วันนี้ทั้งวันระบบ network ของ มอ.ไม่เป็นใจให้ดิฉันสามารถทำอย่างที่ตั้งใจไว้ได้คือการรายงานสดการ ประชุม CKO ของคณะ หน่วยงานใน มอ.ซึ่งมีอยู่กว่า 50 หน่วยงาน ในช่วงเช้าวันนี้เอง 2 หัวแรงใหญ่เริ่มนำกระบวนการ
ท่านรองฯ วรัญ ตันชัยสวัสดิ์ และท่านรองฯ พิชิต เรืองแสงวัฒนา
เติมเต็มด้วยคุณเอื้อ จากคณะแพทย์ (คุณหมอปารมี) เล่าอย่างมีสีสรรว่า เมื่อมารับตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาก็ผลักดันให้เกิดโครงการที่ส่งเสริมให้เกิดความรับผิดชอบในเป้าหมายงานร่วมกัน อย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนในภาคที่ มีความหลากหลายทั้งลักษณะของงานและคุณวุฒิการศึกษาและตำแหน่งหน้าที่ มีกรอบการร่วมกันทำอะไร ที่มีเป้าหมายร่วมกันเน้นที่ระดับปฏิบัติ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีหัวหน้างานเป็นหัวหน้าทีม
สิ่งที่เกิดจากโครงการคือ
สัมพันธภาพที่เพิ่มขึ้นมีการข้ามกลุ่มงานกันมากขึ้น มีงานอื่นๆ ที่รับผิดชอบร่วมกันเป็นทีม นอกเหนือจากภาระงานประจำ มีการพัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้น เรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ การนำเสนอ การลำดับความคิดในการพูด การถ่ายทอดความคิดตัวเองสู่ผู้อื่น การรับฟังมุมมองที่แตกต่าง ฯลฯ โดยที่สมาชิกไม่รู้จัก KM มาก่อน
คุณเอื้ออีกหลายท่าน ร่วมเล่าประสบการณ์ในสิ่งที่หน่วยงานพยายามทำให้งานดีขึ้น โดยวิธีการต่างๆ ส่วนใหญ่ยังขาดขั้นตอนการลิขิต เก็บเป็นความรู้เพื่อการนำไปใช้ต่อจากเวทีหรือจากการทำโครงการ มีการถามถึง การรวมตัวเป็นชุมชนแนวปฏิบัติ เพราะในการประชุมกรรมการคณะหรือการประชุม ที่ทำกันอยู่ปกติก็มีการถกแถลงแลกเปลี่ยน กันอยู่แล้วและมีการบันทึกสาระจากการประชุม มติการประชุม
ท่านอาจารย์พิชิต ขมวดประเด็น ว่า อะไรก็ตามที่ท่านทำอยู่โดยคนหน้างานเพื่อวัตถุประสงค์ให้งานดีขึ้น โดยอาศัยประสบการณ์ของคนหน้างานในการช่วยกันมอง ช่วยกันพัฒนาและแก้ปัญหาร่วมกัน นับเป็นกระบวนการจัดการความรู้ได้ทั้งนั้น แต่ขอให้เพิ่มเติมให้มีการเก็บประเด็นสาระการแลกเปลี่ยน นำขึ้นบนเว็บของคณะ หน่วยงาน กำหนดคำสำคัญ ให้สืบค้นได้ง่าย ซึ่งประเด็นนั้นในวันนี้อาจยังไม่สุกงอมพอ ที่จะทำได้ในวันนี้แต่ขอให้บันทึกไว้ เพื่อว่าเมื่อเวลาอำนวยหมายถึงสถาณการณ์สุกงอมเต็มที่ ความคิดนั้นจะได้หยิบมาใช้และอ้างอิงได้ เรื่องนี้เคยแลกเปลี่ยน แล้วเมื่อไหร่ โดยใคร อย่างไร และ ร่วมกันเขียนกันบันทึกประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานในแต่ละวัน ทุกสัปดาห์ ตามแต่จะถนัดทำให้บ่อยจนเป็นนิสัยได้จะดีมาก เพื่อเป็นการถ่ายทอดบนระบบ IT ส่งเสริมการเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลาสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ร่วมในวงเหตุการคนหนึ่งมีบทบาทได้หลายบทบาทตามแต่ "วง"ที่เราเข้าไปสัมผัส
ในการพูดคุยวันนี้ตกลงกันว่าจะมีการ F2F เดือนละครั้ง เพื่อให้เกิดการเหนี่ยวนำกันในการขยายวง และจะมีการ P2P และ M2M และจะผลักดันไปสู่ B2B ในที่สุด
ท้ายสุดเป็นประโยคฝากทิ้งท้ายจากท่าน รองฯวรัญ คุณเอื้อ คนปัจจุบัน ของ มอ.ว่า"ผมขอให้การจัดการความรู้เนียนอยู่ในเนื้องานประจำ ขออย่าได้มองเป็นสิ่งใหม่" ท่านทำได้ในงานประจำที่มีอยู่แล้ว ในฐานะส่วนกลาง จะประสานเครือข่ายภายใน และดูเรื่องรางวัลต่างๆที่จะช่วยเพิ่มสีสรรบรรยากาศ
เชื่อแน่ว่าทุกวันนี้ คนหน้างานอย่างเรา พยายามปรับตัวเพื่อรับเอาสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามา (ซึ่งใหม่เฉพาะชื่อ แต่บางเรื่องเป็นสิ่งที่เราทำแล้วโดยไม่รู้ตัว) ให้เนียนจนกลายเป็นเนื้องานประจำ และพยายามปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นวัฒนธรรมการทำงานของแต่ละคน ยิ่งถ้าได้รับการสนับสนุน แรงกระตุ้น แรงผลัก และแรงเสริม จากผู้บริหาร ซึ่งถือว่าเป็นเฟืองจักรสำคัญในการเสริมสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อแน่ว่า บรรยากาศการเอื้ออาทร และการแบ่งปัน ความรู้ ย่อมมีขึ้นในองค์กรอย่างแน่นอน ถ้าเป็นไปได้ หากมีเวทีใดที่ผู้บริหารระดับสูง (อธิการบดีหรือรองอธิการบดีผู้รับผิดชอบ) สามารถถ่ายทอดแนวคิดเรื่องการจัดการความรู้ดังกล่าวให้ผู้บริหารทุกระดับ (หัวหน้าภาควิชา/ผู้อำนวยการกอง/เลขานุการคณะฯ) และบุคลากรโดยเฉพาะในการปฐมนิเทศบุคลากรใหม่ ได้ซึมซับแนวคิดในเรื่องดังกล่าวด้วย ก็จะเป็นการดีนะคะ ฝากคุณ Pam ด้วยนะคะ
อ่านบันทึกนี้พร้อมๆกับชมภาพประกอบ รู้สึกอบอุ่นอย่างมาก....ทำให้รู้สึกว่ามี "พลัง" ที่จะร่วมกันสร้าง KM ให้อยู่ในใจพวกเราชาว ม.อ. ทุกคน