คำคล้องจอง


คำคล้องจองเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของภาษาไทย และเป็นเหตุผลประการหนึ่งที่ทำคนไทยได้ชื่อว่าเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน

 

ความหมายของคำคล้องจอง 

              คำคล้องจอง คือ คำที่มีเสียงสระเดียวกัน  และถ้ามีตัวสะกดจะต้องอยู่ในมาตราเดียวกัน  คำคล้องจองในบทประพันธ์ร้อยกรอง  เรียกว่า  สัมผัส  (สันต์ สุวทันพรกูล, ม.ป.ป.  :  41)

 

ความเป็นมาและความสำคัญของคำคล้องจอง 

             คำคล้องจองเป็นลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของภาษาไทย  คนไทยได้ชื่อว่าเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ดังนั้น การใช้คำคล้องจองกันในภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน  จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก  และการที่เราคุ้นเคยกับคำคล้องจองนี่เองอาจเป็นสาเหตุทำให้เราไม่เห็นความสำคัญ  หรือไม่เห็นว่าเป็นลักษณะพิเศษในภาษาไทย ซึ่งที่จริงเป็นลักษณะพิเศษทีเดียว  เพราะในภาษาอื่นไม่มี  จะมีก็เป็นคำประพันธ์ไปเลย  ไม่ใช่ภาษาที่ใช้พูดกันในชีวิตประจำวัน  คำคล้องจองก็พัฒนามาจากคำซ้อนนั้นเอง  เช่น  คำซ้อนที่ใช้สระและตัวสะกดเหมือนกัน  เช่น  เงียบเชียบ  รอบคอบ  หรือคำซ้อนที่ใช้พยัญชนะต้นเหมือนกัน  เช่น  เคว้งคว้าง  ต่ำต้อย  ดังนั้น  จึงไม่ยากเลยที่จะพัฒนาคำซ้อนเหล่านี้ให้เป็นคำคล้องจองกัน  หรือพูดอีกนัยหนึ่งคำคล้องจองกันก็คือคำซ้อนที่มีคำมากว่า  2  คำขึ้นไปนั้นเอง

 

ลักษณะของคำคล้องจอง 

            คำคล้องจองเกี่ยวข้องกับคำสัมผัส  โดยที่คำสัมผัสมี  2  ลักษณะดังนี้  

1. สัมผัสสระ  มีอยู่ด้วยกัน  2  ลักษณะดังนี้

1.1  สัมผัสสระที่มีสระคล้องจองกัน  เพราะใช้สระเสียงเดียวกัน  เช่น  ใบ-ใส 

ป่า-กา   นะ-คะ   จะเห็นว่าเป็นคำที่มีเสียงสระคล้องจองกัน  เพราะใช้สระเสียงเดียวกันในมาตราแม่  ก.กา

1.2  สัมผัสสระที่มีเสียงสระคล้องจองกัน เพราะใช้เสียงสระและตัวสะกดมาตราเดียวกัน   เช่น  กาล-บ้าน   จริง-นิ่ง  กฎ-บท

2.  สัมผัสอักษร  มีลักษณะดังนี้

           คล้องจองกันด้วยพยัญชนะต้นเป็นพยัญชนะตัวเดียวกัน  เช่น  ห่าง-เหิน   จันทร์-เจ้า  ความ-ควาน  อยาก-อยู่   หมอ-เหมือน  หรือคล้องจองค้วยพยัญชนะต้นมีเสียงเดียวกัน  เช่น  ซึ้ง-สุข   เพราะ  ช  เป็นอักษรคู่ของ  ส  หรือ  ทับ-ถึง  เพราะ  ท  เป็นอักษรคู่  ของ  ถ  หรือ  เย็น-หยาด  เป็นสัมผัสอักษรระหว่าง  ย  กับ  หย

การสัมผัสมี  2  ประเภท  คือ

1. สัมผัสนอกหรือสัมผัสบังคับ ไม่มีไม่ได้  เพราะถูกฉันทลักษณ์บังคับให้มีตามกำหนดไว้ที่เรียกว่าสัมผัสนอกก็เพราะเป็นสัมผัสนอกวรรค  หรือสัมผัสระหว่างวรรค สัมผัสนอกจะเป็นสัมผัสสระ

 2. สัมผัสใน  หมายถึง  สัมผัสที่คล้องจองกันในวรรคเดียวกัน  เป็นสัมผัสที่ไม่บังคับดังนั้นจึงไม่มีก็ได้ไม่ถือว่าผิด  แต่สัมผัสในนี้เองที่ทำให้กลอนมีความงาม   ความไพเราะรื่นหูเพิ่มขึ้นถือว่าเป็นความสามารถพิเศษในการเขียน  เพราะเป็นสัมผัสไม่บังคับ  ถ้าสัมผัสนอกสร้างรูปร่างลักษณะให้แก่คำประพันธ์แล้ว  สัมผัสในก็สร้างความมีชีวิตให้  สัมผัสในมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร

 

ประเภทของคำคล้องจอง 

              คำคล้องจอง   หมายถึง   คำที่มีเสียงสัมผัสสระ  ทำให้ง่ายต่อการออกเสียง  ง่ายต่อการจดจำและหากนำมาเรียงเป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ ก็จะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ  ติดตามอ่าน  เด็กๆ ในระดับประถมศึกษาจะชอบอ่านข้อความที่มีเสียงคล้องจองกันมาก  นอกจากนี้  การฝึกเขียนคำคล้องจองยังเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเขียนหรือแต่งคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองต่างๆ ต่อไปในอนาคตด้วยสำหรับคำคล้องจองมีหลายชนิด  มีทั้งคำคล้องจองที่มี  2  คำ  3  คำ  และ  4  คำ

             คำคล้องจองที่มี  2  พยางค์  คือ  กลุ่มคำที่มีคำกลุ่มละ  2  พยางค์  และมีเสียงคล้องจองกันระหว่างกลุ่ม โดยพยางค์ท้ายของกลุ่มคำหน้าสัมผัสกับพยางค์แรกของกลุ่มคำหลังเรื่อยไป

             คำคล้องจองที่มี  3  พยางค์  คือ  กลุ่มคำที่มีคำกลุ่มละ  3 พยางค์  และมีเสียงคล้องจองกันระหว่างกลุ่ม  โดยพยางค์ท้ายของกลุ่มคำหน้าสัมผัสกับพยางค์ที่  1  หรือ 2 ของกลุ่มคำหลังเรื่อยไป

             คำคล้องจองที่มี  4  พยางค์  คือ  กลุ่มคำที่มีคำกลุ่มละ 4  พยางค์  และมีเสียงคล้องจองกันระหว่างกลุ่ม  โดยพยางค์ท้ายของกลุ่มคำหน้าสัมผัสกับพยางค์ที่ 1  หรือ 2 ของกลุ่มคำหลังเรื่อยไป

             คำคล้องจองสระ  หมายถึง  คำที่ใช้สระเหมือนกัน  รูปวรรณยุกต์  และเสียงวรรณยุกต์ไม่เหมือนกันก็ได้ แต่ต้องเป็นคำที่มีความหมาย  เช่น  จำ – นำ      ห้า – ผ้า

             คำคล้องจองสระและตัวสะกด  คำที่ใช้สระและตัวสะกดเหมือนกัน  รูปวรรณยุกต์และเสียงวรรณยุกต์ไม่เหมือนกันก็ได้ แต่ต้องเป็นคำที่มีความหมาย เช่น   ฉัน – กัน   บาง - ช้าง

ตัวอย่าง  คำคล้องจองที่มี  2  พยางค์  เช่น

โชคลาภ            บาปบุญ                 คุณโทษ             โกรธกัน

 ชื่นชอบ            ตอบแทน               แฟนเพลง            เก่งจัง

 

ตัวอย่าง  คำคล้องจองที่มี  3  พยางค์  เช่น

ทำความดี               มีความรู้                 ชูเชิดเรา            เอาใจใส่

ทำความดี               มีน้ำใจ                   ไม่ย่อท้อ           รอเวลา

 

ตัวอย่าง  คำคล้องจองที่มี  4  พยางค์  เช่น

เจ้าแมวน่ารัก                        มันทักทายฉัน                       ทุกวันกินข้าว

นอนหาวปากอ้า                   ค่ำมาจับหนู                           ชอบขู่เสียงดัง

 

 


อ้างอิง

สันต์ สุวทันพรกูล. (ม.ป.ป.). หลักและการใช้ภาษาไทย ระดับประถมศึกษา (ป.1 - 

              ป.6). กรุงเทพฯ : พีบีซี.

 

 

หมายเลขบันทึก: 333900เขียนเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2010 20:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (51)

เก่งมาก นำคำคล้องจองมาแต่งเป็นเพลงดูได้จาก หัวข้อบันเทิง"ดอกรัก ดอนตรอ" นะครับ

เก่งมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยค่ะไม่เคยเห็นใครเก่งเท่านี้มาก่อนเลย

  • ชื่นชมค่ะ
  • ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

ดีมากค่ะ รายละเอียดดี อยากรู้ที่มา บรรณานุกรม

คำคล้องจองน่าสนใจมากๆครับ

ช่วยทีค่ะ

คุณครูให้หาเรื่องคำค้องจอง

ด.ญ ณัฐธิดา ทองหล่อ

ดีมากๆแต่มันน้อยไปค่ะ

ขอบคุณทุกความเห็นและข้อเสนอแนะดี ๆ ที่เป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์ผลงานที่ดีต่อไปครับ

ก็ดีหนิดหน่อย น่ารักจัง ปากหวานด้วย

กรรฐพงศ์ ยงประเสริฐ

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันความรู้ดีๆ ครับ

ขอความกรุณาช่วยเพิ่มเติมรายละเอียดให้มากกว่านี้ได้ไหมค่ะ อยากทราบรายละเอียด

คำคล้องจองที่มี2พยางค์มีน้อยจังเลย

123156456465456ด4เกดเดกเดกเดกเดกเ

ขอบคุณสำหรับแหล่งเรียนรู้เพื่อให้ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ

ขอบคุณค่ะที่แบ่งปันความรู้

คำคล้องจอง...ของคนไทย...ให้สืบสาน...

ดีมากๆค่ะ

แต่เนื้อหาน้อยไปจริงๆ

อยากได้คำคล้องจองที่ติดต่อกัน 10 คำอ่ะค่ะ

ช่วยหน่อยนะคะ :)

ขอบคุณทุกกำลังใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบล็อกของคุณครูนิสา วงศ์คามรัตนภูมิ

โรงเรียนกงไกรลาศวิทยา อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย

สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุโขทัย เขต 1

ตาม URL. นี้ครับ

http://www.gotoknow.org/blog/nisawong/392713

คนสวยต้องรวยต้องเก่ง

แต่งได้ดีมากคะ

คนสวยต้องรวยต้องเก่ง

เก่ง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

มาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เลย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

คะ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ชิมิ

ชิมิ

ละ

ไม่เห็นคล้องจองเลย

คำคล้องจ้องน่ารู้ น่าจำนะคะ

 ช่วยทีค่คุนครูห่ายนู๋แต่งคำคล้องจอง 4กลุ่มคำ ต้นอันดับแรก ฉันชื่อศิริรัตน์ ต่อปายจ่เขียนว่าอะไรอีกหรค่หนูคิดม่ออก

จะได้มีความรู้อีกมากๆๆเลย

( 3

ใช้เลยน้อง

มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์

เอ่อ....ใบเฟิร์นคิดว่าคำพวกนี้มีประโยชน์มากๆค่ะ มีความรู้สาระเนื้อหาครบถ้วนดีค่ะ 

ขอบคุณนะค่ะ

เก่งมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก

 

คนที่สวยมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก

เก่งมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาก

 

กัลยากร วายทองคํา

ยาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท