ตั้งใจเอาไว้ว่าวันนี้จะทำ AAR งานมหกรรมจัดการความรู้องค์กรการเงินชุมชนที่ จ.สงขลา เพราะ ได้รับปากหนูเคเอ็ม และ คุณภีม เอาไว้แล้ว (เฮ้อ! ไม่น่าหาเรื่องเลย ถ้าทำตั้งแต่ในงานก็เสร็จไปแล้ว) แต่ก็ต้องพับความตั้งใจนี้เก็บไว้ก่อน เนื่องจากวันนี้ได้รับ Mail จากทีมประสานเกี่ยวกับการนำเสนอผลงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกันยายนนี้
เมื่อได้อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับกำหนดการและการเตรียมงาน (สำหรับผู้ที่สนใจสามารถอ่านได้จาก Blog ของคุณภีมนะคะ) แล้ว ด้วยความเคยชินก็เลยขอแสดงความคิดเห็นเสียหน่อยก็แล้วกันนะคะ แต่เนื่องจากช่วงนี้ยังอยู่ในช่วงมึนๆ ก็เลยคิดออกแค่นี้ค่ะ คิดว่าถ้าอ่านไป อ่านมา คงจะกลับเข้ามาแสดงความคิดเห็นอีก
หากพิจารณาตามกำหนดการที่ตั้งไว้ (เป็นตุ๊กตา) ผู้วิจัยรู้สึกว่างานนี้จะมุ่งเป้าหมายไปที่หน่วยงานสนับสนุนอีกแล้ว เหมือนกับที่สงขลาเลย ซึ่งผู้วิจัยไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไหร่ เพราะ
1.บทเรียนจากสงขลา เห็นได้ชัดว่าหน่วยงานสนับสนุนไม่ใส่ใจกับงานวิจัยเลย ตั้งใจมาพูดเฉพาะเรื่องของตนเอง (ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ เวทีอื่นๆก็เป็นอย่างนี้) พูดเสร็จก็กลับ ไม่รู้ว่าปิดเล่มงานวิจัยครั้งนี้บรรยากาศจะเหมือนกับสงขลาหรือเปล่า
2.องค์กรการเงินชุมชนจำนวนมาก ไม่ได้ใส่ใจกับหน่วยงานสนับสนุนสักเท่าไหร่ อย่างกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์ที่ตราด หรือกลุ่มโซนใต้ (แต่เหนือชั้น) ที่ลำปาง เขาก็สามารถอยู่กันได้
3.งานวิจัยชิ้นนี้ ตั้งแต่แรกผู้วิจัยเข้าใจว่ามุ่งไปที่การนำการจัดการความรู้มาใช้ในการบริหารจัดการองค์กรการเงินให้เข้มแข็ง ส่วนเรื่องการเชื่อมประสานก็มีการพูดถึง แต่ผู้วิจัยคิดว่าน่าจะเป็น Hidden Agenda มากกว่า ดังนั้น การนำเสนอควรที่จะ Hilight ไปที่การนำการจัดการความรู้มาใช้ในการพัฒนาองค์กรมากกว่า ถ้าองค์กรเข้มแข็ง เดี๋ยวอย่างอื่นก็ตามมาเอง ถ้าเราไปมุ่งเป้าที่หน่วยงานสนับสนุน จะกลายเป็นว่าเรายังไม่พร้อม แต่หาห่วงมาแขวนคอหรือเปล่า? ในทางกลับกันถ้าเรามุ่งเป้าไปที่ความเข้มแข็งขององค์กรการเงินชุมชนซึ่งเป็นผลมาจากการนำการจัดการความรู้มาใช้ในการพัฒนาองค์กร หน่วยงานสนับสนุนจะยินดีเข้ามาร่วมกันทำงานกับหน่วยงานเหล่านั้นมากกว่าไหม?
4.ผู้วิจัยไม่แน่ใจว่างานวิจัยโครงการนี้จะให้ภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบริหารจัดการ การเชื่อมประสานมากแค่ไหน กล่าวง่ายๆก็คือ นักวิจัยเข้าใจองค์กรที่ตนเองเข้าไปศึกษาและพัฒนามากแค่ไหน ถ้านักวิจัยยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วเรายังนำเรื่องนโยบาย เรื่องหน่วยงานเข้ามาใส่อีก ยังคิดไม่ออกว่าผลจะเป็นอย่างไร
5.โดยส่วนตัวผู้วิจัยยังเห็นว่าขณะนี้มีเพียงกลุ่มสัจจะลดรายจ่ายวันละ 1 บาทของสงขลาเพียงที่เดียวที่มีเป้าหมายและมีการทำงานเพื่อเชื่อมประสานกับหน่วยงานสนับสนุนอย่างชัดเจน ในขณะที่พื้นที่อื่นๆแม้จะใช้ความพยายามแล้วแต่ก็ยังไม่ค่อยได้ผลนัก ไม่ว่าจะเป็นลำปาง หรือแม้กระทั่งกองทุนหมู่บ้านของสมุทรปราการและกระหรอ ส่วนของตราด รู้สึกว่าจะไม่สนใจหน่วยงานสักเท่าไหร่ คำถามที่เกิดขึ้น คือ
- จำเป็นมากแค่ไหนที่จะต้องเชื่อมประสาน
- ความจริงภาพรวมของระเบียบ นโยบายที่ใช้ก็เหมือนกันทั่วประเทศ แต่บางพื้นที่ก็ก้าวหน้า เช่น สงขลา เป็นต้น ในขณะที่หลายพื้นที่ยังไม่ก้าวหน้า ดังนั้น จะดีกว่าไหมที่จะมุ่งไปที่หน่วยงานในระดับพื้นที่ มากกว่าภาพรวมทั้งระบบ เปรียบเทียบง่ายๆเหมือนกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ทำไมบางโรงพยาบาลจึงรักษาผู้ป่วยดี ผู้ป่วยมีความพึงพอใจ ในขณะที่บางโรงพยาบาลรักษาไม่ดี กลายเป็น 30 บาท ตายทุกโรค ทั้งๆที่เป็นนโยบายเดียวกัน ใช้กฎหมายเดียวกัน แสดงว่า บริบทในพื้นที่มีความสำคัญใช่ไหม? ถ้าเป็นอย่างนั้น เราทำในพื้นที่ให้ดีก่อนจะดีไหม ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องศึกษาออกมาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนดีไหมว่าที่เป็นปัญหาอยู่นั้นเพราะระบบ (รวม) หรือเป็นเพราะผู้นำไปใช้ ก่อนที่เราจะเสนอผลงานวิจัย ไม่อย่างนั้นผู้วิจัยเห็นว่าเสียเวลาเปล่าค่ะ
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผู้วิจัยขอออกแบบกำหนดการใหม่ (รอบที่ 1 เท่าที่คิดออก) ดังนี้ค่ะ
08.30-09.00น. ลงทะเบียน
09.00-09.15น. ผู้ประสานงานโครงการฉายภาพโครงการวิจัย
09.15-09.45น. นำเสนอผลการศึกษา ทีมสมุทรปราการ
09.45-10.15น. นำเสนอผลการศึกษา ทีมนครศรีธรรมราช
10.15-10.30น. รับประทานอาหารว่าง
10.30-11.00น. นำเสนอผลการศึกษา ทีมสงขลา
11.00-11.30น. นำเสนอผลการศึกษา ทีมลำปาง
11.30-12.00น. นำเสนอผลการศึกษา ทีมตราด
12.00-13.00น. รับประทานอาหารเที่ยง
13.00-13.30น. สรุปภาพรวมงานวิจัย
13.30-14.00น. ผู้ทรงคุณวุฒิเสนอแนะเกี่ยวกับงานวิจัยของ
แต่ละพื้นที่
14.00-14.30น. ผู้ทรงคุณวุฒิเสนอแนะเกี่ยวกับงานวิจัยของ
แต่ละพื้นที่ (ต่อ)
14.30-14.45น. รับประทานอาหารว่าง
14.45-15.15น. อภิปรายโดยหน่วยงานสนับสนุน
15.15-15.45น. อภิปรายโดยหน่วยงานสนับสนุน (ต่อ)
15.45-16.15น. เปิดเวทีสอบถาม แสดงความคิดเห็น
16.15-16.30น. ปิดงาน
หมายเหตุ : 1.ผู้ดำเนินรายการต้องพยามควบคุมเวลาให้ได้
2.ทีมต่างๆที่นำเสนอต้องบอกตัวเองว่ามีเวลาประมาณ 25 นาที ไม่ควรใช้เวลาเกินกว่านี้ เพราะ ควรเห็นใจผู้ดำเนินรายการ ทีมอื่นๆ รวมทั้งผู้เข้าร่วมเวที
3.อุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ในการนำเสนอ ควรตรวจเช็คให้เรียบร้อยก่อนทั้งในช่วงเช้าและช่วงบ่าย ทีมประสานงานต้องดูแลให้ดี
4.กำหนดการในช่วงบ่ายสามารถยืดหยุ่นได้ แล้วแต่สถานการณ์
ตอนนี้คิดออกแค่นี้ค่ะ ถ้าคิดออกอีกจะเข้ามาเสนอใหม่ค่ะ
ขอบคุณนะคะอ.อ้อม