วันที่ 15 มิถุนายน
ภาคเช้า
ได้มีโอกาสไปเป็นกรรมการสอบโครงร่างดุษฎีนิพนธ์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง(ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ
เพราะเป็นเพียงการเริ่มต้นวางแผนวิจัย
ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนชื่อเรื่องหรือแนวทางการวิจัยอีกพอสมควร)
ผู้วิจัยรายนี้ได้นำเสนอโครงการวิจัยที่เน้นการพัฒนาระบบการบริหารจัดการ(Management
System)
เป็นการบริหารจัดการในแง่ของการวัดและประเมินผล(Evaluation/Assessment
System)
จากประสบการณ์ในการเป็นกรรมการสอบโครงร่างวิทยานิพนธ์
หรือการสอบปกป้องวิทยานิพนธ์ที่เน้นการพัฒนาระบบบริหารจัดการ
เช่น พัฒนาระบบประเมินผลภายในฯ
พัฒนาระบบประเมินสมรรถนะบัณฑิต
พัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อวินิจสมรรถนะของครูฯ
พัฒนาระบบให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อพัฒนาทักษะการคิดฯ ฯลฯ
ผมจำแนกประเภทงานวิจัยกลุ่มนี้ว่า
"เป็นงานวิจัยที่มุ่งพัฒนารูปแบบหรือกระบวนการในการบริหารจัดการ"
เป็นลักษณะหนึ่งของการวิจัยและพัฒนา(Research &
Development) ที่มีกิจกรรมการดำเนินการที่สำคัญ ๆ คือ 1)
สร้างรูปแบบ/สังเคราะห์รูปแบบ
แล้วตรวจสอบความเหมาะสมหรือคุณภาพเบื้องต้นตามการรับรู้ของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง
เป็นการใช้กระบวนการเชิงเหตุผล(Logical Approach) แล้ว 2)
มีการทดลองใช้รูปแบบ อาจจะเป็นการทดลองนำร่อง
หรือทดลองกับกลุ่มเป้าหมายในจำนวนที่เหมาะสม
แล้วทำการตรวจสอบประสิทธิภาพของรูปแบบ ในการนี้
คำถามที่ผู้วิจัยมักจะถูกซักถามบ่อย ๆ คือ (1) "รูปแบบในกรณีนั้น ๆ" คืออะไร
มีรูปร่างหน้าตาอย่างไร และ 2)
ในการทดลองใช้เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของรูปแบบ
อะไรคือตัวแปรตามหรือตัวชี้วัดประสิทธิภาพของรูปแบบ/ระบบ
ในกรณีของคำถามข้อแรก "รูปแบบคืออะไร หรือระบบของท่าน
คืออย่างไร" ผู้วิจัย
หรือนักศึกษามักจะพยายามอธิบายความหมายของระบบโดยใช้องค์ประกอบของระบบ
คือ Input-Process-Product/Output มาเป็นกรอบในการอธิบาย
และมักอธิบายได้ไม่ชัดเจน
ในที่นี้ผมจึงขอยกตัวอย่างแนวทางการอธิบายคำว่า "ระบบ"
ในการวิจัยเรื่อง "การพัฒนาระบบประเมินทักษะชีวิต
สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย"
(ตัวแปรต้นในการวิจัยและพัฒนาครั้งนี้ คือ "ระบบประเมินทักษะชีวิต
สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย") ในกรณีนี้
สิ่งที่ผู้วิจัยควรอธิบาย คือ
1.จุดมุ่งหมายของระบบ :
ระบบที่พัฒนาขึ้นในครั้งนี้
เป็นระบบประเมินที่มุ่งตรวจสอบพัฒนาการด้านทักษะชีวิตของนักเรียน
และให้ข้อมูลป้อนกลับ
เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาด้านทักษะชีวิตจนเต็มตามศักยภาพ
2. หลักการสำคัญ ๆ
ของระบบฯ :
เป็นระบบที่เน้นการประเมินตนเอง
ให้ข้อมูลป้อนกลับผ่านจอภาพหรือผ่านระบบอินเตอร์เน็ต
ส่งเสริมให้นักเรียนมีการวางแผนพัฒนาทักษะชีวิตของตนเอง
และตรวจสอบพัฒนาการของตนเองได้อย่างต่อเนื่องจนบรรลุผลหรือมีสมรรถนะด้านทักษะชีวิตผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ภายใต้การแนะนำช่วยเหลือจากพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์(เน้น
Self-Derecting และ Mentoring)
3.
ปัจจัยพื้นฐานของระบบ : ได้เลือกเนื้อหาทักษะชีวิต
"ด้านการดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต การป้องกันโรคตามฤดูกาล
และการแก้ปัญหาเมื่อเกิดการเจ็บป่วย"
เป็นเนื้อหาสำคัญในการพัฒนาระบบประเมินทักษะชีวิตในครั้งนี้
และ
พัฒนาโปรแกรมฐานข้อมูลเพื่อการประเมินและให้ข้อมูลป้อนกลับผ่านจอภาพ
4.
กระบวนการของระบบ :
ประกอบด้วยขั้นตอนที่สำคัญ ๆ คือ 1)
การตรวจสอบความรู้พื้นฐานและทักษะในการดูแลตนเอง
ในขณะเริ่มต้นเข้าเรียนระดับชั้น ม.4
โดยการเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลแล้วทำการประเมินตนเอง 2)
ระบบจะให้ข้อมูลป้อนกลับเกี่ยวกับทักษะชีวิต
หรือระดับความสามารถในการดูแลตนเอง เป็นรายบุคคล
พร้อมให้ของมูลเกี่ยวกับเกณฑ์ปกติ(Norm) ของเด็กในวัยเดียวกัน
เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาเปรียบเทียบ 3)
ให้นักเรียนมีการวางแผนพัฒนาตนเองในระยะเวลา 3-6 เดือน
แล้วพัฒนาตนเองตามแผน
โดยมีการบันทึกแฟ้มผลการดำเนินการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ 4)
นักเรียนสามารถร้องขอการประเมินซ้ำ ในระหว่างปี
และโรงเรียนจัดให้มีการประเมินครั้งสำคัญ ๆ ทุกรอบ 6
เดือน และ 5)
มีการประเมินเพื่อรับรองมาตรฐานทักษะชีวิตเมื่อจบภาคเรียนแรกของชั้นมัธยมศึกษาปีที่
6 นักเรียนที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานสมรรถนะด้านทักษะชีวิต
จะต้องได้รับการซ่อมเสริมด้วยการเข้าค่ายเยาวชนเพื่อฝึกทักษะแบบเข้ม
5.
ผลลัพธ์ที่คาดหวังของระบบ(Expected Outcomes) :
นักเรียนมากกว่าร้อยละ 80
มีพัฒนาการด้านทักษะชีวิตผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
ในกรณีของคำถามที่สอง "อะไรคือตัวแปรตามหรือตัวชี้วัดประสิทธิภาพของระบบฯ"
(ตัวแปรตามในการวิจัย) คำตอบสำหรับข้อนี้
มีนักวิชาการหลายท่านได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับตัวแปร
หรือตัวชี้วัดประสิทธิภาพของระบบ เช่น Stufflebeam (1981)
ได้เสนอแนวทางการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบประเมิน (ในความเห็นของผม
เห็นว่า
สามารถประยุกต์ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการใด
ๆ) โดยเสนอให้ตรวจสอบประสิทธิภาพใน 4 มิติ คือ
มาตรฐานความเหมาะสม (Propriety Standards) มาตรฐานความเป็นไปได้
(Feasibility Standards) มาตรฐานความถูกต้อง (Accuracy
Standards) (ซึ่งอาจพิจารณาในเรื่องความเที่ยง
และความตรงของเครื่องมือ
หรือความถูกต้องของระบบในการจำแนกกลุ่มเป้าหมาย)
มาตรฐานการใช้ประโยชน์ของระบบ(Utility
Standards)(ซึ่งควรจะเกิดประโยชน์สอดคล้องกับผลลัพธ์ที่คาดหวังของระบบ)