ป้าเจี๊ยบ
น้อง พี่ อา ป้า ครู อาจารย์ คุณ นางสาว ดร. รศ. ฯลฯ รสสุคนธ์ โรส มกรมณี

ทำไมต้องมีป้ายห้ามนำของกินเข้ามา...


คอลัมน์ Etiquette ใน Gourmet&CUISINE, January 2010
      เฮ้อ!!! 

       หันไปทางไหน  สังเกตเห็นป้ายห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามา   ติดไว้ตามที่ต่างๆ

       โดยเฉพาะหน้าห้องและในห้องทำงาน  ห้องพัก  ห้องประชุม และแม้กระทั่งในลิฟต์

       อาหารที่ถูกห้ามมากที่สุดคือ ทุเรียน

       ป้ายรูปทุเรียนถูกกากบาท สามารถพบเห็นได้ในลิฟต์และห้องพักของโรงแรมแทบทุกแห่ง ไม่เฉพาะโรงแรมในเมืองไทย  บางประเทศแถวเอเชียก็พบเห็นป้ายนี้ด้วยเหมือนกัน อย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์  ฮ่องกง

       ป้ายห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามารับประทานในห้องหรือในสถานที่ต่างๆ  เป็นปรากฏการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นในเมืองไทย   บางป้ายติดไว้ในที่ที่ตามปกติไม่ควรต้องติด  เพราะไม่ใช่ที่ที่ควรจะนำอาหารเข้าไปรับประทาน  เมื่อมีป้ายติดไว้ ก็แสดงว่าได้มีผู้ที่ไม่รู้ว่าควรปฏิบัติตนอย่างไรเกิดขึ้นแล้ว 

       ร้านอาหารหลายแห่ง มีป้ายเตือนลูกค้าว่า ห้ามนำอาหารจากภายนอกเข้ามารับประทานในร้าน มีทั้งคำเตือนแบบขอร้องอย่างสุภาพ ไปจนถึงเตือนแบบอ้างถึงบทลงโทษ

       การที่ทางร้านทำเช่นนั้นต้องเป็นเพราะเจอลูกค้าบางรายเข้ามานั่งในร้านแล้วสั่งอาหารเพียงเล็กน้อย  แต่แอบนำอาหารบางอย่างเข้ามาเพิ่ม  และเหตุการณ์แบบนี้คงจะเกิดขึ้นบ่อยจนต้องติดป้ายเตือน

       ฉันเองเคยเห็นกับตาในร้านสุกี้ที่พาครอบครัวไปรับประทาน  ซึ่งลูกค้ากลุ่มใหญ่ของโต๊ะข้างๆ มีการล้วงควักเครื่องปรุงคล้ายกับของทางร้านออกมาผสมลงในจานที่ตนสั่ง  แบบนี้ต้องมีการเตรียมกันมาก่อน.. เฮ้อ! 

       สำนักงานและหน่วยงานต่างๆ ทั้งของเอกชนและราชการ  ล้วนมีห้องอาหาร โรงอาหาร หรือศูนย์อาหาร ที่กำหนดไว้เป็นพื้นที่สำหรับการกิน

       แต่สำนักงานหลายแห่ง ติดป้ายห้ามบุคลากรของตนนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามารับประทานในห้องทำงาน      

       แม้แต่ในสถานศึกษา ทั้งระดับโรงเรียนและระดับมหาวิทยาลัย ก็มีป้ายห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามาในห้องเรียน ห้องประชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในห้องปฏิบัติการต่างๆ อาทิ ห้องคอมพิวเตอร์! 

       นี่ขนาดเป็นสถานศึกษา  ยังไม่สามารถอบรมบ่มนิสัยให้นักเรียนนักศึกษารู้ว่า ควรปฏิบัติตนอย่างไร  หรือว่าป้ายเหล่านี้คือวิธีอบรมมารยาท ?!?

       ฉันคิดว่าป้ายเหล่านี้ เป็นสัญญาณเตือนถึงอะไรบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย

       เตือนว่าคนไทย...     

       กินได้ตลอดเวลา 
      
กินได้ทุกที่ 
      
ขาดวัฒนธรรมการกิน
      
ไม่เคารพสถานที่
      
ไม่เคารพกติกามารยาท
      
ไม่รู้จักกาลเทศะ
       ทำอะไรตามใจตน
เอง
       เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตน  

       และอื่นๆ อีกสารพัด ที่ไม่ใช่สัญญาณดีเลยสักนิด...

      จะปลดป้ายพวกนี้ลงได้อย่างไร  เฮ้อ!!! (อีกครั้ง)
 
หมายเลขบันทึก: 350442เขียนเมื่อ 8 เมษายน 2010 23:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
  • ว่าจะมองเชิงบวกซักหน่อยว่า เมืองไทยเป็นดินแดนแห่งความอิ่มหนำ สำราญบานเบิก อาหาร การกินอุดมสมบูรณ์เสียยิ่งนี่กระไร
  • ในเมื่อมีอาหารการกินให้กินอย่างอุดม กฎกติกาการกินก็ถูกนำมาใช้เป็นข้อห้ามต่าง ๆ นานา
  • วัฒนธรรม enjoy eating แสดงความเป็นไทยแท้ ไม่เจือเทียม บางคนเลยไม่มีเหนียม
  • เศรษฐกิจตกต่ำ การกินไม่ตกเตี้ย หากิน ทำกิน ประดิดประดอย เพื่อให้เกิดปฏิบัติการ "การกิน"
  • กินมันทุกที่ ทิ้งมันทุกทาง ไปแห่งหนใดโค้งมนตรงไหน ก็ต้องให้ได้เห็นเศษเสี้ยว เหี่ยวซาก กากกลิ่นของการ "เหลือกิน"
  • ป้ายประกาศ ข้อห้ามขีดจำกัดต่าง ๆ ถูกนำมาติด ปิดไปทั่วเกี่ยวกับมารยาทการกินให้ถูกกาละเทศะ มีให้เห็นหนาหูหนาตาขึ้น เพื่อประเทืองความรู้สึกผู้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจกรรม การกินไม่มีวันเลิกรา 
  • เฮ้อ.....(ด้วยคนค่ะ) อาจารย์ว่าไง ว่าตามกันค่ะ หลังพิจารณาถ่องถ้วน ล้วนแท้แล้ว...
  • พักนี้จน ไม่ค่อยมีกิน เลยกลายเป็นคนดี มีมารยาทในการกินขึ้นมาซะงั้น (ฮัดเช้ย..ๆๆๆ..)
  • รัก เคารพ คิดถึง นับถือ อาจารย์อย่างสูงลิ่วค่ะ

แต่กลิ่นของทุเรียนก็......

บางสถานที่ก็ไม่ควรนำไปรับประทาน....ถึงจะชอบมากแค่ไหนก็เถอะ

<h6>เดี๋ยวนี้มารยาทและวินัยทางสังคมของคนไทยเสื่อมถอยลงทุกวันๆจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีป้ายเตือนในร้านอาหาร อย่างเช่น ห้ามสบบุหรี่ ห้ามพกปืน ห้ามนำอาหารเครื่องดื่มเข้ามาในร้าน ห้ามถ่มน้ำลาย ห้ามตดเสียงดังและห้ามเซนต์ เห็นใจเจ้าของร้านบ้างเถอะ</h6>

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท