เมื่อพี่ขจิต ฝอยทอง เหลือบมาเห็นชื่อบันทึกตอนนี้ ท่านจะสะดุ้งเล็กหรือเปล่านะ
อันที่จริงก็เป็นเพียงแค่บันทึกเล็กๆที่เขียนขึ้นเพื่อเป็นการคารวะพี่ขจิต เสมือนการรินสุราในจอก แล้วประคองส่งให้ถึงมือนั่นเอง
การเรียนในระดับปริญญาเอก ถือว่า เป็นการได้ฝึกฝนทักษะ ได้ปรับแนวคิด สร้างองค์ความรู้ (ผศ.ดร. ยรรยงค์ อินทร์ม่วง มักจะใช้คำว่า “สร้างโลก”) และมองภาพแบบองค์รวมได้
เมื่อมองพี่ขจิตจากข้อความที่พี่เค้าพิมพ์ออกมา จากบันทึกที่เค้าเขียน ต้องยอมรับในการมีส่วนร่วม มุมมองที่นำเสนอ ที่ทำให้หลายคนรู้จัก ได้สัมผัสกับศักยภาพที่พี่ขจิตมีอยู่
(เขียนเวอร์ไปหรือเปล่าเนี่ย )
เมื่อมองจากพี่ขจิตแล้ว แล้วนักศึกษาปริญญาเอกท่านอื่นๆล่ะ?
แต่ละคนมีความแตกต่าง ทักษะต่างกัน บางท่านชอบเปิดเผย แต่บางท่านมีความเป็นส่วนตัวอยู่สูง
มองพี่ขจิตเทียบกับนักศึกษาปริญญาเอกท่านอื่นๆ
ทำไม พี่ขจิตถึงเขียนบล็อก, ทำไมถึงได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในลักษณะที่เห็น , ทำไมถึงเข้าร่วมพบปะกับชาว blogger ท่านอื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ทำไมพี่ขจิตถึงไป เขาคิดอะไร เขามองเห็นอะไร อะไรคือสิ่งที่คาดหวังจากการมีส่วนร่วมนี้ พี่ขจิตต้องการอะไร
ที่เป็นการหยิบประเด็นเพื่อให้คนเขียนบล็อกมือใหม่ ได้มีจุดที่จะติดตามตอนต่อไป เหมือนการดูละคร หรือดูฟุตบอลโลก ให้ได้มองเห็นเส้นทางไปสู่เป้าหมาย จะทำให้การติดตามเรื่องต่างๆ สนุกยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการดูละครที่ต้องติดตามตอนต่อไป ว่านางเอกกับพระเอกจะลงเอยกันยังไง
แต่การติดตามดูพี่ขจิต ( หรือน้องขจิตสำหรับบางท่านที่อายุมากกว่า) ในแบบเทียบเคียงกับนักศึกษาปริญญาเอกท่านอื่นๆ จากประเด็นที่เปิดไว้ข้างต้น มองเขาแล้ว หยิบมาพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ทั้งสิ้น
เห็นประเด็นที่นายบอนร่ายมา บางท่านเข้ามาอ่าน .. อาจจะแนะนำว่า ลองเข้าไปตามอ่านบันทึกของ…. ,….,….., ซึ่งจะมีรายละเอียดชัดเจน
แต่มองในแบบ Keep in Mind by bon
* * มองการมีส่วนร่วมของพี่ขจิต การมีส่วนร่วมใน gotoknow
- ความกระตือรือร้นเกิดขึ้นได้อย่างไร
- การแบ่งเวลาของพี่ขจิต
- การจัดระบบความคิด
- ทักษะความชำนาญและความคล่องตัวในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
- หรือสาขาวิชาและประสบการณ์ที่ผ่านมาของพี่ขจิต เป็นสิ่งที่หล่อหลอมแนวคิดให้พี่ขจิตเป็นอย่างที่หลายคนได้มองเห็นอยู่นเวลานี้
เมื่อมองดูแล้ว ทำยังไงจึงจะเห็นนักศึกษาปริญญาเอกท่านอื่น ในมุมมองเหล่านี้บ้าง
ในบางเวลา คนๆหนึ่งเปล่งประกายเจิดจ้า
อีกคนหนึ่ง อาจจะต้องไขว่คว้า เพื่อเปล่งประกาย
อีกคนหนึ่ง อาจจะรอโอกาส รอโชคชะตาให้คนอื่นมาเห็นประกายที่รอวันเจิดจ้า
เขียนแล้วชักมัน
ทิ้งท้ายบันทึกตอนนี้ไว้ว่า ความรู้ที่ซ่อนอยู่ เราจะหยิบศักยภาพของนักศึกษาปริญญาเอกมาใช้ประโยชน์ยังไงดี
นายบอนคิดแบบใกล้ตัว ถ้าพี่ขจิตมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวในตลาดสดกลางเมืองกาฬสินธุ์ เจอแม่ค้าข้าวมันไก่ , คนขายเทป-ซีดี, ช่างซ่อมนาฬิกา และคนส่งหนังสือพิมพ์ ..
พี่ขจิตจะช่วยเหลืออะไรเขาได้บ้าง??
(ประเด็นที่หยิบมาจากสิ่งที่ได้พบเห็น เมื่อนักศึกษาปริญญาเอกคนนั้น ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรกับคนทั้ง 4 อาชีพได้เลย)
to be continue
เหอ ๆ อ่านแล้วกลับมามองตัวเอง...เทียบไม่ได้กับนักศึกษาปริญญาเอกคนอื่น ๆ ได้เลยคะ..แต่หนูจะพยายามปรับตัวและพัฒนาตัวเองต่อไปคะ......(สงสัยหนูคงดูไม่เหมือนนักศึกษาปริญญาเอกคนอื่น ๆมั๊งคะ ) ......เหอ ๆ..ขอบคุณที่ทำให้เห็นอะไรบางอย่าง ??? และขอบคุณที่แนะนำอะไรบางอย่าง ???
น้องนิว :
สำหรับครูอ้อยการเป็นนักศึกษาปริญญาเอกนั้น ได้ผ่านการมองตนเอง มองเพื่อนรอบข้าง มองไปข้างหน้า เหลียวมองคนข้างหลัง และบางครั้งมองไปถึงผู้บริหารจนเกิดเรื่องก็มี
การมองของครูอ้อยมองด้วยเจตนาดี ช่วยได้ช่วยเลย แต่ถ้าการมองแล้วถูกเมินเฉย ครูอ้อยก็จะไม่มองต่อไป
การเขียนบล็อก หรือบันทึกเรื่องราวต่างๆ เป็นสิ่งที่ทำอยู่เสมอ เก็บความดีของ gotoKnow ที่ได้ให้เวทีและกล่องความรู้นี้ด้วย
เวที ได้แก่ การเสนอความคิดเห็นในรูปแบบ เรื่องราวต่างๆ
กล่อง ได้แก่ บล็อก
ทุกคนมีสิทธิที่จะเขียน ขอบคุณทุกท่านที่ให้แนวคิดที่ ดี คุณบอน คุณขจิต น้องนิว คุณปภังกร ผอ.บวร และหลายๆท่าน
คุณบอนคะ รูปที่ประวัติ ของ คุณบอน มันมืดจังเลยคะ ถ่ายใหม่นะคะ...อิอิ...ขอบพระคุณคะ..จะได้ไม่ดู.....คะ...อิอิ..เหมือนที่คุณบอนว่านิวไงคะ...อ๊ะ..ล้อเล่นค๊า.....