ค่า KPI หลายๆ ตัว เหล่าคุณเอื้อ คุณอำนวย วัดเอง ดูกันเอง
หาก ได้ผลออกมา ต่ำกว่าเกณฑ์ ก็อย่าไป ดุพนักงาน อย่าไปหา คนผิด
เราในฐานะ ผู้บริหาร คุณเอื้อ คุณอำนวย ต้องหา "มุข" ใหม่ เราต้องศึกษาพฤติกรรมของพนักงานมากขึ้น หาต้นตอว่าอะไรทำให้พนักงานฟอร์มตก อะไรที่พนักงานไม่รู้ กลัว ฝืนความรู้สึก ฯลฯ
***********************
KPI บางตัว สวิง บวกลบ กับเกณฑ์ได้
การที่เราพยายาม ทำให้ได้ เกินเกณฑ์เสมอไป อาจจะได้ ผลเลวร้ายด้านอื่นมาด้วย เช่น กำลังผลิตต้องได้ 90% พนักงานทำได้ ครั้งแรก คือ 80 % แต่ เกณฑ์ คือ 90% ดังนั้น จึงเร่งในเดือนต่อไปเป็น 100 % เพื่อ เอาใจ คนตรวจ KPI
ผลตามมา คือ เครื่องจักรเสื่อม เพราะ อัด 100 มันแรงไป
***************************
อุปมา KPI เป็นมิเตอร์รถ
ขับรถ เกณฑ์ ห้ามเกิน 50 กม / ชม
ถ้าทางว่าง ปลอดภัย อาจจะขับเกิน 50 ก็ได้ (แต่ ไม่ผิด กฏหมาย ที่ 55 ) ถ้าทางไม่ว่าง ไม่ปลอดภัย ทางลื่น รถไม่ดี ก็อาจจะขับต่ำกว่า 50 ก็ได้
นั่นคือ ตั้ง เกณฑ์ KPI ควร ปรับตามสถานการณ์ vary ได้
ลองคิดดูสิว่า ถ้าเรา เอาแต่ มอง เกณฑ์ (อุปมาดูมิเตอร์)ทั้งวัน เราจะเครียด คนโดยสารก็เครียด คนขับก็ไม่ได้ดูทาง ฯลฯ
***********************
อย่าไปเน้น KPI ที่เป็น results
อยากให้เน้น KPI ที่เป็น Process ที่เป็น behavior
และ เน้น Outcome ที่เน้น การเรียนรู้ของคน เน้น Quality of Life ของคน เน้น พัฒนาชุมชน ชาติ
**************************
ขอชมเชยท่านในแนวคิดที่ว่า "KPI ไม่ได้ตามเกณฑ์ อย่าไป"ตำหนิ"พนักงาน แต่ ผู้บริหารต้องหา "มุข" ใหม่ มายั่วพนักงานให้คึกทำงาน" ถ้าผู้บริหารโรงเรียนนำมาประยุกต์ใช้ในโรงเรียน จะทำให้โรงเรียนมีชีวิต ไม่ใช่โรงเรียนที่ตายแล้วและกำลังจะตาย ผู้บริหารโรงเรียนบางท่าน ชอบบริหารโรงเรียน โดยผลักภาระ รับผิดชอบไปให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ภายใต้หลักที่ไร้อุดมการณ์ที่ว่า " ทราบ" "ชอบ" "มอบผู้ช่วย" "เห็นด้วย ผู้ช่วยเอาไปทำ"พองานไม่ประสบความสำเร็จก็ว่า มอบหมายไปไม่ดูแล ฯลฯ
ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรต้องมองไกลเพื่อพาองค์กรมุ่งสู่วิสัยทัศน์ ซึ่งท่านก็จะคุ้นกับการมองจากที่สูงลงมา จึงอาจจะไม่ค่อยใส่ใจในรายละเอียด เพราะผู้บริหารระดับกลาง/ระดับต้นต้องจัดการตาม competencies ของตนอยู่แล้ว ดังนั้นชะตากรรมของลูกน้องอาจขึ้นอยู่กับผู้บริหารระดับกลาง/ระดับต้นนั่นแหละ ถ้าเจอผู้บริหารระดับกลาง/ระดับต้นที่ดีก็ถือว่าเป็นโชคดีของลูกน้อง (ผู้บริหารก็ได้บารมีสะสมอาจพาข้ามภพชาติไปได้ด้วย) แต่ถ้าเจอประเภทอำนาจนิยมก็ถือว่าเป็นกรรมที่ทำร่วมกันมาก่อกรรมกันต่อหรือใช้กรรมต่อกันก็ว่ากันไป
ผู้บริหารประเภทอำนาจนิยม ท่านมักจะเน้นที่ results แต่จะไม่สนใจการเรียนรู้ของคน ไม่สนใจเรื่อง Quality of Life ของคน และองค์กร
จึงนับว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายคุณกิจ คุณอำนวยถ้าต้องเกี่ยวข้องกับผู้บริหารประเภทนี้