เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม 2549 ดิฉันได้ไปเที่ยวชมบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่ที่ อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งวันที่ได้ไปเที่ยวชมนั้น ฝนกำลังตกปรอย ๆ ฉะนั้นคงจะต้องพาหลาน ๆ ไปดูปลาเป็นหลัก และที่เด็ก ๆ ชอบมากที่สุดก็คือ “อุโมงค์ปลา”
ณ พิพิธภัณฑ์ปลา มีปลาที่หลากหลายเผ่าพันธุ์มากมารวมกันไว้ที่นี่ เด็ก ๆ ตื่นตาตื่นใจกับปลาตัวโต ๆ และมีเจ้าหน้าที่กำลังให้อาหารอยู่ด้วยในขณะนั้น หลังจากนั้นก็ไปชม บึงจระเข้
ซึ่งต่างกำลังพักผ่อนหย่อนใจกับบรรยากาศเย็นช่ำ มีจระเข้แหวกว่ายน้ำทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ บางตัวก็กำลังนอนเล่นในน้ำตกอยู่ด้วย และบางตัวก็กำลังเล่นหยอกล้อกับเต่า มองดูแล้วสบายตา ทีนี้มาจุดสำคัญอีกจุดหนึ่ง คือ สวนสัตว์ มีทั้งสิงโต เสือ นก และสัตว์อีกหลายชนิดหลายพันธุ์ ได้ใกล้ชิดกับเจ้าลูกเสือตัวน้อยที่ชอบหยอกคนเล่น โดยเฉพาะกับเด็ก ๆ จะชอบเล่นมาก ซึ่งอยู่ที่สถานที่แห่งนี้จนถึง 18.30 น. จึงกลับบ้าน
ในขณะที่นั่งพักตรงซุ้มเสือตัวเล็กนั้น ช่วงเย็นได้เห็นเจ้าหน้าที่จะต้องนำสัตว์ดังกล่าวกลับไปบ้านพักด้วย ได้เห็นวิธีการต้อนลูกเสือกลับบ้าน ได้เห็นเจ้าหน้าที่จูงแม่ลิงอุรังอุตังขณะอุ้มลูกตัวน้อยกลับบ้านด้วย
จึงทำให้ดิฉันนั่งมองเพลินและฉุกคิดขึ้นมาในใจว่า “เพราะอะไร? เจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงปฏิบัติกับเจ้าสัตว์ต่าง ๆ ด้วยความนุ่มนวล เอาใจใส่ และด้วยความจริงใจที่มีให้กับภาระหน้าที่ในงานที่ตนเองรับผิดชอบ” ซึ่งขณะนี้เป็นเวลา 18.30 น. แล้วนะ...เขาเหล่านั้นยังทำหน้าที่ของตนเองอยู่ เงินเดือนที่ได้รับก็ไม่มากมายมีทั้ง ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว และคนงาน จึงทำให้เกิดความ “อิ่มใจ” กับความรับผิดชอบที่มีต่องานที่ทำ มีจิตใจสำนึกต่อ ผู้มารับบริการ (นักท่องเที่ยว) มองดูทุกคนต่างยิ้มแย้มแจ่มใจ และกุลีกุจอให้บริการและให้คำแนะนำ
ธรรมชาติของสถานที่ ความน่าสัมผัสกับบรรยากาศ การสนทนากับสิ่งที่โต้ตอบกลับไม่ได้ แต่เราต้องดูแลเขาให้ดีและอบอุ่น เป็นการสื่อสารที่สัตว์คงจะรับรู้ได้ นี่คือสิ่งที่ซ่อนอยู่ใน “บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ” ที่ดิฉันประทับใจกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ที่มีกับสัตว์เหล่านั้น
ซึ่งองค์ความรู้ตรงนี้ “ไม่รู้ว่า...สถานที่แห่งนี้...ทำอย่างไร? ถึงผูกใจผู้ปฏิบัติงานเอาไว้ได้...” เป็นสิ่งที่น่าคิดนะค่ะ.
ศิริวรรณ หวังดีไม่มีความเห็น