นึกครึ้มขึ้นมา เลยไปซื้อหนังสือถักโครเชท์ของญี่ปุ่นมาลองถักดู เพราะเห็นหนังสือการฝืมือของไทยมักเอาแพทเทิร์นญี่ปุ่นมาแปล เลยรู้สึกว่า เอ ไหนไหนก็มาอยู่ในถิ่นต้นตอแล้ว จะปล่อยให้โอกาสผ่านไปทำไม
ไปร้านหนังสือ ซื้อหนังสือแพทเทิร์นโครเชท์เล่มเล็กๆ มาทดลองดูก่อน ไม่แพงนักประมาณ 500 กว่าเยน มีหลายแบบให้เลือก เลยเลือกเอาดอยลี่ ฝันเฟื่องจินตนาการว่าจะเอาไว้รองแจกันดอกไม้สวยๆ
ราคาด้ายที่นี่ค่อนข้างสูง ไม่เป็นไรลองดู นานๆ ลงทุนที แลกกับความรู้และประสบการณ์ที่จะได้จากการอ่านแพทเทิร์นของญี่ปุ่น ซึ่งพอดูจริงๆ ก็ไม่ยาก เพราะเหมือนกับของไทย พอจะเดาได้
ใช้เวลานานพอสมควร เพราะไม่มีเวลาถักติดต่อกันนานๆ ถักได้หน่อยก็หยุด ซุกไว้ก่อน มีเวลาหรือนึกได้ก็เอามาทำต่ออีกหน่อย
ระหว่างถักเหมือนกับการทำสมาธิ เพราะจิตจะมุ่งอยู่ที่ปลายเข็มและด้าย ทำให้ตัดความคิดฟุ้งซ่าน ความกังวลต่างๆ ออกไปได้ชั่วขณะ เมื่อผลงานเสร็จออกมาเป็นชิ้น สวยหรือไม่ก็ตามที ก็เป็นความภูมิใจของเรา ถ้างานยังไม่ดี ก็ได้บทเรียน เพราะต้องเอามานั่งวิเคราะห์ดูว่า เพราะเหตุใดมุมตรงนี้มันจึงเบี้ยวไปนะ คราวหน้าต้องแก้ไขอย่างไร (ถึงแม้ว่าคราวหน้าอาจจะอีกนานก็ได้) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเราเอง
ผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งคือ พิงค์กี้ ลูกสาวอายุ 15 ปี เห็นแม่ทำงานฝืมือก็อยากทำบ้าง หัดถัก ตอนแรกก็บูดเบี้ยว ย่นยู่ บู้บี้ ก็ให้เวลา ให้กำลังใจ สอนไป ฝืมือก็พัฒนาไปเรื่อย จนเดี๋ยวนี้ชักได้เรื่องได้ราวแล้ว ที่สำคัญคือทำให้ลูกรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ พอได้เป็นชิ้นงานขึ้นมา ลูกมีความภูมิใจว่า เขาทำได้ และเป็นการฝึกนิสัยให้ทำงานจริงจัง อดทน มีมานะ ไม่จับจรด
ไม่มีความเห็น