ข้อคิดจากม๊อบ สะท้อนอะไรได้บ้าง


เรียนรู้

บทเรียน จากมีอบ   ได้เรียนรู้อะไรบ้าง

 

 

บรรยากาศ ปิดล้อมหน้ากรมทหารราบ 11 รักษาพระองค์(ร.11 รอ.) ท่ามกลางแดดเปรี้ยงของเที่ยงวันที่ 15 มีนาคม ของกลุ่มคนเสื้อแดงหวังสร้างแรงกดดันถึงขีดสุดให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภา จบลงแบบชิลๆ เกินคาด

โดยความดีความชอบด้านหลักส่วนหนึ่งในการคลี่คลายสถานการณ์ครั้ง นี้คงต้องยกให้ลูกล่อลูกชนอันแพรวพราวของกำลังพลจาก กองพันปฏิบัติการจิตวิทยา กรมรบพิเศษที่ 2 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี ซึ่งถูกส่งมา

สร้างความครื้นเครงโดยเฉพาะ  ปฏิบัติการดับไฟในอารมณ์ของชุด ปจว. เริ่มเปิดฉากขึ้นตั้งแต่ชุดล่วงหน้าที่นำโดยมอเตอร์ไซค์นับร้อยคันเดินทางมา ถึง โดยมีการเปิด "เพลงพระราชนิพนธ์" เพื่อผ่อนคลายอารมณ์

 จากนั้นก็กล่าวทักทายแฟนๆ เอ๊ย ผู้ชุมนุมราวกับศิลปินในคอนเสิร์ตว่า "ขอเสียงคนเสื้อแดงหน่อย"  และ "ขอเสียงตีนตบหน่อย"  ซึ่งก็ได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดพลางเขย่าตีนตบต้อนรับเกรียวกราว แต่ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้

จริงๆ คือ การเว้าภาษาถิ่น โดยเฉพาะ "ภาษาอีสาน" ทักทายผู้ชุมนุมที่มาจากดินแดนที่ราบสูงและฝากเนื้อฝากตัวว่า ทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ก็เป็นเหมือนลูกหลานของผู้ชุมนุมทั้งนั้น ส่วนแกนนำม็อบ โดยเฉพาะ วีระ มุสิกพงศ์ ก็เจอลูกอ้อน

ไปเต็มๆ เพราะคุณน้องทหารเล่นเรียก "พี่วีระ" ทุกคำจนพี่วีระตอบกลับเสียงอ่อนเสียงหวานไม่แพ้กันแม้แต่ข่าวลือที่ว่า มีทหารแฝงตัวติดอาวุธเข้ามาก่อเหตุ ชุด ปจว.ก็อุตส่าห์หามุกมาปล่อยจนหายเครียดกันได้

            "ไม่ต้องกลัวนะครับว่าทหารจะทำอันตรายด้วยอาวุธ เพราะทหารไม่มีใครติดอาวุธ หรือถ้าจะจับแก้ผ้าตรวจอาวุธ ก็จะเจอแต่อาวุธประจำตัว ไม่ใช่อาวุธประจำกาย เล็กใหญ่แล้วแต่พ่อให้มา" 

ปล่อยมุกถึงขนาดนี้ก็ยังไม่หายระแวงอีก เลยปล่อยไปอีกดอก

 "ถ้าจับคนปลอมแต่งชุดทหารจะไปทำร้ายประชาชน ก็ขอให้ช่วยกันจับให้มั่นคั้นให้ตาย ต้องถามแล้วให้พูดภาษาอังกฤษ อย่าให้เยส ต้องเอาให้โนๆ ให้บวมๆ จัดการให้หนำใจเลยแล้วส่งให้เรา เราจะซ้ำให้ หรือจะดองเค็มดองเปรี้ยว

ก็แล้วแต่ท่าน"    เล่นเอาฮากระจาย...ตั้งแต่แกนนำยันผู้ชุมนุม 

ส่วนทหารเองก็เกรงว่า ผู้ชุมนุมบางส่วนที่ไปอออยู่บนสะพานหน้าราบ 11 จะแอบโยนของชำร่วย หรือระเบิดอะไรลงมา เลยแกล้งอำว่า ขอให้คนที่อยู่บนสะพานรีบลงมา เพราะกลัวสะพานรับน้ำหนักไม่ไหว ได้ผล !! เพราะม็อบที่ยัด

ทะนานกันอยู่บนสะพานลอย วิ่งกรูลงมาข้างล่างแทบไม่ทันขณะที่มุกในครอบครัวก็จัดไปอย่าให้เสีย เพราะหลังจากฟังแกนนำปราศรัยได้ความว่า ขอให้ทหารสนับสนุนม็อบ เพราะแม่บ้านทหารก็ล้วนแต่หนุนหลังเสื้อแดงทั้งนั้น ชุด ปจว.เลย

เล่นมุกตามน้ำทันที

            "เมื่อคืนเมียผมก็บอกให้ดูแลพวกพี่ให้ดีๆ เพราะเงินเดือนพวกผมก็มาจากภาษีพวกพี่ๆ ถ้าผมไม่ดูแลดีๆ เดี๋ยวมันไม่ให้นอนด้วย"    ช็อตนี้...ดูเหมือนจะฮานานกว่าใครเพื่อน

 

นอกจากจะเล่นมุกดับไฟม็อบแล้ว ชุด ปจว.ยังใช้กลยุทธ์เร่ง "กำลังวัตต์" ของเครื่องขยายเสียงกลบเสียงปราศรัยของแกนนำได้ชะงัด สร้างความหงุดหงิดใจให้แกนนำเหลือหลาย  "ไม่ยุบสภา ก็ไม่ยุบ แต่ช่วยลดเสียงลงได้ไหม ขอพูด

สักหน่อย คนเสื้อแดงจะกลับแล้ว" พี่วีระ โพล่งขึ้นอย่างหัวเสีย จากนั้นแกนนำคนเสื้อแดงแก้เกมด้วยการขอให้รถผู้ชุมนุมที่มีเครื่องเสียง เปิดเพลงสู้กับเครื่องเสียงของทหารพร้อมๆ กัน แต่ก็ไม่อาจสู้เครื่องเสียงทหารที่มีกำลังขับสูงกว่ากันมาก

ได้เท่ากับว่า การสื่อสารระหว่างแกนนำกับผู้ชุมนุมถูก "ตัดขาด" ไปโดยปริยาย และทำให้ม็อบหน้าราบ 11 ไปเร็วกว่าที่คิด

            เบื้องหลังปฏิบัติการครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กำชับว่า ทำอย่างไรก็ได้ให้การชุมนุมสงบเรียบร้อย แต่ห้ามไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม  ยุทธศาสตร์ถูกแปรเป็นยุทธวิธีโดยชุด ปจว.ของหน่วยรบพิเศษ ที่มี

ประสบการณ์งานมวลชนในภาคใต้มาอย่างโชกโชน ผนวกกับเครื่องเสียงชั้นเลิศที่มีสนนราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน...ปฏิบัติการ ปจว.ที่สมรภูมิราบ 11 จึงราบคาบง่ายดายเกินคาด!!  พ.ท.กอสิน กัมปนยุทธ ผู้บังคับกองพันปฏิบัติการทาง

จิตวิทยา เผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ใช้กำลัง 2 ชุด ชุดแรก อยู่ตรงทางเข้า ร.11 รอ. ส่วนชุดที่สอง ปักหลักอยู่ที่ ร.11 พัน.2 รอ.  ส่วนกลยุทธ์ในการเอาชนะใจมวลชนจะต้องพูดไม่ให้เกิด "เงื่อนไข" ที่จะทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดี แต่จะเลือกพูด

สิ่งที่ดีๆ ทำให้เกิดความรักความเข้าใจกัน ...... จ.ส.อ.สุรชา พระพลศรี สังกัดกองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 1 เสริมว่า เคล็ดลับในการพูดกับผู้ชุมนุมต้องสร้างความเป็นกันเองให้ได้เสียก่อน แต่จะไม่พูดถึงเรื่อง "การเมือง" เด็ดขาด

ที่สำคัญต้องคิดว่าผู้ชุมนุมเหมือนญาติพี่น้องของเรา ส่วนการใช้ "ภาษาถิ่น" ก็เพื่อให้เกิดความรู้สึกเสมือนพวกเดียวกัน จ.ส.อ.บุญธรรม แก่นแก้ว ชุด ปจว.สังกัดเดียวกัน ย้ำว่า เมื่อเขาเป็นไฟ เราต้องเป็นน้ำดับไฟ ซึ่งในการปฏิบัติงานจะต้อง

ใจเย็นที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง  นางสุนทริยา กาสา เจ้าหน้าที่กองร้อยปฏิบัติการจิตวิทยาที่ 1 ซึ่งเว้าภาษาอีสานกับผู้ชุมนุม บอกว่า ที่เลือกพูดภาษาอีสาน เพราะเห็นว่าผู้ชุมนุมมาจากภาคอีสานเยอะจึงไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบประสาคน

บ้าน เดียวกัน  ส่วนการใช้เสียงผู้ชายอย่างเดียวก็แข็งเกินไปจึงใช้เสียงผู้หญิงมาเบรก อารมณ์ ซึ่งถือว่าน่าพอใจที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย...สุดท้ายก็ไม่มีการปะทะกันให้ เสียเลือดเนื้ออย่างที่วิตกกังวลกัน

 

คำสำคัญ (Tags): #เรียนรู้
หมายเลขบันทึก: 344930เขียนเมื่อ 17 มีนาคม 2010 09:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

โดยความจริงแล้ว ทุกคนก็ต้องการมธุรสวาจาครับ โดยเฉพาะคนบ้านนอก(ผมก็คนบ้านนอกบังเอิญจำใจมาอยู่กรุง) ขอเพียงนำเสนอตรงไปตรงมาฉันท์ญาติมิตร ก็มีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย

กลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่เรียกว่า ชนเสื้อแดง ก็พี่น้องคนบ้านเรา เพียงเเต่ต้องมาพลัดถิ่นทำกิจกรรมร่วมหมู่ชั่วคราว ในพื้นฐานก็จิตใจดี รักความสงบ และรักสนุก เฝ้าดูบรรยากาศการชุมนุมทั้งสามสี่วันที่ผ่านก็รู้สึกสบายใจครับ ที่ไม่มีเหตุการณ์รุนเเรง และก็ขออย่าให้มีอะไรที่รุนเเรงกว่านี้เลย

ขอบคุณครับ คุณ ดนัย รักขิตตธรรม 
ที่นำเสนอเรื่องราวเบาๆ ที่ได้เรียนรู้ ว่าอย่างน้อยภายใต้ความเครียดจากการภาพการนำเสนอสื่ออย่างต่อเนื่อง ก็มีมุมดีๆให้ได้รับรู้

 

 

คุณดนัยพูดเหมือนกันเข้าไปร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงเลยน่ะค่ะ เพราะเล่าเหตุการณ์ได้ละเอียด จะว่าเป็นผู้สื่อข่าวก็ไม่น่าจะใช่เพราะเข้าไปตรวจสอบประวัติเห็นทำงานบริษัท คนเสื้อแดงเขาไม่ได้ไปเพื่อแสวงหาความรุนแรง แต่เขาไปถามหาเสียงที่เขาเลือกตั้งตามระบบประชาธิปไตย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท