ส่วนหนึ่งของชีวิตทำงาน


ทุกอย่างต้องค้นหาและศึกษาจึงจะสำเร็จ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราพบกันเป็นครั้งแรก ผมได้พูดถึงความรู้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราซึ่งอยู่ที่ว่าจะจัดการกับความรู้เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร
แต่ก่อนอื่นเพื่อนๆมาทำความรู้จักกับผมก่อนนะ ผมเรียนจบที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ คณะวิทยาการจัดการ สาขาการบัญชี และตอนนี้ทำงานด้านการตรวจสอบภายใน
โดยการทำงานของผมส่วนใหญ่ใช้ความรู้ที่เรียนมาส่วนหนึ่งและประสบการณ์การทำงานอีกส่วนหนึ่ง แต่เทคนิคหรือวิธีการทำงานในหากไม่เข้าใจผมจะมีการสอบถามจากพี่หัวหน้างาน ฝ่ายตรวจสอบ  ที่ผมทำงานอยู่นั้นไม่มีผู้จัดการแต่จะทำงานกันเป็นทีมมากกว่าโดยมีพี่หัวหน้างานคอยดูแล และมีผู้รับผิดชอบงานอีก คน และมีพนักงานสนับสนุนอีก 2 คน ซึ่งผมเป็น 1 ใน 3 ของผู้รับผิดชอบงาน
ทีมงานของผมนั้นการทำงานจะมีการมอบหมายงานแล้วปล่อยให้เรามีความอิสระในการทำงานว่าภายในเดือนนี้จะตอบสอบภายในที่ไหน อย่างไร โดยมีการสรุปงานทุกๆสัปดาห์
ซึ่งเทคนิคหรือข้อสงสัยที่สอบถามพี่หัวหน้างานนั้นส่วนใหญ่เป็นประสบการณ์การทำงานของพี่เค้ามากกว่าซึ่งมีอายุงานนานแล้ว จะไม่มีคู่มือหรือสรุปเป็นข้อซึ่งงานที่ทำนั้นจะไม่ตายตัวแต่สามารถเรียนรู้จากงานที่ทำผ่านมาแล้ว
ผมทำงานที่นี่ได้ไม่นานประมาณ  เดือนเศษๆ แต่สามารถปรับตัวและรับผิดชอบงานได้อย่างเต็มตัว ที่นี่โดยเฉพาะฝ่ายตรวจสอบจะไม่มีการสอนงานแต่จะให้เรียนรู้จากการทำงานเองเพราะให้สอนได้แต่เค้าจะได้เท่าที่สอน ( ความคิดของพี่เค้า ) แต่ผมคิดว่าหากไม่สอนบางที่เค้าไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร มองภาพงานที่ทำอย่างไร กว่าจะรู้งานก็ไม่ผ่านการประเมินทดลองงาน
และตอนนี้ผมการมีพนักงานสนับสนุน คน เป็นผู้หญิงอายุ  24  ปี ทำงานได้ประมาณ  สัปดาห์แล้ว หัวไวและอดทน ผมพาไปตรวจงานครั้งล่าสุดที่อำเภอจะนะ และเทพา โดยที่แรกคือที่จะนะ ก่อนไปบอกว่าต้องการข้อมูลอะไรบ้างแต่ไม่บอกว่าต้องอย่างไร  แต่เมื่อเดินทางกลับผมได้ถามว่าเป็นไงบ้าง มีข้อสงสัยอย่างไร ซึ่งได้อธิบายให้น้องเค้าฟังเพื่อปรับปรุงการทำงานต่อไป พอเข้าตรวจที่เทพา น้องเค้าก็สามารถทำงานได้รวดเร็วและเข้าใจงานมากขึ้น ซึ่งผมต้องการให้น้องเค้าได้ลองทำงานดูก่อนและคอยแนะให้ทีหลังแต่จะต้องอธิบายภาพโดยรวมของงานที่ทำก่อน จะเห็นได้ว่าการทำงานที่นีจะไม่ค่อยมีการจัดการด้านองค์ความรู้อย่างชัดเจนแต่ผมคิดว่าการที่ผมได้อธิบายงานและคอยแนะเทคนิคให้นั้นเป็นการแบ่งปันความรู้ประสบการณ์แก่กัน
สิ่งที่ผมได้เห็นจากการที่ผมทำงานมาประมาณ  เดือนนั้นมีหลายครั้งหน่วยงานที่ผมตรวจสอบเกิดความไม่พอใจกับสิ่งที่ผมทำซึ่งการตรวจสอบที่ผ่านมานั้นจะไม่ค่อยทำอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากพนักงานน้อยดูแลไม่ทั่วถึง แต่สิ่งที่เกิดกับผมนั้นผมเข้าใจและพร้อมกับอธิบายว่าสิ่งที่ผมทำนั้นเพื่ออะไร
และวันนี้ผมกำลังเดินไปตรวจที่ จ.สตูล ผมออกเดินทาง 9.30  .ใช้เวลาเดินทาง  1 ชั่วโมงครึ่ง ก็ไปถึงสตูล  ในการตรวจผมทุกครั้งจะต้องเตรียมข้อมูลไปด้วยเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิง  พอถึงร้านก็เริ่มตรวจนับสินค้า , ของแถมลืมบอกไปเจ้าของร้านดุแต่มีเหตุผลนะ  ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลตรวจนับจริง พร้อมกันนี้ยังสอบถามข้อมูลบางอย่างเช่น ของแถมค้างลูกค้า ของแถมที่ลูกค้าฝากเอาไว้ เพื่อเป็นข้อมูล ผมจะไม่ถามอะไรมากมายจะเน้นเฉพาะสิ่งที่ต้องการแล้วก็กลับแต่ทุกครั้งจะต้องมีการเซ็นชื่อรับทราบข้อมูลเพื่อจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง  ผมกลับมากินข้าวที่หาดใหญ่ที่ร้านกาแฟเจ้าประจำนั่งกินเกือบทุกวัน สนิทกับเจ้าของร้านพอสมควรและเป็นที่นั่งคุยเรื่องอื่นๆบ้าง บรรยากาศน่านั่งสุด ว่างๆเพื่อนลองไปดูนะ รับรองไม่ผิดหวังแน่ ผมกลับเข้างานในวันนั้นประมาณ บ่ายโมงครึ่งรวบรวมตัวเลขแล้วสรุปผลออกมา ที่นี้ผมจะมีข้อมูล  ชุด  คือ 1. ยอดตรวจนับจริง  2. ยอดอ้างอิง  3. ยอดหลังการสรุป  โดยนำยอดหลังสรุป เปรียบเทียบกับยอดตรวจนับจริง หาก + ก็ดี แต่ถ้า ต้องคุยกันนิดหนึ่ง โชคที่ครั้งนี้ เป็น ผมจะบอกเพื่อนว่าตอนนี้ผมกำลังทดลองทำบางอย่างที่ดีกว่าเดิมอีก ผมไม่ต้องเดินทางไปตรวจบ่อยๆแล้วแต่ผมว่าค่อยเล่าให้ฟังคราวหน้านะ ผมคิดว่าน่าจะ WORK นะ
เพื่อนๆที่นีบอกผมว่าผมทำให้พวกเค้าตื่นตัวดี เนื่องจากผมเป็นผู้ชายคนเดียวมั้ง ไม่ต้องคิดมากนะ คือผมจะทำงานคอยถามและขี้สงสัยในเรื่องต่างๆ ที่มันเกี่ยวกับผม เราต้องคิดก่อนสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นจริงมั้ย ? ผมไม่รู้ว่าผมชอบงานนี้หรือเปล่าแต่ผมชอบสิ่งที่ผมได้คิดอย่างอิสระแล้วมันน่าจะออกมาดี
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 361เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2005 14:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 13:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ กับการสอนงานโดยให้เรียนรู้จากประสบการณ์ โดยตรง เพราะคนที่เรียนรู้ว่าสิ่งไหนถูกหรือผิดนั้นจะสามารถนำประสบการณ์ครั้งที่ผ่านมา มาปรับใช้ในการแก้ปัญหาในครั้งต่อไป และเรียนรู้ที่จะปรับวิธีการในแบบของตนเอง หากเขาไม่สามารถจะแก้ไข หรือคิดได้จริง ๆ ก็ควรจะแนะแนวทาง ไม่จำเป็นเสมอไปหรอกที่จะต้องมีวิธีคิดที่เป็นเหมือนต้นแบบทุกอย่าง แต่มันขึ้นอยู่กับว่าจุดมุ่งหมายหรือ ผลลัพธ์ที่ได้นั้น เป็นสิ่งเดียวกันไม่ว่าจะได้ด้วยวิธีการใดก็ตาม เคยได้ยินคำที่ว่า อย่ามัวแต่หาปลาให้เขา แต่ควรจะสอนให้เขาหาปลาด้วยตนเอง จากประสบการณ์ที่ได้ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานที่ต้องช่วยงานซึ่งกันและกัน ดิฉันก็แค่บอกว่าต้องการผลลัพธ์แบบไหน หรือจุดมุ่งหมายคืออะไร ส่วนเรื่องวิธีการก็ให้เขาคิดเองว่าจะทำอย่างไร ให้คิดให้เต็มที่ก่อน แต่ถ้าไม่ได้อย่างไร ก็จะช่วยแนะนำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท