แรกเกิดเป็น "เพศ" อะไรเอ่ย?


แม่ไก่เมื่อฟักไข่ออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ ถามว่าลูกเจี๊ยบที่เกิดมาเป็นเพศอะไร?

          ตอนเย็น ๆ อากาศดี ๆ นั่งดูทีวีด้วยความสบายใจ เปิดเจอรายการเด็กน่ารัก ๆ สู้เพื่อแม่ มีพิธีกรอารมณ์ดี คุณธงชัย ประสงค์สันติ กับเด็กน้อยไร้เดียงสาน่ารักดีแถมฉลาดอีกต่างหาก อายุคงประมาณ 5-6 ขวบได้กระมัง ดูไปนั่งยิ้มไปด้วยความสดใสน่ารักของเด็กที่ไร้ซึ่งจริต เด็กเดี๋ยวนี้ช่างคิด ช่างพูด ช่างเจรจาเหลือเกิน

          ดูไปเกือบจบรายการ กับ 5 คำถามสุดท้าย เป็นหมวดของสัตว์ แต่คำถามที่โดนใจ (ตน) คนดูมากที่สุด คือ แม่ไก่เมื่อฟักไข่ออกมาเป็นลูกเจี๊ยบ ถามว่าลูกเจี๊ยบที่เกิดมาเป็นเพศอะไร? ก่อนจะได้คำตอบจากเด็กน้อยซึ่งทำหน้างง ๆ รายการก็ถูกคั่นด้วยโฆษณาซึ่งเป็นเทคนิคให้ผู้ชมติดตาม ในระหว่างรอรายการความคิดตนก็แล่นไปไกลถึงโรงเรือนเลี้ยงไก่ชนของพ่อที่บ้าน นั่นนะซิเพศผู้หรือเพศเมีย ไม่เคยถามพ่อด้วยซิว่าลูกเจี๊ยบแรกเกิดมันเป็นเพศอะไร? แต่ในสมองก็เกิดความคิดที่เข้าข้างตนว่าน่าจะเป็นเพศเมียมากกว่าเพศผู้ เพราะเท่าที่ดู ๆ หน้าตาลูกเจี๊ยบเหมือนแม่ไก่มากกว่าพ่อไก่ พอมันโตขึ้นคงจะวิวัฒนาการต่อไปจนมีเพศเป็นของตัวเองกระมัง ก็น่าจะเป็นเพศเมียแน่ ๆ

           พอจบโฆษณาใจก็จดจ่อรอคำตอบของเด็กน้อย พิธีกรมีคำตอบ 3 ตัวเลือก คือ หนึ่งเพศผู้ สองเพศเมีย สามถูกทุกข้อ เด็กน้อยรีบตอบทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด หนูตอบข้อสามค่ะ...ถูกทุกข้อ ทุกคนในรายการนั่งยิ้มกับคำอธิบายถึงเหตุผลของเด็กน้อย ก็เพราะลูกเจี๊ยบมีตั้งหลายตัวบางตัวก็เป็นเพศเมียบางตัวก็เป็นเพศผู้ หนูตอบถูกทุกข้อค่ะ พ่อกับแม่ที่นั่งดูลูกสาวถึงกับยกนิ้วให้ลูกพร้อมกัน คำเฉลยของพิธีกรทำให้เด็กน้อยดีใจจนยิ้มแก้มปริ

           มองมาถึงตรงนี้ ตนก็นั่งคิดไปถึงการดำเนินชีวิตของคนในทุกวันนี้ โดยส่วนใหญ่แล้วคนมักด่วนสรุปเมื่อเห็นอะไร หรือโดนถามคำถาม มักจะคิดและตอบไปตามที่ตนเห็นว่าต้องเป็นอย่างโน้นต้องเป็นอย่างนี้ตามแต่ใจจะคิดไป ตามแต่ประสบการณ์ที่ได้พบเจอ หากแต่ไม่ได้พิจารณาไตร่ตรองหรือฟังความให้จบก่อนแล้วจึงคิด มักจะทำก่อนคิดเสมอจึงเป็นที่มาของการเกิดทุกข์ ในทางพระพุทธศาสนาถึงได้สอนทางเกิดปัญญา มี 3 ทาง คือ (หนึ่ง) ปัญญาที่เกิดจากการเล่าเรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ด้วยการฟัง การอ่าน การสังเกต การรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสอื่น ๆ (สอง) เมื่อได้ฟังได้เล่าเรียนมาแล้วก็ยังเชื่อไม่ได้ต้องมานั่งพิจารณาหาเหตุผลก่อนที่จะเชื่อหรือทำ แต่ก็ใช่จะปักใจเชื่อได้ไม่ต้องต่อด้วยข้อ (สาม)  ปัญญาที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติจนรู้แจ้งเห็นจริงว่านี่แหละ คือ ปัญญา หาใช่เพียงเชื่ออะไรงมงายแล้วตัดสินว่าถูกต้องแล้ว โดยไม่ได้คิดพิจารณาหาเหตุผล

 

หมายเลขบันทึก: 34853เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2006 22:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ในการตอบคำถามและระบบการคิดของเรา  ส่วนใหญ่มักเกิดจาก ประสบการณ์ และการเรียนรู้  ที่แต่ละคนได้รับมา  เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมนุษย์เราถึงคิดไม่เหมือนกัน !!  เพราะสิ่งที่ได้เรียนรู้และประสบการณ์ของแต่ละคนต่างกันนั่นเอง  ...จึงทำให้วิธีคิดแตกต่างกัน   อีกทั้งจะเห็นได้ว่าบางคนเรียนรู้ในสิ่งนั้นหรือสิ่งนี้ได้ดีกว่าอีกคน  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  ก็เนื่องมาจากว่า....มนุษย์เรามีความฉลาดแตกต่างกันนั่นเอง  (Multiple  Intellgences)   แต่ในทางการศึกษาบอกว่าเราควรจะพัฒนาให้ตนเองมีความฉลาดให้ครบทั้ง 8 ด้านเพื่อให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข แล้วท่านทั้งหลายหละ  !!  มีความฉลาดครบทั้ง 8 ด้านหรือยัง  อิอิ....  (แป่ววว...วนมาเรื่องนี้ได้ไงหว่า....เหอ ๆ)

    จริง ๆ แล้วไม่ได้หายไปไหนคะอาจารย์ เข้ามาอ่านบทความเรื่อย ๆ คะ  แต่ว่าบางทีไม่มีเวลา post แสดงความคิดเห็นคะ  ถ้าอย่างไรจะพยายามเข้ามา post  บ่อย ๆ นะคะ  คิดถึงอาจารย์ทุก  ๆ คนเลยคะ  อิอิ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท