ผมเคยเล่าถึงประสบการณ์การช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของผู้เข้าอบรมโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ดูแลเด็ก
เพื่อเพิ่มประสิทธภาพการดำเนินงานสู่การเป็นศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่
รุ่นที่3 ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือนที่แล้ว( พ.ค.2549)
และได้รับความสำเร็จ ที่ผมกล้าพูดอย่างนี้เพราะว่า
มันเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจริงๆ
และความรู้ต่างที่ผู้เข้าอบรมได้นำกลับไปปฏิบัติงานจริงทันทีนั้นก็คือสิ่งที่พวกเขาได้จดและบันทึกกันไปนั้นเอง
ผมได้รับโทรศัพท์ขอบคุณจากคุณ พี่ละเอียดครูพี่เลี้ยงจากจังหวัดสุรินทร์ว่าจะขอนำประสบการณ์ที่ได้รับและได้นำไปปฏิบัติมาแลกเปลี่ยน(มาอวดนั้นแหละครับ)ให้ผู้เข้าอบรมรุ่นที่
4 ฟังแล้วก็รู้สึกดีใจมากเลยครับ
พี่เขาบอกว่าความรู้จากการอบรมก็หาอ่านได้จากเอกสารที่แจกไปแต่สิ่งที่คุ้มจริงๆคือเรื่องที่ได้เล่าสู่กันฟังระหว่างผู้เข้าอบรมด้วยกันนั่นเอง.....
อยากรู้ไหมครับเกิดอะไรขึ้นในรุ่นที่ 4
หนทางไม่ได้โรยไปด้วยดอกกุหลาบเสมอไปบริบทของผู้เข้าอบรมรุ่นที่ 4
แตกต่างออกไปจากทุกรุ่นที่ผ่านมา เพราะมีความซับซ้อนมากมาย คือมี
นักวิชาการ มีครูพี่เลี้ยง มี เจ้าหน้าที่อื่นๆ
ที่สำคัญเนื่องจากเป็นรุ่นสุดท้าย
จึงมีทั้งผู้สมัครใจมาอบรมและผู้ถูกบังคับมาอบรมหรือไม่ค่อยเต็มใจมาอบรม
ความแตกต่างเหล่านี้ นำมาซึ่งการแก้โจทก์ที่ยากมาก
ผมเลยได้ข้อคิดอะไรหลายอย่างในการทำ KM คือ
1.จะสำเร็จเพราะความภูมิใจในตัวเอง
2.จะสำเร็จเพราะความเชื่อมั่นในความสามารถของคนอื่น(เปิดใจ)
3.จะสำเร็จเพราะสำนึกรับผิดชอบ และที่สำคัญ
4.ให้รู้ไว้เสมอว่าคนเราแตกต่างกัน
5.แม้องค์ประกอบต่างๆจะเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบอย่างไรก็ตามแล้วยังทำไม่ได้อีก
ก็ต้องรู้ไว้เลยว่า
โลกนี้ไม่มีความยุติธรรมอยู่หรอก.........ก็แค่นี้เองสู้ต่อไปนะทาเกชิ
....แต่อย่างไรเสียก็เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันจนได้แม้ว่าจะไม่เหมือนรุ่นที่แล้ว
เพราะความแตกต่างนะแหละครับ เลยเป็นการจับกลุ่มแบบเป็นกระจุกๆ
ก็ยังดีครับ
ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบแข่งขันกันสักเท่าไหร่
เพราะเรื่องการเรียนรู้ไม่น่าเอามาแข่งกัน
คนที่สามารถเรียนรู้ได้มากก็ใช่ว่าจะนำไปใช้ได้ทั้งหมด
บางคนเสียอีกรู้ไม่กี่อย่างหรอกแต่ลึกซึ้งและเป็นผู้นำในเรื่องนั้นๆได้
แล้วพบกันอีกครับ...