ปกติเมื่อถึงวันเข้าพรรษา ชาวนาแถบจังหวัดปัตตานีก็จะเริ่มหว่านกล้ากันแล้ว หลังจากนั้นอีกประมาณ ๔๐ วัน ก็จะเริ่มดำนา ข้าวกล้าที่ต้องทำก่อนต้องเป็นข้าวที่หนักหน่อย คืออายุกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ต้อง ๕ - ๖ เดือน เช่น ข้าวพันธุ์ "ลูกเขย" "ลูกแดง" "ช่อลุง" เป็นต้น หากหว่านหลังจากนี้ก็จะเป็นข้าวเบาลงมา อาจจะ ๔ - ๕ เดือน เช่น ข้าวพันธุ์"เล็บนก" "หอมจันทร์" เป็นต้น ถ้าหากเป็นข้าวที่ทำหลังวันออกพรรษาก็จะเป็นข้าวเบามากๆ เช่นข้าว ๓ - ๔ เดือน เช่น ข้าวพันธุ์ "หัวนา" "สังหยด" เป็นต้น พันธุ์ข้าวที่เอ่ยชื่อมาทั้งหมดเป็นข้าวพันธุ์ท้องถิ่นทั้งสิ้น ถิ่นอื่นอาจจะไม่เคยรู้จัก ที่อาจจะคุ้นหู้อยู่บ้าง น่าจะเป็น ข้าวสังหยด ที่สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงส่งเสริมการปลูกและอนุรักษ์ พันธุ์ข้าวที่ชาวนาแถวอำเภอโคกโธิ์ จังหวัดปัตตานี นิยมปลูกเป็นพิเศษ คือข้าวพันธุ์ลูกเขย เหตุผลเพราะเป็นข้าวพันธุ์หนัก เหมาะสมกับสถาพภูมิประเทศและสภาพอากาศ เพราะว่าถิ่นนี้ฝนเริ่มตกบวกกับน้ำจากชลประทานมาตั้งแต่เดือน ๗ ทำให้ทุ่งนากลายเป็นพรุน้ำขัง ทำนายาก แต่พอถึงช่วงเข้าพรรษาฝนจะทิ้งช่วง การทำนาช่วงนี้จึงสะดวก เพราะน้ำพอเหมาะ ครั้นหลังจากนี้ไปอีก ๓ - ๔ เดือน ก็จะเป็นฤดูน้ำท่วม ถิ่นภาคกลางที่บอกว่าเดือน ๑๒ น้ำทรง (เดือน ๑๑ น้ำนอง) แต่ภาคใต้เดือน ๑๒ ช่วงลอยกระทงเป็นฤดูน้ำนอง น้ำท่วมทุกปี ข้าวพันธุ์ลูกเขยที่ปลูกตั้งแต่เดือน ๘ - ๙ พอถึงฤดูน้ำนองจะเป็นช่วงที่ข้าวหนักกำลังเติบโตเต็มที่ ครั้นน้ำลดข้าวก็จะออกรวงไสว และเก็บเกี่ยวได้เมื่อถึงเดือนยี่ เดือนสาม
จะไม่พูดถึงพันธุ์ข้าวหนักเบากลางๆ
แต่จะพูดถึงข้าวพันธุ์เบาอายุ ๓ - ๔ เดือน
เหตุผลการปลูกก็สอดคล้องกับฤดูกาลและสภาพภูมิประเทศ
เช่นกัน กล่าวคือ
เมื่อถึงเดือน ๑๑ - ๑๒ ที่ลุ่ม นาลึก นาพรุ
น้ำจะท่วมสูง ลงดำนาไม่ได้
หรือดำไปก็เน่าเสียหมด
ช่วงนี้ชาวนาแถบนี้จะต้องทำนาโคก(นาที่อยู่ที่สูงกว่า)
เพราะน้ำพอเหมาะ
จึงปลูกข้าวพันธ์เบา
และเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือน ๓ - ๔
เช่นเดียวกัน
จะเห็นว่าภูมิปัญญาคนทำนาถิ่นนี้สอดคล้องกับความเหมาะสมของสภาพภูมิประเทศและลมฟ้าอากาศอย่างดี ผมเคยทดลอง นำวิธีการทำนาของคนภาคอื่น ๆ มาใช้ เพราะไปเห็นคนภาคกลาง เหนือ อีสาน คือทำนาหว่าน ด้วยข้าวพันธุ์ชัยนาท ๑ เลือกที่ที่สะดวกต่อการระบายน้ำ ทำประมาณ ๔ ไร่ ไปซื้อพันธุ์ข้าวมาจากศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ ๒๓ จังหวัดปัตตานี ปรากฏว่าข้าวขึ้นงามมาก ได้ผลผลิตออกมาเป็นที่น่าพอใจ คำนวณแล้วว่าหว่านหลังจากวันลอยกระทง ข้าวจะเก็บเกี่ยวได้ประมาณเดือน ๓ ซึ่งปกติจะเป็นหน้าแล้งและเป็นฤดูเก็บเกี่ยวปกติ แค่ปีแรกที่ทดลองก็เจอดีเลย คือฝนตกหนักกลางเดือน ๓ น้ำท่วม ข้าวที่เกี่ยวไว้กะว่าผึ่งให้แห้งก่อนเก็บสักวันสองวัน แต่ไม่ทันเก็บกลับบ้าน น้ำท่วมเสียหายหมด ต้องเอามานวดขายเป็นข้าวเปลือกเลี้ยงไก่เลี้ยงเป็ด โชคดีที่ขายได้ราคาปกติถังละ ๘๐ บาท ก็พอหายเหนื่อยได้บ้าง แต่ที่เอามาทดลองสีเป็นข้าวสารเสียหายหุงกินไม่ได้ ขึ้นราเพราะความชื้นที่ถูกน้ำท่วมนั่นเอง ที่เล่าเรื่องนี้ให้ทราบเพราะจะชี้ให้เห็นว่า วิธีการที่เหมาะสมในแต่ละท้องถิ่นใช่ว่าจะใช้ได้เสมอไป ข้าวพันธุ์ชัยนาท ๑ เป็นพันธุ์ข้าวเตี้ย สูงไม่กิน ๒ ฟุต แต่พันธุ์ข้าวที่ปลูกแถบอำเภอโคกโพธิ์ เป็นพันธุ์ข้าวที่สูงเกิน ๔ ฟุตทั้งสิ้น เหตุผลก็คือเมื่อน้ำท่วม ก็ไม่จมรวงข้าวนั่นเอง
เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๔๙ หว่านข้าวกล้าพันธ์ข้าวลูกเขยสำหรับนาลึกไปแล้ว วันนี้ ( ๘ สิงหาคม ๒๕๔๙) ต้นกล้าสูงประมาณ ๖ นิ้ว ไปไถนาที่นาลึกไว้แล้ว คาดว่าภายในปลายเดือนสิงหาคมคงได้ปักดำ
ไม่มีความเห็น