รับสัญชาติไทย และเป็นประชาชนคนไทย เชื้อสายกะเหรี่ยงโดยสมบูรณ์ในเร็ว ๆ วัน ขอภาวนาให้ครับ "

เบลล์ ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่า อ.แม่สอด จ.ตาก

  เบลล์ดีกับอาจารท่านด้วยน่ะค่ะ เบลล์รู้ว่าอาจารท่านชนะได้รางวัลมาโดย อ.แหววท่าน เมลมาบอก ก็ดีใจตื่นเต้นและชุ่มชื่นหัวใจเหลือเกินค่ะ  ถึงแม้ไม่ได้ไปแข่งเอง ก็ตื่นเต้นรุ้นมากค่ะ การที่ทุ่มแท เวลา แรงกาย แรงใจ ด้วยพลังที่เต็มเปี่ยมของอ.อายุ ด้วยใจที่มุ่งมัน และ แรงกาย แรงใจ และหัวใจของอาจารนักกฎหมาย ที่เสียสระ...ไม่ว่าจะเป็นอาจารชนชาติไหน  ..ไม่ว่าจะเป็นอาจารประเทศได..ไม่ว่าอาจารจะสอนวิชาได อาจารก็คืออาจารเช่นเดียวกันทุกๆประเทศทุกชาติทุกเผ่าพันธ์ผู้มีพระคุณเช่นเดียวกัน

มนุษย์ทุกดนก็ต้องมีอาจาร  

ถ้าไม่มีอาจาร ใครจะมาสอนเรา หรือ ?...

ท่านผู้มีตำแหน่งทั้งหลาย  ...

 

อาจารน่ะค่ะท่านทั้งหลาย ไม่สามารถที่จะซื้อตามsupermarket  หยิบมา ใสตะกร้า จ่ายเงิน เปิดกระป๋องแล้วได้รับความรู้ คำสั่งสอน คำชี้แนะ  ครบถ้วนใน1 นาที

กรุณา มองเห็นคุณค่าสักหน่อยเถิดค่ะ ท่าน.......ทั้งหลาย

อีกวงในโกทูโนที่คุยเรื่องการรับรางวัลของ อ.อายุ

http://gotoknow.org/ask/archanwell/575

อาจารย์อายุทำให้ประเทศไทยได้เหรียญรางวัลจากการประกวดดนตรีในระดับโลก

เด็กไทยได้มีโอกาสได้ประกาศความสามารถในเวทีโลก

เราน่าจะให้รางวัลกับอาจารย์อายุ ด้วยคำว่า สัญชาติ หรือไม่ น้า.........

วันนี้ คุณชลฤทัยโทรมาบอกว่า มท.๑ รับที่จะพบ อ.อายุ พรุ่งนี้ คือ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ เวลา ๑๑.๐๐ น.

คุณชลฤทัยจึงขอให้มวลมิตรไปเป็นเพื่อน อ.อายุ ค่ะ จะมีใครไปด้วยไหมคะ เจอกันที่หน้าห้อง มท.๑ เลยนะคะ

ใครพอว่าง......เชิญเลยค่ะ

อยากทราบเหมือนกันว่า มท.๑ จะว่าอย่างไร

ขอเชิญทุกท่านไปเป็นกำลังใจให้อาจารย์อายุด้วยนะคะ..

เตือนเองก็จะไปหมือนกัน

ขอให้ท่าน มท.1 say "YES" ซักทีนะคะ

4 ทีมนักร้องประสานเสียงจากประเทศไทย แสดงพลังเสียงและลีลาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากการแข่งขันขับร้องประสานเสียง Choir Olympics 2006 ณ เมือง เซียะ เหมิน (Xiamen) ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มาครองทั้งเหรียญทอง เหรียญเงิน และทองแดง ระหว่างวันที่ 15-26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
มีรายงานสายตรงจากเวทีแข่งขัน Choir Olympics 2006 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงไปว่า 4 คณะนักร้องประสานเสียงตัวแทนประเทศไทย จากการคัดเลือกของสมาคมขับร้องประสานเสียง (ประเทศไทย) นำโดย ปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกกิตติมศักดิ์, คุณหญิงมาลัยวัลย์ บุญยะรัตเวช นายกสมาคม ฯ และกระทรวงวัฒนธรรม สามารถคว้าเหรียญรางวัลจากทุกประเภทที่เข้าร่วมแข่งขัน สร้างทั้งชื่อเสียงและความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก
คณะ St.John's Choir ของโรงเรียนเซนต์จอห์น มีอาจารย์สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา เป็นผู้อำนวยเพลง คว้ารางวัลเหรียญทอง ในประเภท Scenic Folklore (คณะประสานเสียงพื้นบ้านประกอบท่าทางโดยแต่งกายประจำชาติ และแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมของชาตินั้นๆ)
คณะ Wattana Girls'Chorus จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย มีอาจารย์สถิต สุกจงชัยพฤกษ์ เป็นผู้อำนวยเพลง คว้า 2 เหรียญเงินจากการแข่งขันประเภท Youth Choir of Equal Voices (ประเภทเยาวชนอายุระหว่าง 12-19 ปี) และประเภท Folklore with Instrumental Accompanimemt (คณะประสานเสียงเพลงพื้นบ้านที่มีเครื่องดนตรีประกอบ)
คณะ Payap Sacred Music Singers จากมหาวิทยาลัยพายัพ มีอาจารย์อายุ นามเทพ เป็นผู้อำนวยเพลง คว้า 2 เหรียญทองแดงจากประเภท Mixed Chamber Choir (ประเภทเพลงศาสนาไม่มีเครื่องดนตรีประกอบและใช้เพลงร้องทางศาสนาในยุคเรเนซซองซ์) และ Musical Sacra Acappella
The Voices มี Mr.Alfred De Veyra เป็นผู้อำนวยเพลง คว้าเหรียญเงินจากประเภท Musica Contemporanea (คณะนักร้องประสานเสียงร่วมสมัย โดยใช้เพลงที่แต่งขึ้นในศตวรรษที่ 20 และ 21) และเหรียญทองแดงจากประเภท Gospel & Spiritual (คณะประสานเสียงชาวนิโกร สามารถใช้เครื่องดนตรีไฟฟ้าประกอบการร้องได้)

(http://www.naewna.com/news.asp?ID=18565)

สุดยอดเยาวชนภายใต้การดูแลด้วยความรักและความเสียสละของปูชนียบุคคลนักสู้!!!

 

ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของผลงานทุกท่านค่ะ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมเยาวชนมหาวิทยาลัยพายัพนำโดยท่านอาจารย์อายุ   ท่านได้รับชัยชนะที่เหนือไปกว่าชัยชนะทั้งหลาย เพราะท่านต้องสู้ทั้งในสังเวียนดนตรีและสังเวียนชีวิต!!  มันคือ "ชัยชนะของสุดยอดนักสู้" ค่ะ!!

อยากให้เหล่าคนรัก อ.อายุ ช่วยติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการขจัดปัญหาความไร้รัฐให้แก่ อ.อายุ ด้วยนะคะ วันนี้ ที่ต้องไปพบ มท.๑ คงจะบอกอะไรเกี่ยวกับอนาคตของอาจารย์ได้ ตามสมควร

โล่งใจค่ะ มท.๑สัญญาที่จะจัดการเรื่อง อ.อายุให้

ได้คุยรายละเอียดกับท่านปลัดกระทระทรวงมหาดไทยด้วย

มีเรื่องเล่ามากมาย ขอตั้งตัวนิดนะคะ แจ้งข่าวดีก่อน

เขียนบันทึกสัปดาห์ที่ผ่านมาลงแล้ว แต่เพราะอะไรไม่รู้ ไม่เห็นมีข้อความขึ้นเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลงใหม่อีกทีค่ะ

รูปที่น่ารักของมวลมิตรที่ไปเป็นเพื่อน อ.อายุ เมื่อวันที่ 28/7/2549 อีก 2 รูป เป็นที่ระลึกของการทำงานครั้งนี้ค่ะ

http://gotoknow.org/file/archanwell/view/26478

http://gotoknow.org/file/archanwell/view/26477

วันนี้ มีบทความเกี่ยวกับ อ.อายุ ในกรุงเทพธุรกิจ

http://www.bangkokbiznews.com/jud/sat/20060703/news.php?news=column_21065164.html

อยากจะขอเรียนเชิญ อ.อายุ มาร่วมงาน "วันแม่ไร้สัญชาติ" ในวันที่ 12 สิงหาคม 2549 เวลา 13.00 - 17.00 น. ค่ะ

จะเป็นการรวมตัวกันของบรรดาแม่ที่ยังไร้สัญชาติและครอบครัวค่ะ

นอกจากนี้..ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเรียนเชิญอ.อายุและคณะที่ได้ไปแข่งขันโอลิมปิก มาร้องเพลงในงานวันแม่ที่จะจัดด้วยค่ะ

ขอเรียนเชิญนะคะ

คุณบงกชคะ
ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าตารางจะเป็นอย่างไรค่ะ เพราะทางสมาคมขับร้องประสานเสียงเองก็จะจัดงานให้ทั้ง 4 วงที่ไปแข่งในช่วงเวลาเดียวกันนี้ แต่ยังไม่ได้กำหนดวันเพราะต้องรอคำตอบจากการทูลเชิญอยู่ อีกประการที่เป็นปัญหาใหญ่ก็คือค่าใช้จ่ายในการเดินทางและที่พักในกทม.ของลูกทีมทั้ง 30 คนด้วยค่ะ
ดิฉันก็หวังว่าจะได้รับคำตอบในเร็ววันจากทางสมาคม เพื่อที่จะได้ปรึกษาความเป็นไปได้กับคุณบงกชต่อไปค่ะ

ในห้องเรียนวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ ที่คณะนิติศาสตร์ มธ. ซึ่งมีการตกลงกันเพื่อจัดงานเรื่อง "โครงการแก้ปัญหาแม่ไร้สัญชาติ" นั้น มีข้อเสนอมากมาย อ.แหววรบกวน อ.โก๋ให้มาเขียนโครงการและคุยกับ Unicef และ Plan

หาก Unicef และ Plan ตกลง

ปัญหาค่าใช้จ่ายทั้งทีม ก็คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่มีใครให้เงินจัดงาน ก็อาจทำได้ที่พายัพ

แวะเข้ามาแสดงความยินดีกับอาจารย์อายุค่ะ :) ดิฉันเขียนสรุปเรื่องราวแห่งความสำเร็จที่จีนให้อีกครั้งไว้ที่ http://gotoknow.org/blog/tutorial/41703 ค่ะ

ขอบคุณ อ.จันทรวรรณ

ดีมากค่ะ ที่ช่วยเอาขึ้นหน้า ๑ อีกหน

อ.แหววยังไม่วางใจทีเดียวค่ะ มายืนเป็นเพื่อนกัน ก็ดีค่ะ

วันนี้ มาติวนักศึกษาในวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล จึงนึกได้ว่า เมื่อภาครัฐไทยยอมที่จะออก visa reentry ให้แก่ อ.อายุ ก็แสดงว่า รัฐไทยยอมรับใน "จุดเกาะเกี่ยวที่รัฐไทยมีกับ อ.อายุ"

คำถามต่อมา ก็คือ แล้วอะไรล่ะที่เป็นจุดเกาะเกี่ยวอันนั้น ?

คำตอบที่เราเห็น ก็คือ (๑) อ.อายุเป็นมารดาของคนสัญชาติไทย (๒) อ.อายุเป็นภริยาของคนสัญชาติไทย (๓) อ.อายุทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทย และ (๔) อ.อายุมีภูมิลำเนาตามกฎหมายเอกชนอยู่ในประเทศไทย

เราตกใจที่จะต้องสรุปว่า ปรากฏการณ์นี้ได้แสดงให้เห็นว่า การยอมรับที่จะให้สิทธิอาศัยในประเทศไทยแก่ อ.อายุนี้เป็นสิทธิที่มีบทรองรับโดยมาตรา ๔ แห่งรัฐธรรมนูญ โดยแท้ การยอมรับโดยสิทธิอาศัยแห่งความเป็นคนสัญชาติไทยโดยมาตรา ๓๖ แห่งรัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่เกิด หรือโดยมาตราใดใน พ.ร.บ.คนเข้าเมอง ก็ยังไม่มี

อิทธิพลแห่งแนวคิดมนุษยนิยมในประเทศไทยดูจะได้รับการยอมรับโดยภาคราชการไทยเสียแล้ว

เป็นที่น่ายินดียิ่งนัก

จึงขอบันทึกไว้ ณ ที่นี้ ตอนแสนจะดึกมาก เพื่อคนที่สนใจศึกษาปัญหาคนหนีภัยความตายจะได้มาอ่านกันค่ะ

ใช่ค่ะ

 เป็นเรื่องของการยอมรับในจุดเกาะเกี่ยวที่ใกล้ชิดอย่างยิ่ง  รัฐไทยได้แสดงตัวเป็นเจ้าของตัวบุคคลของอาจารย์อายุ  นามเทพ ในสังคมระหว่างประเทศ ในฐานะรัฐเจ้าของดินแดนภูมิลำเนาของบุคคล เช่น อาจารย์อายุแล้ว

แล้วอย่างนี้กับผู้หนีภัยความตายคนอื่นๆ อย่างคุณแม่ซูง้อ และ คุณแม่เซาะเล้งหล่ะค่ะ 

 เดี๋ยวมาว่ากันต่อค่ะ

รูปตอนที่ท่าน อ.อายุไปพบ มท.๑ เมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙

http://www.archanwell.org/gallery/show_room.php?h=212&id_dir=129

น่าเห็นใจนะครับ

แต่ก็เป็นธรรมดา เพราะกรณีอย่างนี้มีเยอะมาก
แล้วก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่อาจารย์อายุเท่านั้น

อะไรคือชาติ อะไรคือสิทธิมนุษยชน
ทำไมทุกประเทศในโลกถึงปากอย่างใจอย่าง
จะโทษรัฐทั้งหมดคงไม่ได้หรอกครับ

ปัญหาแต่ละกรณีก็คงต้องค่อยๆแก้กันไป
เห็นใจก็แต่คนอื่นที่ไม่ได้มีกระบอกเสียงเหมือนอาจารย์ .... .....

ถ้าใจ...ให้คนไร้รัฐคนไร้สัญชาติ

ก็ขอมือด้วยค่ะ.....ต้องการมือค่ะ

วันนี้ มีคนอาสาจำนวนไม่น้อยลงมาให้ใจและมือค่ะ

มาซิคะ มาช่วยกัน

คนอย่างนักวิชาการชื่อดัง หรือคนเก็บขยะ ก็คนค่ะ เมื่อไร้รัฐไร้สัญชาติก็เดือดร้อน ถ้ามีใจ...ก็ก้าวมาเลยค่ะ

"งานวันแม่ไร้สัญชาติ" : จากใจลูกเพื่อแม่ไร้สัญชาติ

http://www.archanwell.org/newwebboard/main.php?board=000462&topboard=1

เชิญฟังเพลงพระองค์รพีฯ โดยการเล่นเปียโนของ อ.อายุ นามเทพ

http://gotoknow.org/file/archanwell/pra-ong+rapee.mid

เชิญอ่านเรื่อง "ตามล่าหา..บัตรประชาชน ของ อ.อายุ ภาค 2 ( ปฎิบัติการคลุกวงใน..ขอพบ มท.1 )"

http://www.pantown.com/board.php?id=15473&area=4&name=board2&topic=360&action=view

 

ขอให้คุณชลฤทัยมาสรุปความคืบหน้าเกี่ยวกับ อ.อายุหน่อยซิคะ เราจะสรุปได้หรือยังว่า ครั้งนี้ ของอายุ ก็คือ อีกพยานหลักฐานหนึ่งของความไม่รักษาสัญญาของรัฐบาลทักษิณ

ระหว่างรอ อ.ชลฤทัยมาเล่าถึง การติดตามกรณี อ. อายุ

ก็ดูภาพวันที่ อ.อายุได้ฟังคำมั่นสัญญาจากคุณคงศักดิ์ มท.๑ ในขณะนั้น ลูกศิษย์ของ อ.อายุมีวีดิโอด้วยค่ะ คงเป็นวินาทีประวัติศาสตร์เหมือนกัน ที่จะใช้สอนวิชานิติศาสตร์และรัฐศาสตร์เกี่ยวกับการจัดการผู้ลี้ภัยในประเทศไทย

 http://www.archanwell.org/gallery/show_room.php?h=212&id_dir=129

ฝันของ อ.อายุ คงจะสลายแล้วจริงๆ

รัฐบาลทักษิณก็จากไปแล้ว ทำเรื่องให้ อ.อายุไปแค่ไหน ก็ไม่ทราบ ต้องทำจดหมายถามไปอีกครั้ง

ใครหนอจะมาเป็น มท.๑

อยากทราบจังว่า คุณชลฤทัยก็ลืม อ.อายุด้วยใช่ไหมคะ

พรหมเมศวร์ สายน้ำตาล

ขอเป็นกำลังใจให้ อ.อายุ และ อ.แหวว หากมีการเคลื่อนไหวอะไร ที่เชียงใหม่ที่ผมจะพอช่วยได้ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ [email protected]

วันนี้ผม ลองเมล์ไปหาคุณดำรง คู่สร้างคู่สมให้ลงเรื่องของอาจารย์อายุ ดูไม่รู้ว่าจะได้ลงหรือเปล่านะครับ ยังไงก็เอาใจช่วยอายจารย์นะครับ

ขอบคุณคุณพรหมเมศวร์ค่ะ

อีกไม่กี่วันก็จะครบอายุ 52 แล้ว แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม

งานเยอะค่ะ หลายเดือนมานี้ ก็เลยแทบไม่ได้ติดตามความคืบหน้าอะไรเลย

ไม่ลืม อ.อายุค่ะ

วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๐ นี้

จะถามกรมการปกครองในที่ประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาปัญหาคนไร้สถานะทางกฎหมายฯ สภานิติบัญญัติ ถึงเรื่อง อ.อายุค่ะ

แล้วจะกลับมาบอกค่ะ

นายเกตุ ฟูรักษา (รหัส 252 32 18)
ขอเอาใจช่วยให้ได้สัญชาติไทยและสิ่งที่สำคัญ จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตประจำวันในเร็วๆวัน ด้วยความห่วงใยในฐานะเพื่อนเก่าร่วมสถาบัน,เพื่อนคริสเตียน และเพื่อน"อ้ายแน่น" เธียรชัย  นามเทพ ผู้ล่วงลับ

อ.อายุได้รับบัตรผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียน (ราษฎร) แล้วค่ะ

เป็นคนในระบบทะเบียนราษฎร อันได้แก่ ท.ร.๓๘

ขอแสดงความดีใจด้วยครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนในความสำเร๊จก้าวใหญ่ก้าวนี้ค่ะ หวังว่า นี่จะเป็นประตูบานใหม่ให้เพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายๆคนได้มีช่องทางสู่เส้นทางฝันแห่งความทัดเทียมทางสังคมค่ะ
กระผมคิดว่าปัญหานี้น่าจะเป็นเรื่องของกฏหมายที่มนุษย์เป็นผู้กำหนดมาเพื่อจะได้รู้ต้นกำเนิด แต่ผลที่ตามมาคงแสดงให้เห็นว่ามีปัญหากับใครบ้างและอย่างไร  แล้วการแก้ไขควรจะทำอย่างไร เมื่อไหร่ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ปัจจุบันพอโลกมีปัญหาเรื่องโรค แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตอื่นก็ต้องทำทะเบียนประวัติ เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุที่แท้จริงหรือเปล่า  น่าคิดจริงๆครับ

มวลมิตรคะ

อ.อายุพานักศึกษาไปแข่งดนตรีที่เวียนนาอีกแล้วค่ะ และก็ได้รางวัลเหมือนเดิม

แต่ อ.อายุยังไร้สัญชาติเหมือนเดิม

สถานะขยับมาอีกนิดว่า ได้รับบันทึกชื่อในทะเบียนราษฎรของรัฐไทย แต่ยังไร้สัญชาติ

คำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยที่วางไว้ตรงหน้า มท.๑ ยังวางไว้ที่เดิม เหมือนเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ ที่เราไปทวงถาม

เจ็บใจจริงๆ คนทั้งสังคมไทยเข้าใจ อ.อายุ เห็นความสำคัญของ อ.อายุ แต่รัฐบาลไม่เห็น

อ่านต่อ คำบ่นของ อ.แหวว ต่อในบันทึกนี้นะคะ

http://gotoknow.org/blog/stateless-and-nationalityless-management-by-law/194929

มาร่วมกันบ่นหน่อยนะคะ เผื่อว่า รัฐบาลประชานิยมเขาจะได้ยิน แต่ มท.๑ ที่ผิดสัญญา ก็พวกเดียวกันนี่นะคะ

 

 

ห่างไปหลายนาน ก็พอจะได้คืบหน้า แต่เพิ่งจะรู้ว่า ป๋อง อรรนพ จันสุตะ ที่เคยพำนักอยู่ด้วยกันแถว4แยกปริ้นตอนเรียนพายัพได้จากเราไปตั้งแต่ปี49 แล้ว เสียดายมาก

มารวมตัวกันเพื่อ อ.อายุสักที จะได้ไหมคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท