วันนี้ (๒๙ มิย. ๔๙) พบ ศ. ดร. มรกต ตันติเจริญ ผอ. ศช. (ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ) ที่เชียงใหม่ ท่านเอาแฟ้ม "ผลงานเด่นไบโอเทค" มอบให้ผม และบอกว่าอยากจัดการความรู้เพื่อเอาเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์
ผมเปิดแฟ้มดู พบเรื่องราวของผลงานพัฒนาเทคโนโลยีที่น่าชื่นชมมากมาย อาทิ
เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการปรับปรุงพันธุ์มะเขือเทศต้านทานโรค
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกับการผลิตท่อนพันธุ์ขิงและหัวปทุมมาปลอดโรค
เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อการฟื้นฟูที่ดินเค็ม
การปรับปรุงพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ ๑๐๕ ทนน้ำท่วมฉับพลัน
การค้นพบยีนความหอมในข้าวและแนวทางการใช้ประโยชน์
ฯลฯ
หลังจาก ดร. มรกต ฟัง ดร. เลขา กับผมพูดเรื่อง KM จนท่านพอจะรู้จัก KM แล้ว ผมได้เรียนท่านว่า KM แนว สคส. เป็น Demand-side KM และเป็น KM แนวเน้นความรู้ในคน หรือความรู้ฝังลึก ดังนั้น KM ของผลงานเด่นไบโอเทค น่าจะดำเนินการในรูปแบบ KM ของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีโดยชาวบ้าน
วิธีการดำเนินการ คือ ทีมงานของ ศช. ไปหาชุมชนหรือเกษตรกรที่น่าจะเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีตัวใดตัวหนึ่ง ค้นลงไปถึง "ความสำเร็จ" ในการดำเนินการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคล้ายๆ กับที่ ศช. มี เชิญบุคคลหรือผู้แทนชุมชนที่มีกิจกรรมเหล่านั้นมาประชุม ลปรร. ความสำเร็จของเขา และเชิญชวนพิจารณาเทคโนโลยีใหม่ที่ ศช. มี รวมทั้งให้นักวิจัยเจ้าของเทคโนโลยีตอบคำถามของเกษตรกร แล้วนัดว่าอีก ๖ (หรือ ๑๒) เดือนจะเชิญผู้ที่ทดลองเอาเทคโนโลยีใหม่ไปใช้ มา ลปรร. ประสบการณ์การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ร่วมกัน โดยผู้ใดทดลองดำเนินการให้แจ้งมาที่ ศช. หรือจะขอคำแนะนำเพิ่มเติมก็ได้
โดยวิธีนี้ ก็จะเกิดวง KM ของผู้ใช้เทคโนโลยีใหม่ขึ้น ในเวที ลปรร. แรก สคส. ยินดีส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยจัดกระบวนการให้ โดยเวทีนี้ต้องเตรียมการล่วงหน้า ๒ - ๓ เดือน และต้องมีการออกแบบเวที ลปรร. ร่วมกันระหว่างทีมงานของ ศช. กับทีมงานของ สคส.
วิจารณ์ พานิช
๒๙ มิย. ๔๙
ห้องผู้โดยสารการบินไทยที่เชียงใหม่
ไม่มีความเห็น