การทำ”ดีท็อกซ์”


การทำ”ดีท็อกซ์”ล้างสารพิษด้วยกาแฟบริสุทธิ์

การล้างสารพิษด้วยกาแฟที่ดูดซึมผ่านลำไส้ใหญ่

1.เหตุใดจึงต้องเสนอข้อมูลใหม่เกี่ยวกับการล้างสารพิษด้วยกาแฟ

เพราะขณะนี้การสวนล้างลำไส้ใหญ่มีกระแสนิยมเพิ่มมากขึ้น ผู้สนใจมักจะหาอ่านหนังสือเกี่ยวกับการทำ”ดีท็อกซ์”ที่ตีพิมพ์มานานอย่างน้อยสองปีขึ้นไปหรือที่พิมพ์ใหม่ก็ไม่ได้แก้ไขเพิ่มเติมความรู้แต่อย่างใด
2.หลังจากสวนน้ำกาแฟเข้าไปในลำไส้ใหญ่แล้วให้นอนตระแคงขวาและคู้เข่าควรอั้นไว้นานเท่าไหร่
ในปัจจุบันสถาบันที่สอนการทำ”ดีท็อกซ์”ในสหรัฐอเมริกากำหนดให้อั้นไว้ 12 นาที เพราะสถิติจากผู้ที่ทำ”ดีท็อกซ์”กว่า10,000 คนพบว่าถ้าอั้นนานกว่า 15 นาที จะมีกาแฟจำนวนหนึ่งถูกดูดซึมผ่านตับไปยังกระแสโลหิตมีผลให้พวกที่ไวต่อฤทธิ์ของกาแฟมีอาการใจสั่น นอนไม่หลับ ปัสสาวะบ่อย และที่สำคัญบางคนมีอาการติดกาแฟ ถ้าอั้นไว้แค่ 12 นาทีจะไม่มีอาการนอนไม่หลับหรือใจสั่นแต่อย่างไร
3.การทำการสวนล้างพิษทางลำไส้ใหญ่จะทำให้เป็น มะเร็งลำไส้หรือไม่
ดอคเตอร์ ลี วัตเทนเบร์ก พบว่าในกาแฟ มี คาวีออล และคาเฟสตอล ปาลมีเตต ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ตับสร้างเอ็นไซม์ กลูตาไธโอน เอส ทรานเฟอเรส ซึ่งมีฤทธิ์ในการทำลายพิษของอนุมูลอิสระในเลือด รวมทั้งสารก่อมะเร็งต่างๆ
สถาบันเกอร์สันใช้การสวนล้างสารพิษในลำไส้ใหญ่ด้วยกาแฟเป็นหนึ่งในขบวนการรักษาโรคแห่งความเสื่อมรวมทั้งมะเร็ง
การทำการสวนล้างพิษทางลำไส้ใหญ่จะไม่ทำให้เป็น มะเร็งลำไส้ แต่เป็นหนึ่งในวิธีการรักษามะเร็ง

4.มีผู้ทำ”ดีท็อกซ์”แล้วมีอาการร้อนในปากเปื่อยเพราะอะไร
เป็นเพราะขาดวิตามิน บี 12 บางคนยังมีอาการซีดเพราะโลหิตจางด้วย ดร.บาล์สแนะนำให้ ผสมสกัดตับ และวิตามิน บีคอมแพลก ลงไปในน้ำกาแฟก่อนสวนทวารหนัก เพื่อป้องกันการขาดวิตามินและเสริมตับให้แข็งแรงมากขึ้น อนึ่งสกัดตับมีวิตามิน บี 12 เพียง 10 ไมโครกรัมหรือ0.01 มก เท่านั้น บางคนใช้วิตามิน บี 12 ที่ผลิตมาเพื่อรักษาโรคโลหิตจาง ที่มีวิตามินถึง 1,000 มก. ซึ่งมากไปไม่เหมาะสำหรับผสมในน้ำกาแฟ”ดีท็อกซ์”
5.มีผู้สงสัยว่า ลำไส้ใหญ่ดูดซึมวิตามินได้หรือไม่
ในหนังสือกูแน่ ของ ดร.สาทิส อินทรกำแหง หน้าที่ 106 บอกว่า “ความสำคัญของลำไส้ใหญ่อีกประการหนึ่งก็คือเป็นตัวสร้างวิตามินกลุ่ม B Complex ทั้งนี้โดยเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ที่เราเรียกว่า Symbiotic Bacteria เป็นตัวสร้างขึ้นมา” ก็สร้างจากกากอาหารในลำไส้ใหญ่ เป็นทั้ง วิตามิน เค วิตามิน บีคอมเพล็ก วิตามิน บี 12 ที่จะถูกดูดซึมจากลำไส้ใหญ่ไปบำรุงร่างกายต่อไป
หนังสือเปรสคริบชั่น ฟอร์ นิวทริชั่นนาล ฮีลลิ่ง ของ ดร.บาลซ์ ฉบับพิมพ์ที่ 3 เล่ม ปี 2000หน้าที่706 ว่า “ ให้ใส่ วิตามิน บี คอมเพล็กและสารสกัดตับ 2 ซีซี ในน้ำกาแฟที่จะใช้สวนทวาร เพื่อทดแทนการสูญเสียของวิตามิน บี คอมเพล็กและเสริมสร้างตับใหม่”

6.ทำไมจึงควรทำ”ดีท็อกซ์”ทุกวัน
การทำ สวนทวารฯ ถ้าทำตามคำแนะนำของ นายแพทย์ กอนซาเลส จบการศึกษาจากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอร์เนล รัฐนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา และปัจจุบันเป็นผู้ชำนาญด้านภูมิต้านทาน
น.พ. กอนซาเลส ได้กล่าวว่าคนไข้ของท่านสบายขึ้น หลังจากการสวนทวารฯ จากการติดตามผลนับพันรายในรอบสิบปีทุกรายบอกรู้สึกดีมาก ตัว น.พ.กอนซาเลส เองได้ทำ สวนทวารฯ ทุกวัน มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524)
ดอคเตอร์เบอนาร์ด เจนเซน นักโภชนาการ แนะนำให้ทำการสวนล้างพิษทางลำไส้ใหญ่ทุกวัน สำหรับพวกที่อุจจาระเหนียว เป็นก้อนแข็ง ลำไส้ใหญ่ทำงานผิดปกติทำงานมากไป หรือทำงานน้อยไป โดยเฉพาะพวกที่ติดยาถ่าย หรือชาชงที่มีส่วนผสมของใบมะขามแขก
7.การทำการสวนล้างพิษทางลำไส้ใหญ่จะทำให้ลำไส้บางหรือไม่
การสวนล้างพิษทางลำไส้ใหญ่จะทำให้ลำไส้ไม่ทำให้ลำไส้บางตรงกันข้ามกลับเป็นการป้องกันไม่ให้ก้อนอุจจาระที่แข็งมากๆไปขูดผนังลำไส้จนบางครั้งทำให้มีเลือดฉาบออกมากับก้อนอุจจาระ เพราะน้ำกาแฟที่ใช้สวนล้างพิษทางลำไส้ใหญ่ 1,000-1,200 ซีซี จะไปละลายก้อนอุจจาระให้เหลว ถ่ายสบายไม่ต้องเบ่ง

8.การขับถ่ายทุก 3 วันจะมีกากอาหารค้างอยู่อย่างน้อย 11 มื้ออาหารและถ้าอาหารประกอบด้วยเนื้อสัตว์กากอาหารจะกลายเป็นสารพิษ รายละเอียดมีอยู่ในหนังสือเป็นมะเร็งทำอย่างไรฯ
กากอาหารไม่ควรติดค้างในลำไส้นานเกิน 48 ชั่วโมงจึงควรทำ ”ดีท็อกซ์”ทุกวัน หรือถ้าไม่มีเวลาจริงๆควรทำ”ดีท็อกซ์”อย่างน้อยอาทิตย์ละสองวันติดต่อกัน(ทำวันเว้นวันไม่ได้ผลต้องทำติดต่อกัน)
9.การสวนล้างพิษทางลำไส้ใหญ่ทุกวันนานวันเข้าจะทำให้ถ่ายเองไม่ได้หรือไม่
ถ่ายเองได้แน่นอนเพราะการสวนล้างพิษทางลำไส้ใหญ่ตามปกติ จะต้องรับประทานขมิ้นชันขององค์การเภสัชกรรม 2 แคปซูล ก่อนทำการสวนล้างพิษฯครึ่งชั่วโมงกับน้ำแก้วใหญ่ แล้วไปนั่งถ่ายหลังจากถ่ายแล้วจึงทำการสวนล้างพิษฯ ดังนั้นการสวนล้างสารพิษกี่ครั้งก็ต้องถ่ายได้เองทุกวันอยู่แล้ว แต่ในกรณีที่เป็นโรคท้องผูก 3วัน5วันถ่ายทีเวลาถ่ายต้องเบ่งจนคอเคล็ด
การทำการสวนล้างพิษฯจะช่วยละลายก้อนอุจจาระที่แข็งให้ละลายในน้ำกาแฟทำให้ ถ่ายสบาย ถ้าวันรุ่งขึ้นอยากถ่ายสบายจะต้องรับประทานข้าวกล้องให้ได้ วันละ 5 ทัพพี กับน้ำวันละ 8 แก้ว เดินออกกำลัง 20 นาที ตามวิธีในหนังสือมะเร็งฯของ หมอสุวัฒน์ สินสุวงศ์ บ.ว

"ท่านเชื่อหรือไม่...แต่ผม ตอนนี้ยอมรับแล้วครับ หลังจากที่ผมฟื้นตัวจากป่วย ในระยะฟื้นฟูร่างกาย ผมทำดีท็อกซ์ ทุกสัปดาห์ แรกๆก็ไม่สนใจ แต่แม่บ้านบังคับให้ลองทำดูก็รู้สึกดีขึ้นเป็นลำดับ แรกๆอาจจะยุ่งยากสักหน่อยพอทำไปนานๆจะปรับตัวได้เอง ทำแล้วรู้สึกคล่องตัว ไม่อึดอัดท้อง สบายท้อง เพื่อนผมหลายคนก็โอเค เหมือนๆกัน หลายคนที่รู้จักผม เขาสังเกต และเพื่อนบางคน ก็ถามและบอกว่า ผมดูต่างจากเมื่อก่อนมาก หมายถึงดูดีขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นผมเข้าโรงพยาบาลเป็นครึ่งเดือน ผอม โซ บางคนบอกว่าสงสารแม่บ้านนะ ยังสาว สวย อยู่เลย ผมก็บอกว่า ดีแล้วเขาจะพอหาแฟนใหม่ได้บ้าง แต่ในใจ บอกว่า เจ้าอย่าหวัง เพราะตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจอยู่ ผมจะไม่ยอมตายเด็ดขาด และก็เป็นจริงด้วย เท่าทุกวันนี้ละครับ...ผมเองก็ไม่ได้สังเกตตัวเองเท่าไหร่นัก แต่ก็คงเป็นเหมือนที่เพื่อนๆเขาพูดละครับ ปัจจุบันผมลดลง เนื่องจากเวลา งานที่ต้องทำมีมาก ผมทำเดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3 วันติดต่อกันครับ ถ้าสนใจสุขภาพตัวเองก็ลองดูนะครับ โลกนี้ยังมีอะไรสวยๆงามๆให้ดูอีกมาก โปรดดูแลรักษาสุขภาพ ร่างกายตัวเองให้ดีด้วยนะครับ ก็เปรียบง่ายๆ เหมือนรถยนต์ ใช้งานไปนานๆก็ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องบ้างนะครับ แล้วจะไม่มีปัญหา...พี่ใหญ่"

คำสำคัญ (Tags): #ศรีสะเกษ5
หมายเลขบันทึก: 346261เขียนเมื่อ 22 มีนาคม 2010 16:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 13:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท