โรงเรียนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะใช้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในระบบชั้นเรียน มีครูที่ปรึกษาชั้นเรียนเป็นผู้ดูแลนักเรียนในชั้น แต่ที่โรงเรียนห้องสอนศึกษา เราใช้ระบบดูแลช่วยนักเรียนแบบแบ่งเขตพื้นที่ ก็ยึดเอาพื้นที่ตามหลักภูมิศาสตร์เป็นเกณฑ์ในการแบ่งเขต(ที่นี่ใช้สี่แยกไฟเขียวไฟแดง เป็นจุดศูนย์กลางเพราะเมื่อก่อนจังหวัดเรามีไฟเขียวไฟแดงที่เดียว) นักเรียนที่มีบ้านติดกันก็จะได้อยู่เขตเดียวกันแม้กระทั่งครูที่ปรึกษาเขตพื้นที่(เรียกสั้นๆว่าครูเขตฯ)ก็เอาครูที่อยู่บริเวณเดียวกับนักเรียนมาเป็นครูเขตฯ ทั้งนี้เพราะพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนนักเรียนแต่ละคนจะอยู่ห่างไกลกันมาก บางครั้งครูที่ปรึกษาระบบชั้นเรียนก็ไม่สะดวกที่จะเยี่ยมนักเรียนทุกคน แต่การไปเยี่ยมบ้านในระบบเขตพื้นที่จะใช้เวลา 1 - 2 วันก็เยี่ยมนักเรียนครบทุกคนแล้ว ข้อดีของดูแลระบบเขตฯ ทำให้เราได้รู้จักชุมชนมากขึ้น บางครั้งนักเรียนอาจจะอยู่บ้านติดกันกับบ้านเราแต่เราไม่มีโอกาสรู้จักนักเรียนเลย ไม่เคยรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของชุมชน แต่พอได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านนักเรียน ได้พบนักเรียน ได้พบผู้ปกครอง ได้พูดคุยกันทำให้ได้ข่าวสารของชุมชนมากขึ้น(เพราะชีวิตนี้มีที่ไป 2 ทางคือบ้านกับโรงเรียน)มีโอกาสช่วยเหลือกันมากขึ้น บางครั้งในการเลือกครูประจำเขตถ้าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล ติดชายแดน(เสี่ยงหน่อย)ก็ต้องให้ทีมครูผ้ชายเป็นครูประจำเขตฯ การไปเยี่ยมนักเรียนแต่ละครั้งก็ทำให้ครูเราได้มีโอกาสได้พูดคุย แลกเปลี่ยนวิธีการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น การปกครองในระบบเขตพื้นที่แม้จะเป็นการเพิ่มภาะให้กับครูมากขึ้น เพราะต้องดูแลทั้ง 2 ระบบ แต่พวกเราก็ต้องดูแล เพื่อช่วยเหลือนักเรียน หวังว่าอนาคตพวกเขาคงเป็นคนดีของสังคมและเป็นกำลังของประเทศชาติในอนาคต
เรียนครูแมว ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนเรา ได้พัฒนาไปตามสภาพของพื้นที่ เป็นความคิดสร้างสรรค์ที่ก้าวไกล แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นมันก็ยังมีปัญหาภายในของกลุ่มเด็กที่ดูแลกันอยู่ มีผู้ปกครองมาระบายความคับข้องใจเกี่ยวกับลูกของเขาซึ่งเรียนอยู่ม.5 ที่ชอบคบเพื่อนเกเร กลางคืนมักออกเที่ยวเตร่กับเพื่อนเกเรจนพ่อต้องยึดมือถือและมอเตอร์ไซด์ หนักเข้าไม่อยากเรียนหนังสือ (จากเด็กที่เคยเรียนดีมาก่อน)เกรดตก แม่ต้องมานั่งเหม่อลอยน้ำตาซึมแทบทุกวัน จนลุงเกต้องปรอบใจและบอกกับเขาว่า เด็กคนนี้ยังไม่ถึงใจแตก เพียงแต่ชีวิตกำลังเบี่ยงเบนเพราะถูกเพื่อนไม่ดีชักจูง กำลังเห็นผิดเป็นชอบ ติดเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ ยังมีเวลาแก้ไข เขาบอกว่าถ้าเอาไม่อยู่จะพามาพบลุงเก ขณะนี้ใช้วิธีทั้งขู่ทั้งปลอบ คำขู่ก็คือ ถ้าไม่เชื่อฟังจะพาไปสถานพินิจ ให้สถานพินิจจัดการ บังเอิญลุงเกก็เป็นกรรมการในสถานพินิจด้วย เล่าให้คุณครูฟัง เพราะผมรู้ว่าเด็กของเรายังมีปัญหาอีกมาก ที่พวกเรากำลังพยายามแก้ไขกันอยู่ อยากส่งกำลังใจมาให้ สุดท้ายขอให้อาจารย์สมหวังผ่านการประเมินอาจารย์ 3 อย่างเป็นสุข ลุงเก
ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูแมว นะคะ เข้าใจดีค่ะว่าจะต้องเจอกับเด็กนักเรียน ร้อยพ่อ พันแม่ บ้างก็ดีบ้างก็ดื้อ ในฐานะผู้ปกครอง
ขอเป็นกำลังใจ ให้นะคะ