หน้าแรก
สมาชิก
นางสาว อนงค์ ธรรม...
สมุด
อนงค์(แม่สอด)
งานวิจัย
นางสาว อนงค์ ธรรมนิมิต
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
งานวิจัย
เมตาคอคนิซัน
ความเป็นมา
-
เมตาคอคนิชันมีความสำคัญต่อกระบวนการคิดและความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา และ
การแก้ปัญหาคณิตศาสตร์เป็นการพัฒนาการคิดด้านนามธรรมหากเด็กได้รับการฝึกฝนการคิดแก้ปัญหาที่เหมาะสม
สอดคล้องกับช่วงพัฒนาการของเขาแล้ว
จะทำให้การเรียนรู้ในการแก้ปัญหาของเขาเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งเป็นไปตามพัฒนาการทางสติปัญญาของเพียเจต์
โดยเฉพาะนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สูง
จะเป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ จับประเด็นได้เร็ว
มีความจำดีชอบแก้ไขปัญหาด้วยวิธีของตนเอง สนุกในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
สามารถโยงความสัมพันธ์ได้ดี มองเนื้อหาที่เป็นรูปธรรมได้
มีความสามารถในการแสดงออกเป็นผู้มีอิสระในการคิด
และสามารถมองโลกเป็นแบบอย่างคณิตศาสตร์ได้
สมควรที่จะได้รับการส่งเสริมในด้านต่างๆให้สูงขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาให้รวดเร็ว
และมีกลวิธีมากขึ้นเพื่อให้ได้ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและสามารถช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
ตามแนวคิดเมตาคอคนิชันของ
Beyer(1987)
เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกกระบวนการคิดและควบคุมการคิดของตนเองในการแก้โจทย์ปัญหา
และเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ในระดับสูงขึ้นไป
แนวคิดทฤษฎี
-
วัตถุประสงค์
-
เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
6
ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สูงโดยใช้เมตาคอคนิชัน
สมมุติฐานการวิจัย
-
ค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
6
ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สูง
หลังการสอนแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้เมตาคอคนิชัน
มีค่าสูงกว่าของคะแนนความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ก่อนได้รับการสอน
ระเบียบวิธีวิจัย
-
การวิจัยเชิงทดลอง
(Experimental Research)
ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
6
ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สูง ของโรงเรียนอนุบาลสุพรรณบุรี ปีการศึกษา
2539
สังกัดสำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีจำนวน
59
คน
ตัวแปร
-
นิยามศัพท์
-
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
-
แบบสอบความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเอง
วิธีการรวบรวมข้อมูล
-
การวิเคราะห์ข้อมูล
-
เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์หลังการสอนด้วยการทดสอบค่าสถิติ
t-test
และนำวิธีการที่
นักเรียนปฎิบัติในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์จัดหมวดหมู่และหาค่าร้อยละ
สรุปผลวิจัย
-
ค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
6
ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สูง
หลังการสอนแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้เมตาคอคนิชัน
มีค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคะแนนความสามรถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ก่อนได้รับการสอนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ.
05
ข้อเสนอแนะ
- 1.
ผู้บริหารควรสนับสนุนการสอนแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์
โดยใช้เมตาคอคนิชันและกลวิธีที่ใช้ในการแก้โจทย์ปัญหาต่างๆ
ด้วยการจัดหาเอกสารที่เกี่ยวกับการสอนโดยใช้เมตาคอคนิชัน
สนับสนุนด้านงบประมาณในการจัดหาและจัดทำสื่อการเรียนการสอนตามความเหมาะสม
2.
ครูผู้สอนนักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์สูง
สามารถนำเมตาคอคนิชันไปใช้ในการพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนโดยเน้นขั้นการวางแผน
โดยเฉพาะการวิเคราะห์เป้าหมายของการแก้โจทย์ปัญหา
การเรียงลำดับขั้นตอนตามกลวิธีที่เลือกไว้ และการประมาณคำตอบที่คาดว่าจะได้รับ
ขั้นการประเมินโดยเฉพาะการตรวจสอบคำตอบที่ได้
เนื่องจากมีความสำคัญต่อความชำนาญในการแก้โจทย์ปัญหา
3.
ครูผู้สอนควรพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียนด้วยการสอนให้นักเรียนได้แก้โจทย์ปัญหาแปลกๆ
ที่ไม่พบในหนังสือเรียน และกลวิธีแก้โจทย์ปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะกลวิธีสร้างรายการ
กลวิธีสร้างตาราง และกลวิธีค้นหารูปแบบ
เพื่อให้นักเรียนสามารถแก้โจทย์ปัญหาได้อย่างหลากหลาย
เลือกใช้กลวิธีแก้โจทย์ปัญหาให้เหมาะสมกับโจทย์ปัญหา
ความสามารถและความถนัดของตนเองมากที่สุด
เขียนใน
GotoKnow
โดย
นางสาว อนงค์ ธรรมนิมิต
ใน
อนงค์(แม่สอด)
คำสำคัญ (Tags):
#วิจัย
หมายเลขบันทึก: 34061
เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2006 23:21 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:08 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (1)
นางสาว อนงค์ ธรรมนิมิต
เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2006 23:26 น. (
)
ได้เลือกอ่านบทคัดย่อเกี่ยวกับงานวิจัยที่เกี่ยวกับการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ทำให้ได้รู้รูปแบบและวิธีการสอนที่หลากหลายจากนักวิจัยหลายๆท่าน มีประโยชน์มากสามารถที่จะนำไปเป็นแนวทางในการเลือกทำวิทยานิพนธ์
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
นางสาว อนงค์ ธรรม...
สมุด
อนงค์(แม่สอด)
งานวิจัย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท