สมองเป็นวัตถุ ประกอบด้วยเซลล์ที่เรียกว่านิวโรนนับล้านๆเซลล์
ความคิดเกิดจากกิจกรรมของกลุ่มนิวโรนดังกล่าว
ความรู้สึก(Conscious)ก็เกิดจากกิจกรรมของกลุ่มนิวโรนดังกล่าว แต่ความรู้สึกไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับความคิด คือ ความคิดไม่ใช่ความรู้สึก และความรู้สึกก็ไม่ใช่ความคิด ความคิดเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีความรู้สึก เช่น การคิดของเครื่องคอมพิวเตอร์ มันสามารถคิดบวกลบ คูณหารได้ โดยที่มันไม่มีความรู้สึก และความรู้สึกก็เกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องมีความคิด เช่น การรู้สึกเจ็บ หรือการรู้สึกสัมผัสภาพที่ปรากฏที่เรตินาหลังลูกตาของเรา ซึ่งการรู้สึกสัมผัสดังกล่าวไปเกิดที่กลุ่มนิวโรนในสมองที่บริเวณการเห็น(Visual area)
ดังนั้น ผู้คิดก็คือสมอง ความคิดทุกอย่าง นับแต่การคิดบวก ลบ คิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ คิดเหตุผล คิดแก้ปัญหา คิดวางแผน คิดโครงการ คิดสร้างถนน คิดสร้างตึกระฟ้า คิดสร้างยานอวกาศ คิดสร้างงานศิลปกรรม คิดสร้างงานวรรณกรรม คิดสร้างสูตร คิดสร้างทฤษฎี ฯลฯ ล้วนแต่เกิดจากการคิดของสมองทั้งสิ้น คือสมองเป็นผู้คิด
ส่วนความรู้สึกนั้น คิดไม่ได้ ความรู้สึกไม่ใช่ผู้คิด ความรู้สึกทำหน้าที่เผยตัวของกิจกรรมการคิด เป็นช่องทางการเผยตัวของการคิด ถ้าไม่มีความรู้สึกแล้วจะไม่มีการรู้ว่าสมองกำลังคิดอยู่ เหมือนกับคอมพิวเตอร์ที่มันไม่รู้สึกว่ามันกำลังคิดอยู่ เพราะว่ามันไม่มีความรู้สึก
ความรู้สึก ความคิด สมอง จะปฏิบัติการอยู่ในห้องมืดแห่งกระโหลกศีรษะ สารต่างๆจากโลกภายนอกจะเข้ามาทางปลายประสาทที่รีเซ็ปเดอร์จะไปปรากฏที่ปลายประสาทอีกด้านหนึ่งที่เชื่อมต่อกับนิวโรนที่เปลือกสมองของแดนนั้นๆ และจะเกิดการรู้สึกสัมผัสที่แดนนั้นๆ จากนั้นสมองจะรับรู้ และคิดต่อไปด้วยตัวของสมองเอง ภายในห้องมืดแห่งนั้น สมองจะไม่มีโอกาสสัมผัสกับโลกภายนอกได้เลย นอกจากสัมผัสกับข้อมูลที่ปลายประสาทดังกล่าวเท่านั้น
สวัสดีครับ คุณ "gaa"
ขอบคุณครับ ที่เข้ามาทักทาย และขออภัยอย่างยิ่งที่ผมเข้ามาเห็ช้าไปมาก แต่ถึงแม้ว่าจะเข้ามาเห็นในวันนั้น ผมก็คงไม่รู้เรื่องข้อคิดเห็นของคุณ gaa อยู่ดี ครับ
วันนั้นดูรายการ จับเข่าคุย ที่คุณหนูดี ออกรายการ
รู้สึก ทึ่งพี่แกมาก คนเก่งสมองไวขนาดนี้ เวลาพูดจาคนฟังนั่งฟังเพลินไปเลย จริงหรือที่ว่าคนฉลาดไม่เกี่ยวกับรอยยักของสมอง ทำไมผู้มีความรู้ก่อน ๆ บอกว่า รอยยักของสมองมากทำให้คนฉลาดมากขึ้นกว่าคนอื่น แต่ฟังพี่หนูดี พูดไม่เห็นเกี่ยวเลย เป็นความรู้ใหม่
คุณน้ำครับ เคยกล่าวกันว่า คนที่มีความรู้มากๆจะมีรอยหยักดังกล่าวมาก และคิดกันต่อไปว่า เมื่อมีความรู้มากก็มักจะฉลาดมากด้วย ดังนั้ คนที่มีรอยหยักมากๆก็มักฉลาดด้วยเช่นกัน นี่เป็นข้อคดเชิงเหตุผลครับ
ยังมีข้อคิดเชิงเหตุผลต่อไปด้วยว่า ถ้าลอกเอาเซเรบรัลคอร์เท็กซ์ออกมากางเป็นผืนใหญ่แล้ว ผืนของคนที่มีรอยหยักมากกว่าจะต้องมีพื้นที่มากกว่าของคนที่มีรอยหยักน้อยกว่า และเซเรบรัลคอร์เท็กซ์นี้โดยทั่วไปแล้วจะเกี่ยวกับปัญญา ดังนั้น เมื่อมันมีพื้นที่มากกว่า มันก็ย่อมจะมีปัญญาสูงกว่านะซีครับ
อีกประการหนึ่ง นิวโรนจะตายไปวันละนับแสนนิวโรนครับ ขณะเดียวกัน มันก็ถูกสร้างเพิ่มขึ้นมาด้วย นอกจากนี้เมื่อเราเรียนรู้เรื่องใดมากๆ ปลายเด็นไดรท์ก็จะงอกแตกแขนงออกไปมากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดการไซแน็บส์กันได้มากขึ้น สิ่งนี้กระมังที่ทำให้พื้นที่ของเซเรบรัลคอร์เท็กซ์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดรอยหยักมากขึ้นกับคนที่เรียนรู้เรื่องใดๆมากๆ ครับ
ขอให้คุณค้นคว้ารายงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ดูจากวารสารต่างๆในห้องสมุดดูนะครับ พบแล้วนำมาเล่าสู่กันฟังด้วยก็จะดีครับ
ดร.ไสว เลี่ยมแก้ว
ไม่เหนรู้เรื่องเลยนิงงไปหมดเลยอะคับงง...