การที่ประเทศไทยจะพัฒนาและเจริญเติบโตด้วยความมั่นคงและมีเสถียรภาพประการหนึ่งคือ ประเทศไทยต้องมีการลงทุนภายในประเทศไม่ว่าผู้ประกอบการจะเป็นประชาชนคนไทยหรือนักลงทุนต่างชาติเพราะจะทำให้มีการจ้างงาน ประชาชนมีรายได้ มีการจับจ่ายใช้สอยเงิน ทำให้มีเงินหมุนเวียนภายในประเทศ และเมื่อมีการลงทุนประชาชนมีรายได้ก็จะมีเงินออมเก็บเอาไว้เลี้ยงชีพ ยามชรา หรือยามจำเป็นที่ต้องใช้เงิน และหากมีเงินเหลือมากก็มีเงินไปลงทุนเพื่อหาผลประโยชน์ตอบแทน เป็นการลดช่องว่างระหว่างการออมและการลงทุนที่ประชาชนคนไทยเคยได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างงานในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540-2541
ดังนั้นในการลงทุนเพื่อหาผลประโยชน์ตอบแทนจึงต้องเลือกวิธีการลงทุนที่ปลอดภัยแต่ได้ผลตอบแทนสูงซึ่งในปัจจุบันมีกฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนที่สำคัญได้แก่
1. พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ.2530 เป็นพระราชบัญญัติที่ใช้บังคับกับผู้ประกอบการที่จ้างลูกจ้างในสถานประกอบการโดย เปิดโอกาสให้ลูกจ้างสามารถเลือกวิธีการลงทุนด้วยตนเองได้ ทั้งนี้การจะได้ผลตอบแทนสูงหรือต่ำ ขึ้นกับการศึกษาข้อมูลการลงทุนของลูกจ้าง
2. พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 เป็นพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการลงทุนที่ใช้บังคับกับข้าราชการ พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ . ศ . 2539 ได้จัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ( กบข .) ขึ้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 27 มีนาคม 2540 ภายใต้วัตถุประสงค์ ดังนี้
(ก) เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญและให้ประโยชน์เมื่อออกจากราชการ
(ข) เพื่อส่งเสริมการออมทรัพย์
(ค) เพื่อจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่สมาชิกนอกเหนือจากที่ทางราชการกำหนดให้
เมื่อพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ . ศ .2539 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2540 แล้ว ข้าราชการที่บรรจุใหม่ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2540 ต้องเป็นสมาชิกกองทุน และข้าราชการที่บรรจุอยู่ก่อนแล้วสามารถจะเลือกเป็นหรือไม่เป็นสมาชิกกองทุน ก็ได้
สมาชิกกองทุน ส่งเงินสะสม เข้ากองทุนตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง ( ปัจจุบันกำหนดที่ ร้อยละ 3 ของอัตราเงินเดือน )
สิทธิประโยชน์
1. รัฐจ่าย เงินสมทบ
เข้าบัญชีของสมาชิกเท่าจำนวนที่สมาชิกสะสม ( รัฐจ่ายให้อีก
ร้อยละ 3 ของอัตราเงินเดือน )
2. สวัสดิการเพิ่มเติมจาก กบข .
ที่นอกเหนือจากที่รัฐกำหนดไว้ให้แก่สมาชิก
สิทธิประโยชน์เมื่อพ้นสมาชิกภาพ
1. สมาชิกจะได้รับ เงินสะสม และ เงินสมทบ ที่รัฐสมทบไว้ให้ทั้งหมด พร้อมผลประโยชน์
2. สมาชิกจะได้รับ เงินชดเชยพร้อมผลประโยชน์ หากเลือกรับบำนาญ ( เงินชดเชย คือเงินที่รัฐ นำส่งเข้ากองทุนเพื่อจ่ายแก่สมาชิกซึ่งรับ
บำนาญ )
3. พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 เป็นพระราชบัญญัติเพื่อกำกับดูแลธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทย ประกาศใช้ในปี พ.ศ. 2535 แทน พระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2517 ซึ่งแก้ไขในปี พ.ศ. 2527 พระราชบัญญัติ หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้จัดตั้ง คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลและพัฒนาอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ ทั้งระบบ ซึ่งรวมถึงการออกหลักทรัพย์จำหน่าย ในตลาดแรก การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดรอง การดำเนินงานของตลาดหลัก ทรัพย์และองค์กรต่าง ๆ เกี่ยวกับ อุตสาหกรรมหลักทรัพย์ รวมถึงการพัฒนาตลาดทุนให้ก้าวหน้า ทันสมัยและมีเสถียรภาพ
ลงทุนธุรกิจถ้าไม่ได้ศึกษาไว้บ้างนี่แย่เลย