• ผมได้แรงบันดาลใจในการเขียนบันทึกนี้จากการร่วมประชุม “แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การศึกษาดูงานการส่งเสริมคุณธรรมของประเทศเวียดนาม” จัดโดยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม เมื่อวันที่ ๖ มิย. ๔๙ และเขียนบันทึกนี้จบในระหว่างการประชุมนั้นเอง
• ผมเป็นคนมีพลังขับดันด้านการสร้างฐานะสูงมาก เพราะตอนเป็นเด็กรู้สึกว่าตนเป็นลูกชาวบ้าน คล้ายๆ เป็นพลเมืองชั้นสอง ไม่เหมือนลูกข้าราชการและลูกเศรษฐีคนจีน ผมอยากเป็น “พลเมือง” ที่ไม่ใช่ชั้นสอง ผมอยากหนีจากสภาพเป็นพลเมืองชั้นสอง
• เดาว่าจิตใต้สำนึกแบบนี้คงเป็นแรงขับดันให้ผมขยันเรียนตั้งแต่เป็นเด็ก และติดเป็นนิสัยขยันเรียนรู้มาจนแก่ขนาดนี้ คงจะกลายเป็นนิสัยหรือสันดานไปเรียบร้อยแล้ว
• ผมสังเกตว่ารุ่นลูกไม่มีแรงบันดาลใจรุนแรงอย่างรุ่นผม (น้องๆ ของผมก็ขยันเรียน แต่ไม่มากผิดปกติอย่างผม) เดาว่าเพราะชีวิตของเขาสบายขึ้น มีความรู้สึกมั่นคงในชีวิตสูง แรงขับดันเพื่อหนีสภาพเดิมจึงไม่มีอย่างที่ผมมี
• แต่ก็แปลก ที่ผมไม่มีแรงขับดันให้สร้างฐานะทางเศรษฐกิจ หรือการเงิน ในกลุ่มเพื่อนที่เรียนจบศิริราช รุ่น ๗๑ จำนวน ๑๐๙ คน ผมน่าจะจนเงินที่สุด แต่ผมมักจะคุยโม้กับใครต่อใครว่าผมไม่ “จน” หรืออวดว่าผมเป็นคน “รวย” เพราะจนหรือรวยเป็นเรื่องของใจ ถ้าใจของเรารู้สึกว่าเราเพียงพอ พอใจ มั่นใจ ในฐานะของตน เราก็เป็นคนรวย
• ผมมีความเชื่อว่าคนที่มีเงินมาก แต่จิตใจเร่าร้อนที่จะ “เอา” เข้าตัวให้มากยิ่งขึ้น ถือเป็นคน “จน” คนที่ “ให้” แก่สังคมยิ่งมากเพียงใด ก็ยิ่งถือว่าเป็นคนที่ “รวย” มากเท่านั้น
• ผมไม่มีเงิน และหาเงินไม่เป็น จึงหันมา “ให้” แก่สังคมในรูปแบบอื่น ที่ผมพอจะ “ให้” ได้ สิ่งที่ให้ได้ก็คือสิ่งที่ผมพอจะมี ได้แก่ความขยันขันแข็ง ความซื่อสัตย์สุจริต ความรักงานเชิงระบบ เชิงสร้างสรรค์
• แต่ก็แปลก การ “ให้” แบบนี้ผมไม่ได้เสียสละใดๆ เลย กลายเป็นว่าผมยิ่ง “ได้” มากยิ่งขึ้น คือ ได้เรียนรู้ ได้โอกาสเรียนรู้ มากขึ้นอย่างน่าพิศวง ผมได้รับสิทธิพิเศษในการเรียนอย่างที่น้อยคนนักจะได้รับ นั่นคือการเรียนรู้จาก ปราชญ์ และคนดีคนเก่งของแผ่นดิน ที่เข้ามาร่วมกันทำงานในองค์กร/หน่วยงานต่างๆ ที่ผมเคยเข้าไปทำงาน และที่เข้ามาเป็นกรรมการต่างๆ ที่ผมมีโอกาสเข้าไปรับใช้
• ทุกสิ่งทุกอย่างต้องการความพอดี ภรรยาบอกว่าผมเป็นคนไม่พอดี คือมีตุ้มถ่วงไปทางทำงานมากเกินไป และการได้รับสิทธิพิเศษในการทำงานในชีวิตตอนแก่ ชักจะมากเกินพอดี
วิจารณ์ พานิช
๖ มิย. ๔๙
อาจารย์คะ ครอบครัวหนูมีปัญหาหนักมาก ที่ซุกหัวนอนยังจะไม่มี ตอนนี้หนูอายุ 22 ปี ทำงานในพื้นที่เงินเดือนน้อยนิด หนูอยากมีบ้าน อยากจะดูแลแม่ให้แม่มีความสุข อยากจะสร้างฐานะตนเอง แต่ก็ยังมองไม่เห็นทางว่าจะทำยังไง การที่เราเป็นคนต้อยต่ำ แล้วได้มาอยู่ภายในวงล้อมของคนรวยนี้ ความรู้สึกเราช่างแย่จริงๆนะคะ ทำไมเค้าถึงโชคดีได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย มีพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องไขว่คว้าอะไร แต่เราสิ****
หนูก็มีแรงขับดันให้หนูอยากเรียนสูงๆคะ แต่ว่าอย่างอื่นไม่มีก็เลยไม่ได้เรียน
แต่หนูเชื่อมั่นว่าสักวันหนูต้องมีบ้าน มีทุกอย่างเหมือนกับคนอื่นให้ได้ แค่เราขยัน และกตัญญูใช่มั๊ยคะ