ภาพวาด เขียน ระบาย สีน้ำ


“ทำไมจึงต้องวาดภาพด้วย ในเมื่อความจริงตามธรรมชาติที่เห็นอยู่นั้น เป็นความงดงามยิ่งกว่าภาพวาดใดๆทั้งสิ้น”...

                ผ่านมานานหลายปีแล้ว ทว่ายังจำได้แม้จะเลือนรางไปบ้าง นับตั้งแต่ที่มีโอกาสได้เริ่มที่จะเลือกเส้นทางการเรียนรู้ด้วยตนเอง ฉันก็ไม่เกรงกลัวที่จะกระโดดเข้าไปในสิ่งที่ “ใจ” เรียกร้องก้องอยู่ภายใน สิ่งหนึ่งในอีกหลายสิ่งที่ฉันเลือกที่จะเรียนรู้ คือ การวาด เขียน ระบายสีน้ำตามวิถีธรรมชาติ ซึ่งเป็นการศึกษาด้วยตนเองจากการใช้ “ใจ” สัมผัส รับรู้ ตีความ และถ่ายทอดจากใจสู่ปลายนิ้ว ผ่านพู่กัน และสีน้ำ กลายเป็นภาพบนกระดาษ หลายๆวันในทุกๆวันฉันชื่นชม “ความมีชีวิตชีวา” ของต้นหญ้า ดอกหญ้าสองข้างทางสัญจรที่ฉันผ่านไป ผ่านมา ชีวิตของเขาเพลิดเพลิน เบิกบาน ไปกับสายลมโชย แม้บางครั้งเป็นเพียงสายลมเอื่อยแผ่วเบา  บางครั้งเป็นสายลมกรรโชกรุนแรง บางครั้งเม็ดน้ำฝนตกหล่นลงมา บางครั้งแดดกร้านแผดเผารุมร้อนปานขาดใจ บางครั้งเหน็บหนาวด้วยน้ำค้างในค่ำคืนเย็นยะเยือก  ทว่าท่ามกลาง “ความเป็นไป” ของธรรมชาติ พวกเขาต้นหญ้า ดอกหญ้าสองข้าง ซึ่งแม้ว่าดูภายนอกบอบบางยิ่งนัก กลับหยัดยืนด้วยความกล้าหาญ อย่างอ่อนโยน นอบน้อมต่อ “ความเป็นไป” ยามสายลมประชวยมา เขาก็โน้มลำตัวไปตามแรงลมนั้น ยามน้ำไหลหลากจากพายุฝนกระหน่ำ เขาก็โน้มตัวตามแรงของน้ำนั้น ด้วยรากที่ยึดแน่นกับผืนดิน มิถอดถอนหลุดปลิวไปโดยง่าย

                ยามที่ท้องฟ้าสดใส ภายหลังสายลมแรงและพายุฝนกระหน่ำ มวลหมู่นก แมลง ไส้เดือนและสรรพชีวิตอื่นๆ ก็ได้เวลาออกจากบ้าน แวะมาพูดคุย หยอกล้อเป็นเพื่อนกันและกัน ยังเป็นความ “มีชีวิตชีวา” ยิ่งนัก

                ฉันชอบนั่งดูต้นไม้ ต้นหญ้า ดอกไม้ ดอกหญ้า เมื่อคราวที่แสงแดดอ่อนทอกระทบ กลายเป็นแสงเงาบนกลีบดอก กิ่งใบและลำต้น ทำให้สีสันตามธรรมชาติมีความเคลื่อนไหว เลื่อนไหล หนักเบา ภายในความเรียบง่ายที่หยัดยืนอย่างเงียบๆนั้น กลับแฝงเร้นความหลากหลายกลมกลืน และภายในความหลากหลายกลมกลืนนั้นกลับแฝงเร้นความเรียบง่ายอย่างเนียนแนบ “เป็นหนึ่งเดียว” มีกันและกันเสมอ

                นี่หล่ะเป็นต้นกำเนิดของความที่ว่า “ทำไมฉันจึงต้องวาด เขียน ระบายสีน้ำ”

                ฉันอยากจะบอกว่า “ยังมีความงดงาม ในซอกหลืบที่ผู้คนอาจมองข้ามไป และฉันอยากจะบันทึกคุณค่าที่ฉันพบเห็นไว้เมื่อเวลาผ่านไป...ก็เท่านั้นเอง”

                ในความแตกต่าง...ของชายหนุ่มผู้นั้น ซึ่งขณะนั้นเราเป็นเพียงเพื่อนกัน...เรากำลังนั่งมองธรรมชาติ สองข้างทางริมถนน ซึ่งมีพื้นหลังเป็นมวลหมู่เมฆเปื้อนท้องฟ้าเต็มไปหมด และถูกระบายด้วยแสงอาทิตย์ยามใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที่แล้ว กลายเป็นแสง สี ต่างๆนานาหลากหลาย หยุงเหยิง ทว่างดงาม มหัศจรรย์ ถัดใกล้เข้ามากับตัวเราเป็นทุ่งหญ้า ที่มีต้นหญ้า ดอกหญ้าละลานตระกรานตา ฉันไม่สามารถพรรณนาออกมาได้ทั้งหมด แต่ในจิตในใจสัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ของความงดงามตามธรรมชาตินั้น เขาถามฉันว่า...

“ทำไมจึงต้องวาดภาพด้วย ในเมื่อความจริงตามธรรมชาติที่เห็นอยู่นั้น เป็นความงดงามยิ่งกว่าภาพวาดใดๆทั้งสิ้น”...

เพียงได้ฟังถ้อยคำนั้น...เนื้อจิตเนื้อใจของฉัน เหมือนถูกกระชากอย่างแรงให้ตื่นออกมาจากความหลงใหลกับภาพที่เคยได้วาด ได้เขียน...แล้วหันกลับเข้ามาพิจารณาในความ “มีกันและกัน” ระหว่างเรากับ “ความเป็นไป” ตามธรรมชาติ ด้วยความชื่นชม ความงดงาม ความมหัศจรรย์ที่มีอยู่แล้วในความจริงตามธรรมชาติที่มองเห็น มากกว่าที่จะไปหมกมุ่นพยายามคิดค้นหาเทคนิกวิธีการเพื่อให้วาด ระบายสีเลียนแบบธรรมชาติให้เหมือนมากที่สุด รวมทั้งการปรุงแต่งเพื่อให้มีความแตกต่างออกไปด้วยก็ตาม

ขอบพระคุณ “ความเป็นไป” ตามธรรมชาติ ที่เป็นครูสอนให้เรียนรู้...

   เมษายน ๒๕๕๓

 

 

หมายเลขบันทึก: 354210เขียนเมื่อ 26 เมษายน 2010 15:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 22:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

โลกแห่งจินตนาการทำให้เราสุขสงบและเย็นครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท