จัดการตัวเองกับการรักษาภูมิแพ้


การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

 

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐเป็นคำพูดที่ยังใช้ได้ในปัจจุบัน มันเป็นสัจจะธรรมที่เราไม่อาจมองข้ามไปได้เลย  และคงจะจริงสำหรับคนในยุคนี้ เพราะข้อจำกัดของเวลา และอื่นๆ จ๊ะจ๋าก็เป็นคนหนึ่งที่คิดว่า ลาภที่ดีที่สุดคือการไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียนเรา เพราะช่วงหนึ่งของชีวิตจ๊ะจ๋า (อยากจะบอกว่าสมัยเรียนปริญญาโทนะคะ...ซึ่งตอนนี้จบมาได้ 4 ปีแล้ว) ก็พึ่งพบว่าตัวเองเป็นโรคภูมิแพ้...แพ้เกสรดอกหญ้า.....ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้ได้เลย   เพราะเป็นคนที่ชอบออกกำลังกาย คิดว่าตัวเองร่างกายแข็งแรง......

เรื่องมีอยู่ว่า ในช่วงที่ใกล้จะเรียนจบปริญญาโท จ๊ะจ๋าได้ใช้ร่างกายในการทำงานมากเกินไป...คิดว่าอย่างงั้นนะคะ  เพราะเนื่องจากตัวเองเรียนทางด้านชีวเคมี ต้องทำงานอยู่ที่ห้องทดลองปฏิบัติการด้านชีวเคมี (ห้องแลบ) ...ไม่ซิ..เกือบจะต้องพูดว่า ใช้ชีวิตกินนอนก็ว่าได้...แต่จริงๆ แล้วห้องแลบห้ามให้รับประทานอาหารนะคะ...เป็นสำนวนเปรียบเปรยตัวเองว่าใช้เวลาเกือบ 2 ใน 3 ของวันอยู่ในห้องแลบ และยิ่งช่วงที่ใกล้จะจบ เร่งตัวเองปิดแลบ..และพร้อมกันนั้นต้องเขียนวิทยานิพนธ์ไปด้วย ทำให้เวลากินและนอนไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าซักเท่าไหร่....ตื่น 6 โมงเช้า...เวลานอนก็ประมาณตี 3 ใช้ชีวิตแบบว่าหักโหมมาก เป็นอย่างนี้เกือบ 3 เดือน

และในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง จ๊ะจ๋าก็มีความรู้สึกว่าอยากไปพักผ่อนในช่วงเดือนนั้น ซึ่งเป็นเดือนพฤศจิกายนพอดี  จึงวางแผนไปเที่ยวเขาใหญ่ (ปากช่อง) กับเพื่อนๆ ในห้องแลบ  เมื่อเดินทางถึง เราก็ตื่นตาตื่นใจกับวิวทิวทัศน์ของขุนเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่หลากหลายสายพันธุ์ ....พอถึงที่พัก จ๊ะจ๋าและเพื่อนก็เอากระเป๋าและสัมภาระต่างๆ เก็บที่ห้องพัก หลังจากนั้น เริ่มออกเดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวบนเขาใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก พิพิธภัณฑ์ ทุ่งหญ้า ก็เป็นสถานที่สุดท้าย ก็อยากจะเก็บภาพสวยๆ  ก็แหมมมมมม ใครจะคาดคิดละคะว่าจะมีภัยอันมาเยือนโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว  ก็ภัยจากเจ้าดอกหญ้าแสนสวยเนี้ยะซิ... ก็หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้วก็เดินทางกลับมาที่พักเพื่อรับประทานอาหารในเวลาเย็น แต่ยังไม่ถึงที่พักดีเลย...จ๊ะจ๋ารู้สึกมีอาการคันผิวหนังทั้งตัวและหายใจไม่ออก.... คันจมูก จาม น้ำตาไหล หายใจติดขัด อาการมันค่อยๆๆ เริ่มแสดงผลออกมาจนในที่สุด มีผื่นคล้ายลมพิษขึ้นตามตัว...เพื่อนๆ ก็รีบพาเราส่งโรงพยาบาลเลยทันที เพราะเราคิดว่าไม่ดีแน่ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้.........ในระหว่างที่พาจ๊ะจ๋าไปโรงพยาบาล...เพื่อนๆ หลายคนก็วิเคราะห์สาเหตุ  และเพื่อนๆ ก็ลงความเห็นว่า เกสรดอกหญ้าที่มักปลิวอยู่ในอากาศตามกระแสลม  และมันก็เป็นจริง...เพราะหลังจากที่จ๊ะจ๋าไปพบหมอ....ก็ได้ยาแก้แพ้มารับประทาน...และในช่วงเวลานั้น..ท่านอาจารย์จากภาควิชาที่จ๊ะจ๋าเรียนอยู่ก็แนะนำให้ไปหาเพื่อนของท่านและได้ใช้วิธีทดสอบทางผิวหนัง Skin Test   เพื่อทดสอบว่าเราแพ้อะไร  ซึ่งวิธีนี้จะนำเอาน้ำสกัดของสารก่อภูมิแพ้ทางอ้อม โดยนำน้ำสกัดของสารก่อภูมิแพ้มาหยอดลงบนผิวหนังบริเวณท้องแขนซึ่งทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ น้ำสกัดนั้นมาจากสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อย ๆ เช่น ฝุ่นบ้าน ไรฝุ่น เชื้อราในบรรยากาศ แมลงต่าง ๆ ในบ้าน เช่น แมลงสาบ ยุง เกสรดอกไม้ และอื่น ๆ เมื่อหยอดน้ำสกัดบนท้องแขนแล้ว ใช้ปลายเข็มที่สะอาดกดลงบนผิวหนังเพื่อให้น้ำยาซึมซับลงไป แล้วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที ตุ่มใดที่ผู้ป่วยแพ้ ก็จะเป็นรอยนูนคล้ายรอยยุงกัด แพทย์จะทำการวัดรอยนูนและรอยแดงของแต่ละตุ่มที่ปรากฏซึ่งทำให้ทราบได้ทันทีว่าเราแพ้สารใดบ้าง ตุ่มใดที่ไม่แพ้ก็จะไม่มีรอยนูนแดง...จ๊ะจ๋าก็ทดสอบวิธีนี้และพบว่าเราแพ้ละอองเกสรดอกไม้และฝุ่น. 

คุณหมอท่านก็กรุณาให้ความรู้ว่า.....การแพ้ละอองเกสรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นละอองจากดอกหญ้า ดอกของวัชพืช หรือละอองเกสรดอกไม้สีสันสวยงาม ล้วนเป็นผลจากการแพ้ส่วนประกอบที่เป็นโปรตีนในเกสรของดอกไม้ ดอกหญ้าหรือวัชพืชต่างๆ แทบทั้งสิ้นด้วยเหตุที่ละอองเกสรดังกล่าวมีขนาดเล็ก มันจึงปลิวไปตามลมได้ไกลหลายกิโลเมตร ดังนั้น ในฤดูที่มีละอองเกสรอยู่มาก ผู้ป่วยจึงมีอาการกำเริบขึ้นได้ แม้ผู้ป่วยจะไม่เคยปลูกต้นไม้ ดอกไม้หรือหญ้าไว้ในบริเวณบ้านก็ตาม ....ให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ปิกนิก แคมปิ้ง งานสนาม ทำไร่ ทำสวน เล่นกอล์ฟ ในฤดูที่มีละอองเกสรชนิดที่แพ้อยู่มากในอากาศ นอกจากนี้ ควรใช้เครื่องปรับอากาศในห้องนอน ไม่ควรเปิดหน้าต่างนอน ควรใช้เครื่องฟอกอากาศชนิดที่มีแผ่นไส้กรองและเปลี่ยนแผ่นไส้กรองเมื่อครบอายุการใช้งาน หมั่นตัดหญ้าและวัชพืชในสนามบ่อยๆ เพื่อลดจำนวนเกสรของมัน ไม่ควรตากเสื้อผ้าเครื่องนอนกลางแจ้งในฤดูที่มีละอองเกสรมาก ปิดกระจกรถยนต์และเครื่องปรับอากาศ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกลให้เลือกสถานที่พักผ่อนที่มีละอองเกสรน้อย เช่น ชายทะเลและไม่ควรเที่ยวป่า ไม่ควรเปลี่ยนและเก็บเสื้อผ้าที่ใช้แล้วไว้ในห้องนอนเพราะอาจมีเกสรติดอยู่

จากข้อแนะนำที่คุณหมอท่านได้บอกไว้ จ๊ะจ๋าจะนำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และคิดว่าเป็นเพราะเราไม่ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยทำให้มีโรคเกิดขึ้น ก็กว่าที่จะรักษาให้หายใช้เวลานานเหมือนกัน ต้องพักผ่อนมากๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงสภาวะที่ทำให้เกิดโรค...........ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ฉีดยารักษาโรคภูมิแพ้ แต่ปัจจุบันจ๊ะจ๋าไม่ต้องรักษาโรคนี้แล้ว เพราะว่าพยายามรักษาสุขภาพตัวเองตลอดเวลา....

เมื่อไม่นานมานี้ จ๊ะจ๋าได้อ่านหนังสือ Reader’s Digest ฉบับเดือนพฤษภาคม 2549 ในเรื่องทางเลือกใหม่แทนการฉีดยารักษาภูมิแพ้ แต่ก่อนแพทย์จะฉีดสารก่อภูมิแพ้จำนวนเล็กน้อย เข้าสู่ร่างการและเพิ่มจำนวนขึ้นที่ละน้อย เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ข้อเสียคือ เราต้องเจ็บตัวหลายครั้ง แต่อีกไม่นานจะมีวิธีที่ช่วยให้เรารักษาตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งเข็มฉีดยา  ซึ่งได้มีการเปลี่ยนวิธีจากการการฉีดสารก่อภูมิแพ้มาเป็นวิธีกินเพื่อให้สารก่อภูมิแพ้ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านทางเดินอาหาร วิธีนี้สะดวกว่าและไม่เจ็บ.....การสัมมนาของการแพทย์อเมริกันซึ่งศึกษาข้อมูลจากงานวิจัยของยุโรป 100 ฉบับเกี่ยวกับเรื่องนี้ และได้ข้อสรุปว่ายังไม่แนะนำให้ใช้วิธีรักษาภูมิแพ้ด้วยการกิน มีรายงานการศึกษาบางฉบับพบว่า การกินสารก่อภูมิแพปริมาณสูง ไม่มีประสิทธิภาพในระยะยาว ขณะบางฉบับพบว่าการกินสารนี้ในปริมาณต่ำทำหมีประสิทธิภาพเพียงระยะสั้นยังต้องมีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อหากลไกอธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์จากห้องปฏิบัติการเกียร์อยู่ในระหว่างศึกษาเพื่อหาปริมาณสารก่อภูมิแพ้ที่เหมาะสม เมื่อประสบผลสำเร็จคาดว่าการรักษานี้จะผ่านการอนุมัติภายในปีหน้า

ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับการคนไข้โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวอีกแล้ว จ๊ะจ๋าก็ขอให้กำลังใจด้วยนะคะ แต่การที่เราดูแลและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของหมอ ก็น่าจะช่วยให้การรักษาอาการภูมิแพ้บรรเทาได้ดีขึ้น ก็อยู่ที่ตัวเราเองนะคะ...ที่จะเลือกปฎิบัติอย่างไร ......สำหรับจ๊ะจ๋าการปฏิบัติตนคือ การหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งในฤดูที่มีละอองเกสรชนิดที่แพ้อยู่มากในอากาศ  ไม่เที่ยวป่า ก็คงจะทำใจยากซักหน่อย ก็รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ  และการดูแลสุขภาพตัวเอง ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ คงช่วยได้มากเลยทีเดียว.......

     
คำสำคัญ (Tags): #เรื่องรอบตัว
หมายเลขบันทึก: 35038เขียนเมื่อ 22 มิถุนายน 2006 11:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 02:20 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ผมก็เปงภูมิแพ้เช้นกัล

แต่ผมว่าที่พี่เปงนั้นมันน่าจะเปงขั้นหนักนะ

เพราะว่าผมก็เปงเหใอนกันแต่มันไม่หนักเท่าพี่เลยอ่า

ผมเปงแบว่ามีผื่นคันขึ้นเมื่อโดนของขูดขีดรอบขวนก็มำให่ขึ้นแล้วคุนมากต้องเกาจนลามไปเปงแผ่นๆๆเลยมันช่ายทรมานมาก ขอบอกว่าไม่อยากให้มันมาเปงส่วนหนึ่งของชีวิตเราเลยเน้อพี่ ว่ามะ

ผมเกลียดมันที่สุดเลยมันทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปได้จริงๆๆ

แล้วสำรับคนที่เป็น ภูมิ แพ้ ตลอดหล่ะ แบบว่าเป็นทั้งวัน ทุกฤดู ทั้ง ฝน หนาว แล้ง ร้อน จาม ทั้ง วันน น้ำ มูก ไหล ทั้ง วัน ตาแดง ทั้ง วัน ไม่เป็นอันกินอัน นอน ต้อง มี กระ ดาษ ทิชชู่ เป็นเพื่อน ทั้ง วันอย่างงี้ เรา ควจะหลีกเลี่ยง อารายได้มั่ง อ่ะ

เบื่อกะ โลก แบบนี้มากมาย นั่ง เป่า ฟองน้ำ มูก ทั้ง วัน ใครมีเคร็ดลับไร ดีดีดีดี ช่วยบอกต่อ บ้างนะ จร๊า

ตอนนี้มีกินแก้ภูมิแพ้ตัวนึงค่ะ หมอแนะนำเป็นนวตกรรมใหม่จากอเมริกา มันทำมาจากผลไม้ สกัดออกมา ได้ผลหลายคนมากค่ะ ชื่อว่า EXo เป็นเจลซองสีม่วงๆ

เรากินแก้ไมเกรนกับภูมิแพ้ ตอนนี้เราหายจากไมเกรนแล้ว ไม่ต้องกินยาหมอ

ก้อฝากบอกเรื่องดีๆแบบนี้กับเพื่อนๆ ค่ะ

ฟ้า 0878465488

มียารักษาภูมิแพ้ครับ รักษาหาย แน่นอนครับ มียานำเข้าจากอเมริการ ใครสนใจเบอร์ 0823552741 เทพ รับรองหายขาดครับ ขวดละ1000 ไรผลข้างเคียง สำหรับคนที่เป็นหวัด จามบ่อยๆๆ มากๆๆ ไม่แนะนำให้กิน ยาครับ ผมเป็นรักษาหายมาแล้วกับยานี้ ติดต่อมาได้เลยครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท