ชีวิตที่พอเพียง : 56. คุยกับลูก


คนที่ประสบความสำเร็จในการเรียนและการแข่งขันในชีวิตมักจะไม่เข้าใจชีวิตและคนอื่นดีพอ และถ้าไม่ระวังจิตใจก็จะก้าวร้าว (aggressive) ขาดความอ่อนโยนในจิตใจ กลายเป็นคนไม่มีความสุขภายใน คือดูภายนอกมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม แต่ภายในจิตวิญญาณไม่มีความสุข เต็มไปด้วยกิเลสเครื่องเศร้าหมอง

ชีวิตที่พอเพียง  : 56. คุยกับลูก

  •   วันที่ ๑๑ มิย. ๔๙ ลูกสาวคนเล็กขับรถพาไปเที่ยว Cape Cod ที่รัฐ Massachusetts สหรัฐอเมริกา โดยไปกัน ๓ คน พ่อแม่ลูก    เป็นโอกาสดีที่จะให้คำแนะนำในชีวิต ในลักษณะที่ไม่ใช่การสอน  
  • ผมบอกว่าคนที่ประสบความสำเร็จในการเรียนและการแข่งขันในชีวิตมักจะไม่เข้าใจชีวิตและคนอื่นดีพอ    และถ้าไม่ระวังจิตใจก็จะก้าวร้าว (aggressive) ขาดความอ่อนโยนในจิตใจ กลายเป็นคนไม่มีความสุขภายใน   คือดูภายนอกมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม แต่ภายในจิตวิญญาณไม่มีความสุข เต็มไปด้วยกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
  • ลูกสาวเขาขับรถไปโต้ตอบไปอย่างสนใจ    ผมจึงบอกเขาว่า เงินและวัตถุสิ่งของไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต   มนุษย์เรายังต้องการและมีสิ่งที่ประเสริฐกว่านั้น    สิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต้องการคือ unconditional love   ต้องการมีคนที่รักเราเข้าใจ เห็นใจเราโดยไม่เลือกประเด็นถูกผิด ไม่คิดแบบเป็นเหตุเป็นผลกับเรา    และในทำนองเดียวกันคนอื่นๆ ก็ต้องการ unconditional love เช่นเดียวกัน   ถ้าเราให้ unconditional love แก่คนอื่นเป็น เราจะได้รับ unconditional love จากคนอื่น ในลักษณะ กำไร อย่างนับไม่ถ้วน  
  • กำไร ส่วนที่สำคัญที่สุดในการให้ unconditional love แก่ผู้อื่น   ไม่ใช่กำไรในลักษณะที่คนอื่นให้ความรักตอบแทนแก่เรา    แต่เป็นผลจากการที่เราปลูก จิตใจของผู้ให้ขึ้นภายในหัวใจของเราเอง    ทำให้จิตใจของเราอ่อนโยน ลดความแข็งกระด้าง    การมีจิตใจดี มีความเมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจคนอื่น มีความเคารพเห็นคุณค่าต่อผู้อื่น เป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้    เป็นสิ่งที่ให้ความสุขในชีวิตมากกว่าเงิน
  • มนุษย์เราเมื่อมีความแข็งแรง หรือมีความสำเร็จในชีวิตถึงระดับหนึ่ง ต้องรู้จักปฏิเสธที่จะ เอาหรือปฏิเสธ ผลประโยชน์ ที่มากเกินไป    ผมยกตัวอย่างการที่ผมปฏิเสธเงินเดือนที่สูงเท่ากับ ผอ. สกว. หลังจากผมครบเทอมแล้ว    ผมขอรับเงินเดือนเท่ากับผู้อำนวยการฝ่ายของ สกว. เท่านั้น   โดยให้เหตุผลว่างานในตำแหน่ง ผอ. สกว. ต้องรับผิดชอบสูงมาก มีความเครียดสูง ต้องเสียสละความสุขส่วนตัวมาก    งานที่ผมทำในฐานะที่ปรึกษาพิเศษไม่หนักเท่า    ผมบอกลูกสาวว่า การที่ผมปฏิเสธผลประโยชน์ ในทำนองนี้ในที่ต่างๆ ทำให้ผู้คนเขาให้ความเคารพนับถือในความเห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว    เกิดการยอมรับ เกิด social capital หรือในภาษาไทยเรียกว่า บารมี
  • เนื่องจากลูกสาวกำลังจะเริ่มงานด้าน investment management ซึ่งเป็นงานที่ได้เงินเดือนสูง    และแสดงความสามารถในการทำงานในสภาพที่มี มรสุม อยู่ตลอดเวลา   ผมจึงแนะนำว่าให้คิดให้ดีๆ ว่าคนเราต้องมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ที่เป็นการทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม หรือเพื่อมนุษยชาติ เราจึงจะมีจิตวิญญาณที่มี ความสุขที่แท้   
  • ความสัมพันธ์ระหว่างคนในบางวงการเป็นความสัมพันธ์จอมปลอม คืออยู่บนฐานของผลประโยชน์เท่านั้น    ไม่มีมิตรแท้   ผมจึงแนะนำลูกสาวว่าเราควรแสวงหา แหล่งดำรงชีวิตที่มีฐานความสัมพันธ์ระหว่างคนที่มั่นคง มีมิตรแท้    มีมิตรภาพที่รวมศูนย์อยู่ที่คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ที่อยู่เหนือผลประโยชน์ระดับบุคคล   และหากเหนือระดับวัตถุสิ่งของได้ ยิ่งเป็นเรื่องดี   สภาพเช่นนี้ จะทำให้คนเรามีจิตใจที่ละเอียด อ่อนโยน    มีความสุขที่แท้จริงในชีวิต
  • เรื่องแบบนี้สอนกันไม่ได้   ได้เพียงให้สติ   ต้องทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง ผ่านประสบการณ์ชีวิตด้วยตนเอง จึงจะประจักษ์แจ้ง 

วิจารณ์ พานิช

๑๔ มิย. ๔๙

หมายเลขบันทึก: 36473เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2006 05:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)
คำสอนที่ดี จะสอนคนได้อีกมากมาย การได้อยู่แหล่งดำรงชีวิตที่มีฐานความสัมพันธ์ระหว่างคนที่มั่นคง มีมิตรแท้ มีมิตรภาพที่รวมศูนย์อยู่ที่คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ ที่อยู่เหนือผลประโยชน์ระดับบุคคล
ขอบคุณค่ะ วันนี้ตื่นเช้ามาได้อ่านเหมือนได้นั่งรถไปด้วยอีกคน เรื่องเหล่านี้เข้าใจได้ไม่พร้อมกัน ไม่อยู่ที่อายุ   กำไร ส่วนที่สำคัญที่สุดในการให้ unconditional love แก่ผู้อื่น   ไม่ใช่กำไรในลักษณะที่คนอื่นให้ความรักตอบแทนแก่เรา    แต่เป็นผลจากการที่เราปลูก จิตใจของผู้ให้ขึ้นภายในหัวใจของเราเอง   ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ หนูได้อ่านเรื่องเล่าของอาจารย์มองเห็นภาพความรักของพ่อแม่ลูก ความรักของพ่อที่รักลูกแบบ unconditional love "ยิ่งให้ยิ่งได้" ได้จิตใจที่อ่อนโยน เข้าใจและให้อภัยผู้อื่นได้ และเข้าใจชีวิตที่รู้จักกับความพอเพียงและไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นของอาจารย์
ขอบพระคุณครับ คิด เห็น และเข้าใจ และเชื่ออย่างที่ท่านอาจารย์เขียน แต่ไม่อาจเขียนออกมาได้แจ่มชัดอย่างนี้ จึงขออนุญาตนำไปขยายผลเพื่อให้ unconditional love แผ่ปกคลุมจิตผู้คนในเครือข่ายที่ได้สัมผัสอยู่ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้นครับ

รู้สึกปิติครับที่วันนี้ตื่นเช้ามาก็ได้แง่คิดดีๆ ตั้งแต่เช้า

ขอบพระคุณอาจารย์ที่แบ่งปันครับ เป็น wisdom ที่ตกผลึกจากประสบการณ์มีคุณค่ามากกับคนเริ่มต้นชีวิตทำงานครับ

  • ขอบคุณมากครับอาจารย์
  • เข้าใจชีวิตมากขึ้นทั้งuncondition loveและsocial capital
  • ความสุขของชีวิตไม่ใช่เงินเพียงอย่างเดียว
ขอสนับสนุนแนวคิด ในแง่การแสวงหา "มิตรแท้" ค่ะ เพราะเคยเป็นประสบการณ์ของตนเอง เมื่อได้พบแล้ว เรามีความสุขใจโดยแท้จริง แม้จะมี "มิตรแท้" เพียงคนเดียว แต่ช่างมีพลังเปรียบเทียบไม่ได้กับมิตรเทียม 10 คน และตัวเราเองก็ใช้เวลาส่วนที่เคยแสวงหา... มาช่วยกันค้นหาความสุขใจ ค้นหาตนเอง นับเป็นการใช้เวลาว่างจากการทำงานอย่างมีคุณค่าค่ะ
unconditional love น่าจะสอดคล้องกับ "พรหมวิหารธรรม" เป็นความรักด้วยสติปัญญา โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เป็นความรักที่ทำให้เกิดความสุขทั้งต่อ ตนเอง ผู้อื่น และสังคมในที่สุด หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นความรักที่เกิดจากใครก็ตามมีความสุขมากพอจนล้นไปหาผู้อื่น จึงไม่มีความจำเป็นต้องการสิ่งใดตอบแทน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เป็นความรักที่เกิดจากการแสวงหาความสุขที่ถูกทาง(สัมมาทิฏฐิ คือ สุขที่เกิดจากการลดความต้องการของตนเองได้) ชีวิตจึงพอเพียง และมีส่วนเกินของชีวิต(ทั้งวัตถุ เวลา สติปัญญา)ไปช่วยเหลือคนอื่น หรือสังคมได้ (อย่างที่อาจารย์สามารถปฏิเสธเงินเดือนที่เห็นว่ามากไป นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีมาก ในขณะที่บางคนในสังคมมีเป็นหมื่นล้านก็็ยังไม่พอ) ความสุขแบบนี้(สุขที่เกิดจากการลดความเห็นแก่ตัว) จึงสอดคล้องกับ "ปัจฉิมโอวาท" ของพระพุทธองค์(ซึ่งต้องถือว่าเป็นคำสอนที่สำคัญยิ่ง เพราะการที่ใครจะสั่งเสีย/สั่งสอนเป็นคำสุดท้าย ย่อมต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก อาจเรียกว่าเป็นมรดกที่พระพุทธองค์มอบให้ชาวพุทธก็ว่าได้)โดยสาระที่ว่า ให้เรา้ทำประโยชน์ตน และประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ซึ่งหมายความว่า ถ้าแสวงหาความสุขถูกต้อง(สัมมาทิฏฐิ) ประโยชน์ตน และประโยชน์ท่าน จะไม่ขัดแย้งกัน แต่กลับกันถ้าแสวงหาความสุขผิดทาง(มิจฉาทิฏฐิ) ยิ่งแสวงหาประโยชน์ตน ยิ่งทำลายประโยชน์ท่าน อย่างที่รู้กันว่าทิศทางการพัฒนาแบบทุนนิยม ทำให้คนไม่กี่เปอร์เซ็นในโลกใช้ทรัพยากรส่วนใหญ่ของโลก ทำให้คนส่วนใหญ่ในโลกขาดแคลน
ขออนุญาตคัดลอกไปสอนใจตัวเองและบอกกล่าวแก่เยาวชนนะครับ

เกิดปิติค่ะ ขอน้อมรับด้วย "ใจ" เพื่อนำมาสร้างสติให้ปฏิบัติได้ตลอดเวลา  ค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ

ท่ามกลางกระแสวัตถุนิยมอันเชี่ยวกรากและ "ทุนนิยมสามานย์" ที่เดินหน้าอย่างยากที่จะหยุดยั้งในปัจจุบัน เมื่อได้อ่าน "ชีวิตที่พอเพียง : 56. คุยกับลูก" แล้ว ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีมาก ๆ อยากให้เผยแพร่กันให้ได้อ่านทั่ว ๆ ไป ขอบคุณ ที่นำความคิดและความรู้สึกดี ๆ มาเผยแพร่ ครับ
วันนี้ผมกำลังเขียนบล็อกเกี่ยวกับลูกสาวอยู่พอดี ได้อ่านข้อคิดข้อเขียนของท่านอาจารย์แล้วประทับใจมากครับ เรื่องUncondition love  จะได้นำไปถ่ายทอดให้กับลูกสาวซึ่งกำลังจะไปเรียนต่อที่อเมริกาในเดือนหน้านี้ครับ ขอบพระคุณอีกครั้งครับ
อ่านที่อาจารย์เขียนและที่คนอื่นเสนอความเห็นเข้ามาแล้วรู้สึกถึงความดีความงามที่ได้มารวมตัวกันนะที่ตรงนี้ เกิดความรู้สึกเป็นสุขเล็กๆและเป็นข้อเตือนใจให้หันมามองและติดตามความรู้สึกนึกคิดของตนเอง  ลดความเป็นตัวตนและมอบสิ่งดีๆให้กับคนอื่นโดยมิหวังสิ่งตอบแทน เป็นความสุขที่วิเศษที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้

ขออนุญาตินำไปลงรายงานเรื่อง มงคล 38 : ความสันโดษ นะคะ เนื่องจากว่า เมื่อได้อ่านแล้ว รู้สึกประทับใจ และ เห็นด้วยกับข้อคิด จึงขออนุญาตนำไปลงรายงาน เพื่อให้คนที่สนใจ ได้เห็นเป็นแบบอย่าง แนวทางในการดำเนินชีวิตนะคะ สุดท้ายนี้ขอบคุณ สำหรับแนวคิดดีๆค่ะ

เรียนคุณชุติกาญจน์

ยินดีอนุญาตครับ     โดยขอให้บอกแหล่งที่มาจาก GotoKnow.org/thaikm ด้วย

วิจารณ์ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท