ช่วงอาทิตย์นี้ต่อจากจังหวัดระนอง มาปักหลักที่ อำเภอเขาหลัก จังหวัดพังงา เพื่อมาสำรวจสถานการณ์คนไร้สัญชาติในพื้นที่สึนามิต่อ
ที่จริงก็ไม่ได้มาเริ่มต้นใหม่ แต่มาประสานกับองค์กรที่ได้เริ่มต้นสำรวจไว้แล้วตั้งแต่เมื่อเกิดสึนามิ อย่างมูลนิธิเด็ก และมูลนิธิกระจกเงา
ข้อเท็จจริงของสถานการณ์คนไร้สัญชาติที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะในจังหวัดพังงานี้ ไม่นับกลุ่มชาวมอแกนที่มีหลายๆ กลุ่มได้นำเสนอในแง่มุมต่างๆ กันอย่างมากแล้ว แต่กลุ่มที่ไม่ค่อยมีใครมองเห็นเพราะอยู่กันอย่างกระจัดกระจายในชุมชนต่างๆ ก็คือกลุ่ม "คนไทยไร้สัญชาติ"
อย่างแค่ข้อมูลที่มูลนิธิเด็กสำรวจที่อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา พบว่ามีกว่า 60 คน โดยคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนไทยภาคอีสาน คนภาคกลางภาคเหนือก็มี หรือคนในพื้นที่ภาคใต้เอง ที่ย้ายถิ่นมาหางานทำที่จังหวัดพังงา โดยเฉพาะช่วงยุคทองของการทำเหมืองแร่
คนเหล่านี้จำนวนไม่น้อยปักหลักมีครอบครัวอยู่ทางนี้ และไม่ได้กลับไปติดต่อเรื่องทะเบียนราษฎรกับอำเภอที่ภูมิลำเนาเดิม จนรายชื่อตกหล่นบ้าง สูญหายบ้าง พอนานเข้ามีลูก เมื่อรุ่นพ่อแม่ตกหล่นทางทะเบียน ลูกเกิดมาก็ไม่ได้ไปแจ้งเกิด บางคนไปแจ้งแต่ก็ไม่ได้เพราะพ่อแม่ไม่มีชื่อในทะเบียน หลายคนปัญหาสืบทอดมาถึงรุ่นหลานแล้ว
เด็กหลายคนพอสืบค้นไป พ่อแม่ หรือย่ายาย ก็เคยมีบัตรประชาชนที่อำเภอโน้นอำเภอนี้
ปัญหาของการไม่มีหลักฐานทางทะเบียนว่าเป็นคนไทยนั้นเชื่อมโยงกันหมด ตั้งแต่แจ้งเกิดลูกไม่ได้ มีปัญหาเรื่องการเข้าเรียน การรักษาพยาบาล การทำงาน การเดินทาง ไม่ต่างจากคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย หลายๆ กรณีเป็นคนชราที่เพิ่งมาเห็นความสำคัญของบัตรประชาชน ก็ต่อเมื่อเจ็บป่วยยามชรา ไม่มีแรงทำงาน ไม่มีเงินรักษาพยาบาล เรียกร้องขอความช่วยเหลืออะไรจากรัฐก็ไม่ได้ หรือเป็นผู้ประสบภัยสึนามิ ก็รับการช่วยเหลือจากรัฐไม่ได้เพราะไม่มีบัตรประชาชน
ความจริงกฎหมายระเบียบก็พอมีอยู่แล้ว แต่ในทางปฏิบัติยากยิ่ง โดยเฉพาะคนแก่ ที่ย้ายออกจากชุมชนมานานมาก กลับไปติดต่อบ้านเกิดก็ไม่ถูก จะหาใครมาเป็นพยานก็ยากขึ้นทุกที แม้ผู้ใหญ่บ้านก็เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ที่ไม่เคยเห็นหน้า เลยไม่รู้จะรับรองกันอย่างไร อำเภอจะปัดให้ไปตรวจดีเอ็นเอ พ่อแม่ก็ตายหมดก็มี
คงต้องให้ผู้เกี่ยวข้องมานั่งคุยกันอย่างจริงจัง และปัดฝุ่นกฎระเบียบต่างๆ ที่ไม่สอดคล้องกับปัญหา ให้เอื้ออำนวยกับคน
เพราะ "กฎหมายเพื่อคน ไม่ใช่คนเพื่อกฎหมาย"
ลองจำแนกสาเหตุของความไร้รัฐความไร้สัญชาติกันอีกทีซิต้อง
เมื่อวานมีโอกาสไปนั่งคุยกับ คุณโอภาส รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และได้นำเสนอปัญหานี้ ท่านเองให้ความสนใจที่จะแก้ไขปัญหานี้ในพื้นที่อย่างจริงจัง และยินดีให้จังหวัดพังงาเป็นจังหวัดนำร่องในการแก้ไขปัญหานี้