เมื่อวันที่ ๒๓ มิย. ๔๙ ผมได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ให้ไปบรรยายพิเศษเรื่อง "ยุทธศาสตร์การวิจัยชุมชนเพื่อการพัฒนา" ในการสัมมนาวิชาการ เรื่อง "เครือข่ายวิจัยชุมชนเพื่อการพัฒนาภาคใต้" โดยหน่วยงานที่จัดคือ เครือข่ายวิจัยชุมชน ในสังกัดสำนักวิจัยและพัฒนา เป้าหมายของการสัมมนา คือการเริ่มต้นเครือข่ายวิจัยชุมชนในภาคใต้
ผมได้ให้ความเห็นเชิงยุทธศาสตร์ในประเด็นต่อไปนี้
1. การมีทักษะการจัดการเครือข่าย
2. การมีทักษะการจัดการงานวิจัยชุมชน ซึ่งแตกต่างจากวิธีจัดการงานวิจัยเชิงวิชาการ และแตกต่างจากวิธีจัดการงานวิจัยและพัฒนา (R&D)
3. การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ หรือมุมมองต่อชุมชน เปลี่ยนจากการมองว่าชุมชนไม่มีความรู้ เป็นมองว่ามีความรู้ในชุมชนส่วนหนึ่ง มีคนในชุมชนจำนวนหนึ่งที่มีสติปัญญาสูง แต่ความรู้ที่มีเป็นความรู้ปฏิบัติ เป็นความรู้ฝังลึก (tacit knowledge) เป็นความรู้บูรณาการ ไม่แยกออกเป็นสาขาวิชาการ
4. การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการพัฒนาชุมชน จาก training ไปสู่ learning คือเปลี่ยนจากการมุ่งเข้าไปจัดการฝึกอบรมให้แก่ชาวบ้าน เป็นมุ่งเข้าไปอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของชาวบ้าน เน้นที่การเรียนรู้ของชาวบ้าน ตัวชาวบ้านเป็นพระเอก-นางเอก ไม่ใช่ตัวนักวิชาการหรือข้าราชการเป็นศูนย์กลาง
5. การจัดกิจกรรม "คืนความรู้ให้แก่ชุมชน" หลังจากที่นักวิจัยได้เก็บข้อมูลและสร้างความรู้จากชุมชนแล้ว
6. การจัดให้มี "คุณอำนวย" ที่อยู่ในชุมชน หรือเป็นคนที่อยู่ในชุมชนตั้งแต่ดั้งเดิมยิ่งดี ทำหน้าที่ "จุดไฟ" กระตุ้น และอำนวยความสะดวกในการ ลปรร. จากการปฏิบัติจรังในชุมชน
7. "คุณอำนวย" ส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มเรียนรู้ของชาวบ้าน เพื่อให้มีความมั่นใจที่จะทดลองทำสิ่งที่แปลกแตกต่างไปจากความเชื่อเดิมๆ ได้
8. ร่วมกันจัดให้มี "สถาบันการเรียนรู้" ขึ้นในชุมชน เป็นสถาบันที่ไม่เน้นอาคารสถานที่ แต่เน้นกิจกรรม เน้นความต่อเนื่อง และเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน เน้นการที่คนในชุมชนมีสิทธิ์มีเสียงตัดสินใจกันเอง ไม่ใช่คนภายนอกมาตัดสินใจแทน หรือแย่งอำนาจเอาไปตัดสินใจ
9. หาทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เน้นที่ อบต. ให้เข้ามาจัดสรรงบประมาณเพื่อการวิจัยชุมชน และการเรียนรู้ของชุมชน สร้างความเข้าใจ (นโยบายสาธารณะ) ว่า หน้าที่สำคัญที่สุดของ อปท. คือการทำให้ท้องถิ่นเป็น "ท้องถิ่นแห่งการเรียนรู้"
10. การเริ่มต้นในพื้นที่ที่ยาก เช่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาจใช้วิธีการ People Mapping / Knowledge Mapping และอาจร่วมมือกับสถาบันอาศรมศิลป์ (รศ. ประภาภัทร นิยม และคุณมิรา ชัยมหาวงศ์) ในการเชิญชาวบ้านผู้มีประสบการณ์ในการดำเนินการที่อำเภอเกาะลันตาใหญ่ จังหวัดกระบี่ ไปร่วมดำเนินการ
สิ่งที่ผมไม่ได้พูดในที่ประชุม แต่มานึกขึ้นได้ตอนนั่งเครื่องบินกลับ ก็คืองานนี้เป็นงานยาก ต้องการความทุ่มเท ถ้ามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ต้องการทำงานนี้ให้สำเร็จจริงจัง ต้องมีผู้บริหารโครงการนี้แบบเต็มเวลา ไม่ใช่ใช้วิธีมีเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มเวลาเพียงคนเดียวอย่างที่ ศ. นพ. วีระศักดิ์ จงสู่วิวัฒน์วงศ์ บอกผมเป็นการส่วนตัว ย้ำว่าผู้บริหารคือผู้อำนวยการโครงการนี้ต้องทำงานเต็มเวลา จึงจะเกิดผลจริงจัง หรือมิฉนั้นก็จะเป็นเพียงโครงการเล่นๆ ไม่จริงจัง อย่างที่เห็นกันทั่วไป
วิจารณ์ พานิช
๒๔ มิย. ๔๙
วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง
เคยติดตามรายการ วิถีชุมชน ทางช่อง 11
สาระโยงถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น จากการเรียนรู้และร่วมแก้ปัญหาของคนในชุมชนกันเอง อยากให้มีรายการแบบนี้มากๆ ค่ะ
เห็นด้วยกับอาจารย์ ในการปฏิบัติงานและการทำวิจัยชุมชนในแต่ละครั้งควรมีที่จะให้ชาวบ้าน และองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นมามีส่วนร่วมในทางวิชาการและปฏิบัติที่จะทำให้งานวิจัยนั้นสำเร็จ