"ดิน" กับความเป็นคน


ในขณะที่เท้าได้ก้าวเดินบางครั้งเราก็ต้องยอมถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าดูบ้าง


         
เชื่อว่าหากชีวิตนี้ทุกคนเลือกได้ คงเลือกที่จะทำให้หมู่มวลมนุษยชาติมีความสุข คงไม่เลือกที่จะทำให้ใครคนใดต้องบาดเจ็บ ต้องเสียใจกับการกระทำของตน ไม่ว่าจะเป็นทางกาย วาจา ใจ แต่หนทางชีวิตที่ตนเลือกได้ คือ เลือกที่จะไม่ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น เลือกที่จะทำชั่วให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

          ในขณะที่ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน หากแม้ไม่รู้เลยว่าช่วงเวลาใดบ้างที่ตนได้ทำให้ใครคนใดที่แวดล้อมอยู่รอบ ๆ กาย ต้องบาดเจ็บและเสียใจกับการกระทำของตนบ้าง บางครั้งสิ่งนั้นอาจจะเล็กเท่าผงธุลีดินที่ตนอาจมองไม่เห็นและไม่เคยรับรู้มันเลย แต่คนที่รักและแคร์ความรู้สึกของเราเขากำลังนั่งร้องไห้ บางครั้งการที่ตนได้ก้มลงมองเศษผงธุลีดินบ้างมันก็ทำให้ตนเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในคุณค่าของความเป็นคน ได้มองลงมาที่ต่ำไม่ทะเยอทะยานใฝ่สูงจนเกินตัว บางคนอาจคิดว่าก็เพราะมัวแต่ก้มลงมองแต่เศษธุลีดินชีวิตถึงไม่เจริญขึ้นสักที ถามกลับกันว่าไอ้ที่คุณเจริญขึ้นมาได้นั้นคุณใช้เวลากี่วินาทีและได้เหยียบหัวใครกี่คนเพื่อให้คุณได้หยัดยืนอยู่บนที่สูง

          คนส่วนใหญ่มักละเลยรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ จนแทบจะไม่มีใครนึกถึงมันเลย แต่ตนกลับมองว่ายิ่งเราเก็บรายละเอียดสิ่งใดได้มากที่สุดก็เท่ากับเรามีชัยไปกว่าครึ่ง ในขณะช่วงชีวิตหนึ่งที่ได้สัมผัสกับความเป็นคนที่แท้จริง พบว่า บ่อยครั้งมากที่คนเรามองข้ามความเป็นคนไป แท้ที่จริงแล้วคนมักจะหลงระเริงกับกิเลส ตัณหา ราคะ หลงมัวเมาในความรัก โลภ โกรธ หลง จนลืมนึกไปว่าความเป็นคนจริงแท้คืออะไร?

          การทำลายซึ่งมิตรภาพ การแหวกฝูงชนเพื่อให้ตนได้ยืนอยู่แถวหน้า การเดินเชิดหน้าชูตาโดยไม่แม้แต่จะก้มลงมองพื้นผิวดิน เหล่านี้ใช่ความสุขที่แท้จริงของคนหรือไม่? หากคำตอบคือไม่ใช่...เราลองมาปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิตด้วยการรักษาไว้ซึ่งมิตรภาพโดยการสนใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา การจูงมือมิตรเพื่อเดินไปในเส้นทางชีวิตเดียวกันเพื่อจะได้ถึงเส้นชัยพร้อม ๆ กัน หากแม้แต่มีปัญหาระหว่างทางเดินก็จะได้ช่วยกันแก้ไข หากแต่มีความสุขก็จะมีแต่รอยยิ้มให้กันตลอดเส้นทางเดิน และเส้นชัยที่ก้าวไปถึงก็จะมีแต่ชัยชนะด้วยกันโดยไม่มีใครแพ้แม้แต่คนเดียว ในขณะที่เท้าได้ก้าวเดินบางครั้งเราก็ต้องยอมถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าดูบ้าง เพื่อจะได้ทราบถึงการสัมผัสเท้าบนพื้นผิวของโลกว่าที่ตรงไหนมีความร้อน ความเย็น ความอุ่นมากน้อยเพียงใด หากแค่เราได้ใช้เท้าสัมผัสดินก็จะรู้ว่าดินที่แหล่งใดมีความนุ่ม ความแข็ง แตกต่างกันอย่างไรบ้าง หากแต่เมื่อเราได้ก้มลงใช้มือสัมผัสดินก็จะได้ทราบว่าความละเอียดอ่อนของดินละเอียดมากกว่าทราย มากกว่ากรวด มากกว่าหินขนาดไหน เหล่านี้คือรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนเรามักมองข้ามเลยไปในขณะเดินบนเส้นทางชีวิตอย่างน่าเสียดาย
หมายเลขบันทึก: 34686เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2006 19:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 01:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • มิตรภาพเป็นสิ่งจำเป็นนะครับ

 

คุณ "ขจิต"

นึกแล้วเชียวว่ามิตรแท้คนแรกที่ต้องเจอคือใคร...
ขอบคุณค่ะที่ไม่เคยทิ้งกัน คุณ "ขจิต" หาน้องนิวเจอหรือยัง หากเจอแล้วฝากบอกด้วยว่าพี่สาวคนนี้...คิดถึงอย่างแรง

  ซาบซึ้งและเห็นคุณค่าของ ดิน และ น้ำ อย่างยิ่งครับ ดินแห้งเมื่อขาดน้ำ  น้ำขาดดินก็อยู่ไม่สงบเพราะต้องไหลลงต่ำไปเรื่อยๆ บางครั้งก็ถูกแผดเผาให้ต้องล่องลอยไปอย่างไร้ที่หมาย  ดินอุ้มน้ำให้ได้อยู่อย่างสงบ และดินเองก็ฉ่ำเย็นด้วยอานุภาพของน้ำ ถ้าเป็นได้อยากขอเป็นผืนหญ้าที่จะได้ปกป้องพื้นดินและอุ้มน้ำให้อยู่กับดินนานๆ แล้วเราทั้งสามคือ ดิน น้ำ และ หญ้า จะได้ปกป้อง รักษา และเกื้อกูลต่อชีวิตน้อยใหญ่อีกมากมาย ร่วมกัน

คุณครู "Handy"

ซาบซึ้งอีกแล้วค่ะ...สำหรับความคิดเห็นอันทรงคุณค่าชิ้นนี้
จับใจประทับในดวงจิตไม่รู้คลาย 

ชอบความเห็นส่วนนี้จังค่ะ 

"ถ้าเป็นได้อยากขอเป็นผืนหญ้าที่จะได้ปกป้องพื้นดินและอุ้มน้ำให้อยู่กับดินนาน ๆ แล้วเราทั้งสามคือ ดิน น้ำ และ หญ้า จะได้ปกป้อง รักษา และเกื้อกูลต่อชีวิตน้อยใหญ่อีกมากมาย ร่วมกัน"

มิตรภาพเป็งสี่งที่ดี

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท