9 มิย.49 ที่สุดของชีวิต...ที่สุดของแผ่นดิน


9 มิย.49 ที่สุดของชีวิต...ที่สุดของแผ่นดิน 

            9 มิ.ย. 49 เป็นวันที่อยู่ในความทรงจำของชีวิต ถือเป็นที่สุดของชีวิตของครอบครัวเราที่ได้ไปเฝ้ารับเสด็จฯในหลวงในวันที่ 9 มิ.ย.49.....ในวันที่ 8 มิ.ย.ทั้งพ่อ...แม่ (อายุ 70 ปี กว่า แต่สุขภาพแข็งแรง) พร้อมพี่สาวออกเดินทางจากจังหวัดพิษณุโลกตั้งแต่เช้า....มาถึงบ้านราว 5 โมงเย็นเพราะรถติดมาก ส่วนพี่สาวอีกคนที่เป็นครูเดินทางมาจากเพชรบรูณ์ เราโทรติดต่อกันเป็นระยะๆเพราะมาถึงดึกมากราวเที่ยงคืนเพราะรถติดมากเหมือนกัน คืนนั้น...พ่อกับแม่บอกว่าอยากไปแต่เช้ามืด จะได้ไปรับเสด็จฯในหลวงใกล้ ๆแต่ลูกๆว่า ทางราชการประกาศเวลารับเด็จฯ 8 โมงเช้า  ถ้าเราไปแต่เช้าจะมีปัญหาเรื่องการเข้าห้องน้ำมาก เลยวางแผนว่าออกจากบ้านและไปถึงก่อน 8 โมงเช้าน่าจะพอเข้าถึงลานพระบรมรูปได้ ในเช้าวันที่ 9มิ.ย.49ครอบครัวเรา 5 คนนั่งรถจากบ้านมาลงเรือที่ศิริราช  รับประทานอาหารเช้าและซื้อเสบียงที่จำเป็นพวกน้ำดื่ม...นม...ลูกอมและยาหม่องยาดมเผื่อคนเป็นลม ....ประมาณ 7 โมงกว่า เราเรียกรถแท็กซี่จากท่าพระจันทร์ ให้ไปส่งทางด้านข้างที่ใกล้ที่สุดกับลานพระรูป พอรถจอดด้านข้างสวนอัมพร ระหว่างเดินไป...มีผู้คนมากมายสวมใส่เสื้อเหลืองต่างเดินมุ่งหน้าไปยังลานพระรูปเกือบเต็มถนน ตลอดสองข้างทางที่เดินผ่าน มีทหาร..และบริษัทเอกชนตั้งซุ้มแจกหมวกและเอกสารเกี่ยวกับโครงการในหลวงเป็นระยะๆ...ระหว่างทางมีรถสุขาของกทม.มาจอดให้บริการประชาชน....เมื่อถึงลานพระรูปเห็นฝูงชนเกือบเต็มลานพระรูป  เราเดินแทรกฝูงชนลัดเลาะขึ้นไปให้ใกล้พระที่นั่งอนันต์ฯให้มากที่สุด เสียงคนที่เดินสวนไปมาว่าพูดว่าที่ที่จัดไว้ให้หน่วยงานมีคนมานั่งเต็มไปหมดแล้ว... เราเดินไปได้แค่ประมาณหัวม้าก็ไม่สามาถแทรกตัวไปได้ก็เลยทรุดตัวลงนั่งกับที่...แบ่งๆกับคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว และมองเห็นจอทีวีขนาดใหญ่ที่ถ่ายทอดได้ชัดเจน ระหว่างนั่งรอ...เราก็คุยกันและคนข้างๆ... ปลอบใจตัวเองว่า...พวกเราก็ยังมีบุญที่ได้มาอยู่กันที่นี้...ที่ได้มีโอกาสได้มาเฝ้ารับเสด็จฯในหลวง...ส่วนพ่อก็คุยกับคนข้างๆว่าแต่ละคนมีประสบการณ์ได้เข้าเฝ้าฯในหลวงอย่างใกล้ชิดอย่างไรบ้าง...สักพักอยู่ๆก็มีคนตะโกนว่า...หลีกทางหน่อยๆคนจะคลอดลูก...และมีอีกเสียงเปรยมาว่า...เด็กมีบุญเนอะ...อีกเสียงก็ว่าสงสัยเด็กอยากเห็นในหลวง...พวกประชาชนแถวนั้นก็เลยอมยิ้มและหัวเราะไปตามๆกัน....เราก็มองหาว่าคนท้องอยู่ตรงไหน..ดูว่าจะใกล้คลอดจริงหรือไม่..ก็เห็นคนท้องแก่ค่อยเดินผ่าฝูงชนที่แหวกทางให้เดินออกไป...ราว 8 โมงกว่า...อยู่ๆพวกที่นั่งข้างหน้าก็ลุกขึ้น..เราก็งงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ..ซักพักฝูงชนก็กรูกันเดินไปข้างหน้าเหมือนกับว่าเขาปล่อยให้คนเข้าไป...เราก็หันไปถามพ่อกับแม่ว่าไหวมั๊ย...พอพ่อพยักหน้า...พวกเราก็เดินกึ่งวิ่งผ่านรั้วที่กั้นไปหลังม้าใกล้กับพระที่นั่งฯมากขึ้น...โชดดีที่ได้ที่นั่งตรงกลางพอดีกับสีหบัญชร....ส่วนทางขวามือก็เห็นจอทีวีขนาดใหญ่ถ่ายทอดสดตั้งอยู่ด้านข้าง....เสียงทีวีประกาศว่าในหลวงจะเสด็จฯราว 10 โมง...ตอนนี้การนั่งจะสบายขึ้นไม่เบียดกันมากนักพอเหยียดขาได้...ระหว่างที่นั่งก็ดูทีวีถ่ายทอดสด...คุยกันไป..กินกันไป...ถามคนข้างๆว่ามาจากไหน..มาอย่างไร..พบว่าแต่ละคนมาจากต่างจังหวัดไกลๆกันทั้งนั้น..บางคนมานอนรอตั้งแต่เมื่อคืน..บางคนมาแต่เช้ามืด..แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันมาเพื่อในหลวงของเรา..และต่างก็เล่าประสบการณ์ความประทับใจของแต่ละคนที่ได้รับเสด็จในหลวง..ทุกคนต่างแบ่งปันกัน....มีบางคนซื้อลูกอมถุงใหญ่มาแจกและบอกให้ส่งต่อไปเรื่อยๆ....ถึงแม้แดดจะร้อนแต่ใบหน้าและน้ำเสียงของแต่ละคนก็มีความสุข...เมื่อได้เวลาถ่ายทอดสด...ภาพที่ถ่ายทอดจากข้างบนลงมาเห็นฝูงชนสวมใส่เสื้อเหลืองเต็มลานพระรูปและถนนราชดำเนิน..ทุกคนต่างก็ก็ส่งเสียงฮือ...ด้วยความตื่นเต้นและอัศจรรย์ใจว่าคนมามากมายราวนับแสนนับล้านคนจริงๆ...ยิ่งเห็นภาพฝูงชน....พวกเราต่างโบกธงในมือกันแรงมากขึ้นเหมือนกับว่าถ้าเราโบกแรงมากเท่าไรจะเป็นการแสดงว่าเรารักในหลวงมากขึ้นเท่านั้น...เมื่อพระราชวามมุนีทำพิธีบวงสรวงเทพยดาและบูชาบูรพกษัตริย์..ช่วงที่ทำพิธีบวงสรวงจากที่แดดร้อนจ้าก็จะมีเมฆมาบังแดดคลายร้อนได้บ้าง...เมื่อในหลวงเสด็จออกสีหบัญชรราว 11.19 น...พวกเราต่างลุกขึ้นยืนทำความเครารพ...ความรู้สึกตอนนั้นคือ..ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก...มีความสุขความปิติสูงสุดที่ได้มาเฝ้าชมบารมีของท่าน...ยิ่งมองเห็นพระพักตร์ของท่านที่มองมาพร้อมรอยยิ้มด้วยความปราณีต่อประชาชนที่มาเฝ้า..ทำให้เรารู้สึกว่า..ในหลวงมองเห็นประชาชน...ในหลวงยิ้มให้ประชาชนของพระองค์....ตอนนั้นขอบตาเริ่มร้อนผ่าว...เมื่อเหลือบมองไปเห็นพ่อใช้มือปาดน้ำตาด้วยความสุข...ส่วนแม่น้ำตาไหลอาบแก้ม......ทุกคนในที่นั้นส่วนใหญ่มีน้ำตาและต่างเปล่งเสียงตะโกนออกมาว่า..ทรงพระเจริญ..ทรงพระเจริญ...ผู้ชายข้างๆก็ตะโกนสุดเสียง...ในใจเรารู้สึกว่าอยากตะโกนออกมาให้ดังที่สุด...แต่เสียงที่เปล่งออกมากลับติดอยู่ที่คอด้วยความสุขความปิติที่ท่วมท้นในจิตใจเลยปล่อยให้น้ำตาไหลรินด้วยความสุข.....เลยพยายามรวบรวมเสียงตะโกนออกไป..ทรงพระเจริญๆ...อยากให้พระองค์ได้ยินว่าประชาชนรักในหลวงมากเหลือเกิน..ยิ่งเมื่อพระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ตอบ..ประชาชนทุกคนในที่นั้นต่างโบกธงแรงสุดชีวิตเหมือนมีพลังขึ้นมาที่จะโบกตอบท่านตลอดเวลาที่ท่านประทับที่หน้าสีหบัญชร... รู้สึกว่าเป็นบุญเหลือเกินที่ได้เกิดในแผ่นดินของพระองค์.....ในที่ที่พระเจ้าแผ่นดินทรงเสด็จฯเยี่ยมทุกข์สุขของประชาชนทั่วทั้งแผ่นดินด้วยความยากลำบากและมีความสุขที่ได้มาร่วมในพิธีอันยิ่งใหญ่...มาร่วมแสดงพลังแห่งความรัก...ความศรัทธาต่อในหลวงและทำให้ในหลวงมีความสุข…..และเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนชาวไทยทุกคนที่ได้เห็นภาพต่างมีความสุข

            ช่วงเวลาขณะนั้นทำให้เราได้คิดว่า...เราต้องทำความดีถวายในหลวง...ซึ่งในวันนี้เราได้ทำความดีแล้ว ประการแรก..คือ...แสงความกตัญญูต่อบุพการีพาท่านมาในที่ที่ท่านปรารถนาและมีความสุข...ประการที่สอง....มาที่นี่เพื่อแสดงพลังความรักต่อในหลวงท่าน...ส่วนประการสุดท้าย..เราจะทำงานและเผยแพร่ความรู้ด้วยความเพียรและเต็มกำลังความสามารถ...ด้วยความอดทน....ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นในวันนั้นช่วยเติมพลังชีวิตในการทำดีให้กับตัวเอง..และเติมพลังแห่งความสุขให้กับครอบครัวและชาวไทยทุกคน

..............................................................

 
หมายเลขบันทึก: 37256เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2006 16:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน 2012 10:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เราไม่มีบุญพอที่จะไปอยู่ ณ ที่ตรงนั้นแต่เราอ่านเรื่องนี้แล้วเราสามารถมองเห็นบรรยากาศ เรารู้สึกว่าผู้เขียนบรรยายได้ดี อ่านไปน้ำตาไหลไปด้วย พูดถึงในหลวงไม่ได้พูดทีไรน้ำตามันไหลทุกที ดีใจด้วยนะที่ได้ไปอยู่ ณ ที่นั่น   

                                                อุบลราชธานี

เสียดายที่ไม่มีรูปมาฝาก อารมณ์ที่เกิดขึ้นขณะนั้น ยากที่บรรยายจริงๆ แต่เป็นวันที่มีความสุขที่สุดในชีวิต

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท