แบบบันทึกความรู้ตามวิถีคนคอนของอาจารย์จำนงและทีมกศน.ถือเป็นเครื่องมือเดียวกับตารางอิสรภาพคือเป็นเครื่องมือเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ แบบบันทึกของอาจารย์ตั้งเป้าหมายเชิงปฏิบัติ เป้าหมายใหญ่ของเราคือเศรษฐกิจพอเพียงและวิสัยทัศน์เมืองนคร อาจารย์ใช้แบบบันทึกแตกเป็นเป้าหมายย่อยเรื่องการ ออม การลดรายจ่าย การเพิ่มรายได้ซึ่งเป็นเป้าหมายทางเศรษฐกิจ และยังมีเป้าหมายทางสังคมวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และสุขภาพอีกด้วย จากเป้าหมายย่อยที่ตั้งไว้ก็บันทึกการปฏิบัติว่าทำอย่างไรซึ่งเป็นกระบวนการเรียนรู้ของตนเองและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในกลุ่มย่อย รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องเพื่อฝึกฝนให้เป็นบุคคลเรียนรู้
จึงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาตนเองที่เป็นประโยชน์มากครับ
ผมเห็นว่าแบบบันทึกของอาจารย์ใช้ฐานการจัดการความรู้ ที่เน้นความคิดเชิงบวก อาศัยจินตนาการและเป้าหมายเป็นแนวทาง แต่แบบสำรวจข้อมูลรับจ่ายครัวเรือนและกระบวนการจัดทำแผนชีวิตชุมชนใช้ฐานงานวิจัยซึ่งยุ่งยากกว่าและอาจติดกับของปัญหาหรือเรื่องนอกตัวมากไป ไม่เจาะเข้าหาตัวเอง
สำหรับแนวทางที่ผมเสนอให้ใช้หลักสูตรการบริหารจัดการชุมชนกับแกนนำ8คนคือเสนอในเชิงหลักวิชาที่เป็นภาพรวม ซึ่งแบบบันทึกของอาจารย์และทีมกศน. ถือเป็นวิชาหนึ่งที่นำมาใช้ได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับตารางอิสรภาพ รวมทั้งบันทึกครัวเรือนเพื่อทำแผนชีวิตชุมชนและอื่นๆ
ถ้าคุณอำนวยตำบลรวมทีมกันทั้งกศน. พช. เกษตร สธ. ธกส. ฯลฯก็เปรียบเสมือนทีมครูโดยที่คุณกิจ8คนก็เป็นนักเรียน ภาพในฝันคือ ทีมครูต้องมาดูหลักสูตรการพัฒนานักเรียนร่วมกันซึ่งหลักสูตรที่ผมเสนอคือ หลักสูตรบริหารจัดการชุมชน มันจะสอดคล้องกับแนวทางการจัดทำมาตรฐานงานชุมชนของพช.ที่เราเคยประชุมร่วมกันด้วย ทีมครูต้องมาร่วมกันคิดค้นพัฒนาหลักสูตรว่าจะมีวิชาอะไรบ้าง เอาแนวทางของโรงเรียนเกษตรกร ปุ๋ยอินทรีย์ ฯลฯ มาเชื่อมโยงกัน ทั้งงบประมาณ เนื้อหาที่หนุนเสริมกัน และกระบวนการที่เน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติเพื่อบรรลุเป้าหมาย(KM)เป็นแนวทางเดียวกัน เราก็จะทำงานอย่างมีพลัง บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น เป็นการชนะร่วมกันของทุกหน่วยงานและชุมชนก็ชนะด้วย แต่ถ้าเรายังต่างคนต่างทำด้วยกระบวนการที่เป็นMK เราก็จะต่างคนต่างสำเร็จกิจกรรม แต่ไม่บรรลุเป้าหมาย ชุมชนก็ถูกกระทำ หมุนติ้วไปตามแรงกระทำของแต่ละหน่วยงานที่ใส่กิจกรรมเข้าไป เมืองไทยก็ไม่มีทางแข็งแรง และไม่สามารถสร้างสังคมฐานความรู้ขึ้นมาได้ งานนี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือ และความอดทนอย่างยิ่งยวด ซึ่งผมเห็นว่า
เครื่องมือKMและเนื้อหาในการเรียนรู้นั้นพวกเรามีเป็นต้นทุนกันค่อนข้างมากแล้ว ขาดแต่การประสานทำงานกันเป็นทีมด้วยความอดทน และทำอย่างเป็นระบบต่อเนื่องเท่านั้นครับ
เรียน อ.ภีม ภคเมธาวี
ผมรู้สึกว่าอาจารย์อธิบายได้ชัดมาก ผมต่อความคิดอาจารย์ได้แล้วครับ ไม่เฉพาะแต่ 8 คน ที่เป็นแกนนำของหมู่บ้านนะครับอาจารย์ ครัวเรือนอื่นที่สนใจที่จะพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง อาจารย์ใช้คำว่าตารางอิสรภาพสำหรับคุณกิจเพื่อทำงานไปสู่เป้าหมายของครัวเรือนตนเองให้ได้ เราก็ยินดีให้ใช้เครื่องมือนี้เช่นกันนะครับ คงต้องให้ทีมคุณอำนวยตำบลแต่ละทีมดูผู้เรียน(คุณกิจ)ของตนเป็นรายๆไปครับ ว่าถ้าแจกเครื่องมือนี้ให้ไปแล้วจะเวิร์คหรือไม่ คุณอำนวยตำบลต้องวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และส่งเสริมการใช้เครืองมือนี้อย่างต่อเนื่อง
ขอบคุณอาจารย์อีกครั้งหนึ่งครับ