• เมื่อวาน (๒๗ พค. ๔๙) ผมพบ ศ. ดร. ปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานคณะกรรมการนโยบาย สกว. ในงานของ บวท. ท่านบอกว่าขณะนี้คนขับรถของท่านเป็นคนที่เคยทำหน้าที่ พขร. ของคณะแพทย์ มอ. ตอนที่ผมเป็นคณบดี เขาเล่าให้ อ. ปรีดาฟังว่าเขามีหน้าที่ไปยืมหนังสือ (หมายถึงวารสาร) จากห้องสมุดให้ผมทีละหอบใหญ่ เขาบอกว่าผมเป็นนักอ่าน ซึ่งเป็นความจริง
• ผมเป็นนักอ่านมาแต่เด็ก จำได้ว่าตอนอายุ ๙ – ๑๐ ขวบพ่อซื้อหนังสือปลัดเปล่งเที่ยวรอบโลก ย่ำแดนซากุระ โดย พต. ขุนเสริมสุรศักดิ์ (๒ เล่มจบ) ฯลฯ ผมก็หยิบมาลองอ่าน แรกๆ อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ตอนหลังก็เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ที่บ้านผมมีหนังสือไม่มากนัก ผมค้นเอามาอ่านหมด บางตอนมีบทอัศจรรย์ ผมก็สงสัยว่ามันเป็นอย่างไร เคยเอาไปถามลูกจ้างโรงสี เขาหัวเราะ บอกว่าเด็กๆ อย่าเพิ่งรู้ โตแล้วจะรู้เอง
• พอขึ้นจุฬาฯ ปีสอง ผมตลุยอ่านหนังสือสารคดี หนังสือเชิงจิตวิทยา นวนิยายประวัติศาสตร์ เรื่องสั้น โดยไปยืมจากห้องสมุดบ้าง ซื้อหนังสือมือสองจากสนามหลวงบ้าง ผมเป็นนักเดินร้านหนังสือสนามหลวงอยู่หลายปี แม้เมื่อเป็นหมอแล้วก็ยังไปอยู่เป็นประจำ จนภรรยาผมเขาหึงร้านหนังสือ ผมเคยตั้งปณิธานว่าจะอ่านหนังสือ (ดีๆ) ให้ได้ปีละ ๕๒ เล่ม คือสัปดาห์ละเล่ม แต่ไม่เคยทำได้ เคยจดไว้ว่าอ่านได้ประมาณ ๒๐ – ๓๐ เล่ม ผมเคยทำโน้ตย่อไว้ด้วยแต่ย้ายบ้านหลายหนหายหมด
• ปี ๒๕๐๙ ตอนผมใกล้จบแพทย์ แม่ซื้อบ้านไม่สองชั้นที่บางขุนนนท์หลังหนึ่งในพื้นที่ ๕๓ ตารางวา ราคา ๑ แสนบาท สำหรับให้ผมและน้องๆ อยู่ ผมบอกให้ญาติที่ชุมพรมาช่วยทำชั้นหนังสือรอบห้องโถงชั้นบน ทำให้ญาติพี่น้องเลื่องลือความบ้าหนังสือของผม
• ตอนที่เริ่มทำงานหลังจากกลับมาจากเรียนปริญญาโทจากอเมริกา ผมตลุยค้นวารสารและตำราด้านการแพทย์ทั้งไทยและเทศที่หอสมุดศิริราช เพื่อหารายงานผลการวิจัยด้านพันธุศาสตร์และโรคกรรมพันธุ์ จดบันทึกย่อไว้ใน index card ขนาด 3 x 5 นิ้ว เก็บแยกหมวดหมู่ไว้ในตู้ index card ส่วนตัวที่เอามาจากอเมริกา ตู้ index card ส่วนตัวนี้ สมัยอยู่ที่ภาควิชาพยาธิ มอ. ขยายเป็นตู้หลายชั้นกว่า ๑๐ ช่อง มีบันทึกหลายพันแผ่น เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ให้ความสะดวกแทนหมดแล้ว
• ที่คณะแพทย์ มอ. ผมให้เลขาจัดระบบการไปยืมวารสารจากห้องสมุด โดยผมไปตกลงกับห้องสมุดขอให้อำนวยความสะดวก ผมไม่ต้องไปยืมเอง แต่ให้เจ้าหน้าที่ไปยืม (ขน) แทน ยืมวารสารประมาณ ๓๐ ชื่อ เอามาพลิกดูสารบัญและดัชนี หาเรื่องที่อยู่ในความสนใจ แล้วอ่านทำโน้ตย่อใน index card ผมพยายามจับทางการค้นคว้าวิจัยเพิ่มเติมความรู้ของโลก ในสาขาที่ผมสนใจ พยายามศึกษาว่าเขามีวิธีวิทยาการวิจัยอย่างไร โจทย์วิจัยแบบไหนที่ได้รับการยกย่อง ทีมวิจัยกลุ่มไหนกำลังเป็นผู้นำเรื่องนั้นๆ เพราะอะไร ฯลฯ ผมบอกตัวเองว่าเราเรียนมาน้อย ความรู้น้อย และอยู่ไกลปืนเที่ยง หาคนปรึกษาได้ยาก ต้องขวนขวายคลำหาทิศทางและวิธีสร้างผลงานเอาเอง ผมน้อยใจที่ตนเองมีพื้นความรู้เชิงทฤษฎีน้อย ความรู้ไม่ลึก ความรู้เชิงเทคนิคทางห้องปฏิบัติการไม่ดี แถมยังโดนดึงไปทำงานบริหารเป็นระยะๆ ทำให้การทำงานวิชาการไม่ต่อเนื่อง นี่คือการอ่านหนังสือเชิงวิชาการด้านวิทยาศาสตร์
• ในขณะเดียวกันผมก็อ่านหนังสือด้านการจัดการ/การบริหาร เพราะต้องใช้ในการทำงานบริหาร และช่วยให้เราเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตการทำงานจริงๆ เวลานี้หนังสือที่ผมอ่านอยู่ในกลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่
• ผมชอบอ่านหนังสือสารคดี ไม่ชอบอ่านนวนิยาย ที่บ้านผมเป็นบ้านที่มีคนอ่านหนังสือแบบแยกประเภท คือหนังสือที่ผมอ่านภรรยาไม่แตะ หนังสือที่ภรรยาอ่านผมไม่แตะ ทุกคนในบ้านรู้ว่าที่บ้านผมเราอยู่กันอย่างมีความสุขโดยที่เรามีรสนิยมตรงกันข้ามหลายอย่าง แต่เราก็มีรสนิยมตรงกันในอีกหลายอย่าง
• เมื่อลูกชายสึกจากไปบวช ๙ เดือน เขามาค้นหาหนังสือธรรมะ ผมแนะให้ไปเปิดดูในตู้ ลูกชายตกใจมากที่มีหนังสือธรรมะอยู่เต็มตู้ ลูกชายบอกว่า พ่อรู้ทฤษฎีมาก ถ้าปฏิบัติด้วยจะเข้าใจมากกว่าหลายเท่า ปฏิบัติธรรมของลูกชายหมายถึงทำสมาธิภาวนา
• จึงได้ข้อสรุปแบบ KM ว่าเป็นนักอ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นนักปฏิบัติด้วย
วิจารณ์ พานิช
๒๘ พค. ๔๙
ตอนนี้ หนังสือ ขุนเสริมสุรศักดิ์ หาอ่านได้ที่ใหนครับ