ผมได้มีโอกาสไปร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมเพื่อบำเพ็ญกุศลศพท่านเจ้าคุณพระราชวรเมธี (ยุ้ย อุปสนฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาวังราชบุรี [๑] ที่ศาลาจอมพลผิน ชุณหะวัณ วัดเขาวังราชบุรี [๒] อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ซึ่งในงานดังกล่าวก็ได้เห็นการทำข้าวตอกดอกไม้ตบแต่งที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพซึ่งดูน่าตื่นตาตื่นใจและสวยงามมาก[๓] จึงได้ขอเรียนรู้จากพระ แม่ชี และญาติโยมที่เกี่ยวข้อง
กระทั่งในที่สุดก็ได้พบกับพระที่ท่านเป็นผู้นำพระสงฆ์ แม่ชี และญาติโยม ให้มาช่วยกันทำ จึงได้กราบนมัสการท่านและขอสนทนารวบรวมเป็นความรู้ นำมาถ่ายทอดไว้ให้แพร่หลายต่อไปในบล๊อก GotoKnow นี้ น่าสนใจมากครับ
ศิลปะและงานสร้างสรรค์เพื่อสื่อแสดงภาวะสูงสุดในอุดมคติ
พระท่านเล่าให้ฟังว่า วิธีทำข้าวตอกดอกไม้ที่ท่านได้นำมาทดลองทำดูนี้ เป็นภูมิปัญญาของคนล้านนา ท่านได้ไปเห็นชาวบ้านชอบทำเป็นเครื่องสักการะในโอกาสต่างๆทั้งงานบุญและงานประเพณีจึงได้ขอศึกษาวิธีทำเอาไว้จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน จากนั้น ก็นำกลับมาทดลองทำดู ครั้งแรกก็ทำขึ้นในงานบำเพ็ญกุศลศพหลวงพ่อองค์ก่อน คือ พระครูภาวนานิเทศน์(หุ่น อิสฺสโร) ถึงแม้จะทำได้ไม่เต็มที่และยังไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ทำให้รู้วิธีทำและมีความมั่นใจที่จะทำกันด้วยตนเองของพระ แม่ชี และชาวบ้าน ผ่านไป ๕-๖ ปีก็ได้ทำขึ้นอีกเป็นครั้งที่ ๒ ในงานบำเพ็ญกุศลศพท่านเจ้าคุณพระราชวรเมธีนี้
การทำข้าวตอกดอกไม้ [๔] ในงานมงคลนั้น สามารถพบเห็นในวัฒนธรรมของชุมชนท้องถิ่นต่างๆของประเทศได้โดยทั่วไป ทว่า อาจจะมีรูปแบบและการให้ความหมายที่แตกต่างกันออกไป ในหลายท้องถิ่นนั้น การทำข้าวตอกดอกไม้อาจเป็นส่วนหนึ่งของการสักการะสิ่งที่มีความหมายทางปัญญา การศึกษา และความรู้ เพราะข้าวตอกดอกไม้มีลักษณะการแตกออกเป็นดอกช่อเหมือนความแตกฉานทางปัญญา เช่น เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องไหว้บูชาครูและเทพเจ้าแห่งศิลปวิทยา เป็นเครื่องประกอบในขันธ์ ๕ และธูปเทียนแพสำหรับมอบตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาอบรมกับครูอาจารย์สำนักวิชาต่างๆ รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบวงสรวงเซ่นไหว้และสักการะในพิธีกรรมที่มีการโปรยข้าวตอกดอกไม้บูชาเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เหล่านี้เป็นต้น
ในงานที่เป็นอวมงคลดังเช่นงานศพ ก็มีธรรมเนียมการนำเอาข้าวตอกดอกไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเช่นกัน แต่ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่มีความหมายทางสติปัญญาเหมือนกับงานมงคลทั้งหลาย โดยจะมีการทำข้าวตอกดอกไม้และให้ผู้ที่เป็นญาติใกล้ชิดเดินโปรยนำขบวนแห่ศพ ซึ่งหมายถึงขออาราธนาเอาพระธรรมของพระพุทธเจ้านำทางให้แก่ดวงวิญญาณผู้วายชนม์ ตามด้วยพระสงฆ์ และศพผู้วายชนม์ นำกายสังขารไปสู่ความเป็นหนึ่งกับธรรมชาติ หวนคืนสู่ดิน น้ำ ไฟ ลม และนำวิญญาณขันธ์ไปสู่สภาวธรรมที่สูงขึ้นไปในสุคติภพ
ผมเองนั้น เคยเล่นแตรวงและต้องมีวัฒนธรรมการไหว้ครู รวมทั้งมักได้เล่นแตรวงในงานพิธีของชาวบ้านที่จะต้องมีการโปรยข้าวตอกดอกไม้อยู่เสมอเกือบสิบปี จึงคุ้นเคยกับข้าวตอกดอกไม้เหมือนเป็นสิ่งดาดดื่นทั่วไป ไม่มีความน่าสนใจอย่างเป็นพิเศษแต่ประการใด ทว่า ต่อเมื่อได้ไปมีครอบครัวอยู่ที่เชียงใหม่และได้ร่วมงานบุญประเพณีของชุมชนล้านนาซึ่งได้ชื่อว่ามีความสร้างสรรค์ทางศิลปหัตถกรรมเป็นหนึ่ง ซึ่งรวมทั้งการทำพุ่มพวงข้าวตอกดอกไม้ [๕] ก็เริ่มเห็นความน่าสนใจของวัฒนธรรมการจัดดอกไม้และการทำศิลปะตบแต่งเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และแสดงความเคารพต่อสิ่งศรัทธา
กระนั้นก็ตาม ก็ไม่เคยพบว่าจะได้ตื่นตาตื่นใจและประทับใจเท่ากับได้เห็นเหล่าศิษยานุศิษย์และญาติโยมของวัดเขาวังราชบุรี ทำขึ้นเป็นสักการะบูชาในงานบำเพ็ญกุศลศพเจ้าคุณพระราชวรเมธี(ยุ้ย อุปสนฺนโต)
ทุกอย่างมาจากองค์ประกอบแห่งความเป็นที่สุด
วัสดุอุปกรณ์การทำข้าวตอกดอกไม้
ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ทว่า มีความหมายและคุณค่าทางจิตใจมากอย่างยิ่ง วัด
หน่วยงาน และชุมชนต่างๆ หากสนใจก็สามารถจัดหาและทำด้วยตนเอง
ดังนี้
๑. รวงข้าวฟ่างแก่เต็มที่
๑ หมื่นรวง ข้าวตอกดอกไม้ที่เห็นในภาพนี้
เป็นพุ่มข้าวตอกดอกไม้ที่ทำมาจากรวงข้าวฟ่างจำนวนกว่า ๑๐,๐๐๐ รวง
โดยไปเลือกสรรมาจากข้าวฟ่างที่กำลังแก่เต็มที่
ไม่อ่อนเกินไปซึ่งจะทำให้คั่วไม่แตกเป็นดอกช่อสวยงาม
อีกทั้งไม่แก่จนเกินไปซึ่งจะทำให้เมล็ดข้าวฟ่างหลุดร่วงและรวงข้าวฟ้างไม่มีความเหนียว
หักและขาดง่าย
คณะของพระและญาติโยมต้องตระเวนขอซื้อจากชาวบ้านได้แห่งละเล็กน้อยตามไร่ต่างๆของชาวไร่ในจังหวัดราชบุรี
แต่ก็ไม่เพียงพอกับความต้องการ
จึงได้ไปรวบรวมมาจากอีกแหล่งหนึ่งที่ไร่ชาวบ้านที่ตากฟ้า ไพศาลี
และหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ จำเพาะการเลือกรวงข้าวฟ่าง
ก็สื่อถึงผลิตผลจากผืนดิน และการมีความหมายลึกซึ้ง ๓ มิติ คือ
ราชบุรีหรือเมืองแห่งราชา
นครสวรรค์หรือเมืองแห่งสรวงสวรรค์ และการเลือกกระจายไปหลายพื้นที่
ก็สื่อถึงความเป็นพืชพรรณที่งอกขึ้นเหมือนดอกไม้จากแผ่นดินของประเทศ
๒. ทราย ๒๐ คิว
การคั่วให้รวงข้าวฟ่างร้อนและแตกเป็นข้าวตอกดอกไม้
มีลักษณะเหมือนกับการคั่วเกาลัดด้วยผงกาแฟ
เป็นเคล็ดลับที่พระและญาติโยมทดลองทำและค้นพบว่าเป็นวิธีที่ดีสุด
การคั่วด้วยน้ำมันทุกรูปแบบจะทำให้ข้าวตอกแตกไม่สม่ำเสมอ ดำ สกปรก
ไม่เป็นช่อขาวสะอาดเหมือนการคั่วด้วยทราย และก้านรวงบางส่วนอาจจะไหม้
ทรายที่ใช้คั่วนี้เป็นทรายหยาบเหมือนกับที่ใช้ก่อสร้างทั่วไป
๓. หญ้ากระเทียม
ใช้สำหรับมัดขึ้นรูปเป็นลำต้นเหมือนโครงของพวงหรีด
เพื่อเสียบก้านข้าวตอกดอกไม้ให้ได้รูปทรงเป็นพุ่ม
๔. ต้นไผ่
ต้นไผ่จะนำมาทำเป็นแกนห่อและยึดเป็นโครงด้วยกำหญ้ากระเทียมเพื่อให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ
๕. ลวดและเชือก
ใช้สำหรับมัดหญ้ากระเทียมและตบแต่งรูปทรงของพุ่มข้าวตอกดอกไม้ตามที่ต้องการ
๖. กะทะและพลั่ว
สำหรับคั่วทรายและทำให้รวงข้าวฟ่างแตกเป็นข้าวตอกดอกไม้
๗.ถ่านที่ควันไม่มาก
มิติชุมชนกับการทำข้าวตอกดอกไม้จากรวงข้าวฟ่าง
เมื่อได้รวงข้าวฟ่างมาตามที่ต้องการแล้ว พระ แม่ชี และญาติโยม ก็นำรวงข้าวฟ่างมาทำเป็นพุ่มข้าวตอกดอกไม้ โดยเริ่มจากคั่วทรายในกะทะจนร้อนจัด จากนั้น ก็นำไปราดลงบนรวงข้าวฟ่าง ค่อยๆราดในกะทะทีละรวง ราดให้ได้ความร้อนจากเม็ดทรายอย่างทั่วถึง ไม่ถึง ๑๐ นาที รวงข้าวฟ่างก็จะแตกออกอย่างพร้อมเพรียงกันเหมือนกับการคั่วข้าวโพด เมื่อแตกจนหมดรวงแล้วก็สบัดทรายออกแล้วนำไปวางเรียงกัน ทำไปได้สักประมาณ ๑๐๐ ช่อรวง ทรายคั่วจะเริ่มดำ ก็จะเปลี่ยนทรายใหม่อีกกะทะหนึ่งไปเรื่อยๆ จนได้ข้าวตอกดอกไม้จากรวงข้าวฟ่างนับหมื่นช่อ
กระบวนการทำดังกล่าวนี้ แทบจะไม่มีรวงข้าวฟ่างที่เสียเลย และใช้เวลาทำอย่างประณีต ทุกช่อจะแตกเป็นข้าวตอกขาวสะอาด ความพิถีพิถันบรรจงจำเพาะในขั้นตอนนี้ก็ใช้เวลาเกือบ ๑ เดือน จากนั้น ก็นำวัสดุอุปกรณ์ต่างๆมาขึ้นโครง ห่อด้วยกำหญ้ากระเทียม แล้วก็ค่อยๆเสียบรวงข้าวตอกดอกไม้ขึ้นรูปเป็นพุ่ม ทำไปทีละต้นๆ แล้วจึงเริ่มนำมาจัดตบแต่งให้เป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ แซมด้วยองค์ประกอบอื่นๆ ตามที่ต้องการ ตลอดกระบวนการจะต้องระดมความร่วมแรงร่วมใจหมุนเวียนกันทำครั้งละ ๒๐-๓๐ คนต่อเนื่องเป็นแรมเดือน จนสามารถกล่าวได้ว่า หากขาดความเป็นชุมชนและขาดภูมิธรรมที่อยู่เบื้องหลังการจัดวางองค์ประกอบต่างๆแล้ว ก็จะไม่สามารถทำพุ่มข้าวตอกดอกไม้ออกมาในลักษณะนี้ได้
มิติการเรียนรู้และกระบวนการสืบทอดภูมิธรรมภูมิปัญญา องค์รวมความงามที่แยบคายและลึกซึ้ง
ข้าวตอกมาจากภาษาบาลีว่า ลาซา มีคุณลักษณะสื่อถึงพระพุทธลักษณะ ๓ ประการ [๖] คือ การแตกกระจายออกเป็นดอกเมื่อคั่ว สื่อความหมายถึงคุณลักษณะแห่งพระปัญญาธิคุณซึ่งมีกำลังแห่งความตื่นรู้ ข้ามกองแห่งทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง มีสีขาวสื่อถึงพลังแห่งความเป็นพระวิสุทธิคุณ น้อมสู่การปฏิบัติให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ได้ทุกคนอย่างปราศจากสิ่งที่เป็นโทษภัย และการแผ่ออกเป็นช่อ สื่อความหมายถึงความแผ่ไพศาลของพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณที่ยังประโยชน์สุขแก่หมู่ชนอย่างเสมอภาค เท่าเทียม เสมอกัน ในแง่การจัดวางองค์ประกอบของการทำข้าวตอกดอกไม้ จึงบ่งบอกถึงการมีภูมิธรรมและการแสดงออกถึงภูมิปัญญาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต รวมทั้งองค์ความรู้ต่างๆที่เชื่อมโยงอยู่กับระบบสังคมอย่างลึกซึ้ง
กระบวนการทำข้าวตอกดอกไม้อย่างที่เห็นนี้ ต้องใช้ความพากเพียร ต้องอาศัยความเป็นหมู่คณะ ต้องใช้ความรอบรู้ และมีความมุ่งมั่นแน่วแน่ต่อการทำองค์ประกอบต่างๆขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน เป็นกิจกรรมที่สอดแทรกกุศโลบายทั้งเพื่อพัฒนาการเรียนรู้สร้างความเป็นปึกแผ่นของกลุ่มก้อนและชุมชนอย่างแยบคาย
เป็นพลังความงามแห่งศิลป์ที่สร้างขึ้นจากองค์ประกอบความเป็นพื้นถิ่น มิติคุณค่าและความหมายของวัตถุ พลังความศรัทธา ภูมิธรรมของสังคม พลังจิตใจ และความเป็นชุมชน ซึ่งมีทั้งความงดงามและความเป็นวิถีชีวิตอย่างยิ่ง.
..............................................................................................................................................................................
เชิงอรรถ|อ้างอิงภาพและบทความ :
[๑] บทความ
ใส่ใจรายละเอียด กตัญญู และเชิดชูครูอาจารย์ : พระราชวรเมธี
(ยุ้ย อุปสนฺโต ปธ. ๙). วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ใน
http://gotoknow.org/blog/livelesson/331596
[๒] บทความ เขาวังราชบุรี : การผสมผสาน วัง วัด
อำมาตย์ บ้าน โรงเรียน. วิรัตน์ คำศรีจันทร์ ใน http://gotoknow.org/blog/civil-learning/331637
[๓] อ้างอิงภาพ
ไฟล์อัลบั้ม วิรัตน์ คำศรีจันทร์ http://gotoknow.org/file/wiratkmsr
[๔] อ่านและศึกษาเพิ่มเติม ใน
งามจริงงามถิ่นศิลปวัฒนธรรม : ตอนที่ ๑๓
เรื่องขันดอกล้านนา ใน e-radio
เข้าไปอ่านและฟังรายการวิทยุได้ที่ http://www.fm100cmu.com/fm100/100programs_detail.php?id_sub_group=83&id=3571 และ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณมณี พยอมยงค์
แห่งคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ศิลปินแห่งชาติและปราชญ์แห่งล้านนาไทย ใน ศิลปะและวัฒนธรรม :
ประเพณีดำหัวปีใหม่สงกรานต์ล้านนา
กองส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
[๕] ในวัฒนธรรมล้านนานั้น
ดอกไม้ ธูป เทียน ข้าวตอกดอกไม้
รวมทั้งภัตตาหารและสิ่งต่างๆที่เป็นเครื่องสักการะพระพุทธ พระธรรม
พระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในคติของชาวบ้าน
จะได้รับความนอมน้อมและเคารพบูชาไปด้วย เช่น
มีเพลงและคำกล่าวอัญเชิญดวงดอกไม้ไปยังแดนนิพพานและไปร่วมบูชาพระ
มีเพลงและคาถาอัญเชิญข้าวตอกดอกไม้ให้ร่วมไปเป็นผู้นั่งใกล้พระรัตนตรัย
ซึ่งสูงส่งเท่ากับความเป็นอุบาสกและอุบาสิกาของมนุษย์ เหล่านี้เป็นต้น
วัฒนธรรมเกี่ยวกับการทำข้าวตอกดอกไม้ของชาวล้านนาจึงมีภูมิปัญญาอยู่เบื้องหลังที่หนักแน่น
หลากหลาย งดงาม และมีความสืบเนื่องยาวนาน นอกจากนี้
ในพุทธประวัติและพุทธตำนานก็ได้มีการกล่าวถึงดอกไม้แห่งสวรรค์ชื่อ
ดอกมณฑารพ
ว่าจะโปรยลงมาจากสวรรค์เพื่อสักการะต่อพระพุทธองค์ในเหตุการณ์สำคัญ ๓
ครั้งคือเมื่อพุทธประสูติกาล ตรัสรู้
และเสด็จปรินิพพาน
จึงเป็นที่มาของการนำเอาดอกไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องสักการะบูชา
และการทำ ข้าวตอกดอกไม้ หรือ การทำดอกไม้พันดอกในวันเทศน์คาถาพัน
รวมไปจนถึงเทศกาลบูชาด้วยดอกไม้
ก็เป็นการสักการะบูชาต่อองค์รวมแห่งปัญญา คุณธรรม ความรักผู้คน
และความดีงาม
ที่แสดงในโอกาสพิเศษและมุ่งให้มีความหมายที่สุดต่อกรณีนั้นๆ
[๖] บทความ ข้าวตอก
ดอกไม้ ลำเทียน ใน Lanna
Corner.สถานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เข้าไปดูได้ใน www.lannacorner.net
เจริญพร
กราบนมัสการพระคุณเจ้า พระอาจารย์มหาแลครับ
อันที่จริงแถวบ้านหนองบัวและชุมชนโดยรอบของพระคุณเจ้า ผม และคนท้องถิ่นนครสวรรค์นั้น เราคุ้นเคยกับข้าวฟ่างและการทำข้าวตอกดอกไม้มาตั้งแต่เด็กนะครับ เวลาไฟป่ามาหรือเวลาเผาซังข้าว ทั้งในนาและในไร่ พอไฟลามไปตามปลวกและโพนที่มีต้นข้าวฟ่าง ก็จะเห็นข้าวฟ่างแตกเป็นช่อ แต่ไม่เคยนึกภาพออกเลยว่า เมื่อนำมาทำเป็นข้าวตอกดอกไม้แล้วจะดูงดงามอลังการอย่างที่ผมก็เพิ่งจะเคยเห็นเหมือนอย่างที่พระคุณเจ้าว่าเช่นกันครับ แล้วก็มีความหมายดีหลายด้านจริงๆเลยนะครับ
สื่อถึงผลิตผลจากผืนดิน และการมีความหมายลึกซึ้ง ๓ มิติ คือ ราชบุรีหรือเมืองแห่งราชา นครสวรรค์หรือเมืองแห่งสรวงสวรรค์ และพืชพรรณที่งอกขึ้นจากแผ่นดินของประเทศ
ความหมายลึกซึ้งดีครับ...คนราดรีกับคนนครสวรรค์ น่าจะได้รับรู้ความหมายที่ลึกซึ้งนี้และราดรีกับนครสวรรค์น่าจะเป็นเมืองคู่แฝดกันนะ
สวัสดีคุณสุเทพ : ราชบุรีครับราชบุรี ไม่ใช่ราตรี ไม่เห็นจะใกล้กันตรงไหนเลยนะนี่ ไปติดลมอะไรมาจากไหนกันล่ะท่าน ขอบคุณที่แวะมาเยือนกันเด๊อ
เมื่ออ่านๆ เจอว่า "ในงานที่เป็นอวมงคลดังเช่นงานศพ ก็มีธรรมเนียมการนำเอาข้าวตอกดอกไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมเช่นกัน "...จำได้ว่าสมัยเด็กเวลาตามคุยยายไปร่วมงานศพของคนในหมู่บ้าน ยายจะเอาข้าวตอกใส่ถุงไปหนึ่งถุง แต่สุดท้ายไม่ทราบว่าข้าวตอกเป็นส่วนไหนของพิธี.....เพราะยายจะไม่ชอบให้ตามยายไปตอนเผาศพ.....ขอบคุณสำหรับความรู้และเกร็ดวัฒนธรรมต่างๆค่ะ
สวัสดีครับคุณครูnoktalay :
อย่างที่คุณครูnoktalayรวบรวมข้อมูลตนเองไว้ให้ด้วยนี้ เป็นวิถีปฏิบัติของชาวบ้านในชนบทในอดีตเลยครับ นอกจากข้าวตอกแล้วก็มักจะมีมีดเหน็บติดมือไปด้วย
หากเป็นงานบวช งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ งานกวนข้าวยาคูหรือข้าวทิพย์ ก็จะมีมีด มะพร้าว ข้าวตอก ถั่ว งา ติดมือไปเหมือนกัน แต่จะเยอะกว่าการเตรียมไปร่วมงานศพ โดยทั่วไปแล้ว มีด งอบ และผ้าขาวม้า แทบจะเรียกว่าเป็นสิ่งที่ชาวบ้านทุกคนต้องมีไว้ติดตัว ซึ่งนอกจากจะเป็นสิ่งที่ทำให้พร้อมจะช่วยลงแรงทำการงานกันได้ทุกเมื่อแล้ว ในงานศพก็จะเหมือนเป็นเครื่องรางของขลังป้องกันสิ่งร้ายเข้าตัวอีกด้วย
วันที่ชาวบ้านถือสิ่งของเหล่านี้ไปช่วยกัน แถวบ้านผมจะเรียกว่าวันโฮมบุญ เป็นวันเอาแรงกันและระดมทรัพยากรต่างๆมาช่วยกัน ผมไปทำวิจัยชุมชนที่บ้านคลองใหม่ อำเภอสามพราณ จังหวัดนครปฐม ชาวบ้านเรียกวิถีปฏิบัติอย่างนี้ของชุมชนว่าการเอาแขกแรง ตอนที่ไปเวิร์คช็อปปฏิบัติการวิจัยชุมชนที่ฟิลิปปินส์และอินเดีย ก็มีวิธีระดมทรัพยากรอย่างนี้ที่หยิบยืมมาเป็นวิธีทำงานชุมชนอย่างนี้เหมือนกัน เรียกว่า Resources mobilization
เรื่องภูมิปัญญาและวิถีปฏิบัติอย่างนี้ มีความร่วมกันในสังคมต่างๆอย่างเป็นสากลมากทีเดียวครับ เพียงแต่มีความแตกต่างกันของการพูดและเรียกไปตามภาษาของตนเท่านั้น
สวัสดีค่ะอาจารย์
งามมากเลยค่ะ
ทั้งผลงาน และศรัทธา
ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ ขอบคุณมาก
อ่านเรื่องที่ทีมงานจะไปสุพรรณบุรีแล้วค่ะ พอดีหนังสือยังอยู่กับตัวอีกประมาณ 5 - 6 เล่ม จะส่งมาให้เพิ่มเติมนะคะ (เกรงว่าปริมาณจะไม่พอค่ะ เพราะเห็นว่าจะนำไปใช้ในเวิร์คช็อปด้วย)
หวังว่าจะประสบผลสำเร็จในการจัดกิจกรรม และเดินทางโดยปลอดภัยนะคะ
สวัสดีครับคุณณัฐรดา ตอนนี้เหลือ ๔-๕ เล่มแล้วครับ กะว่าจะเก็บไว้ รวมกับพวกวัสดุอุปกรณ์ สี กระดาษ และเครื่องเขียน สำหรับตระเวนจัดกิจกรรม ต้องใช้วิธีสะสมไปทีละนิดแล้วครับ เมื่อตอนก่อนไปเวิร์คช็อป ผมวางแผนและทำใจใหญ่ว่าจะเลือกซื้อกระดาษ พู่กัน สีน้ำ และอุปกรณ์ต่างๆอย่างดี กะว่าให้กลุ่มคนเข้าขนาดกลุ่ม ๔๐-๕๐ คน สามารถมีสีและเครื่องมือกันได้คนละชุด ครั้งต่อไปก็จะซื้อเพิ่มไปอีกเรื่อยๆ
คิดว่าคิดแบบเขียมมากแล้วนะครับ แต่ที่ไหนได้ พอไปเดินซื้อของนะครับ ปรากฏว่าสีหลอดเล็กนิดเดียว แถมไม่ใช่สีวินเซอร์เสียอีก ก็ปาเข้าไปหลอดละร้อยกว่าบาท เลยต้องรีบลดขนาดความฝันโดยพลัน เหลือ ๑๒ ชุด และแต่ละชุดก็ซื้อแค่แม่สีได้ ๓ สี ทางบริษัทเขาเห็นซื้อเป็นโหลและซื้อหลายอย่างก็แถมให้อีก ๑ สี แต่ก็พอเล่นได้ครับ เลยลองเอามาฝากให้ชมก่อนรูปหนึ่งครับ
รูปนี้เป็นรูปทดลองกระดาษและสีน้ำครับ สีใช้ได้ครับ แต่กระดาษไม่ดีเลย ขนาดตั้งกว่า ๒๐๐ แกรม แต่ยังหงิกหงอและอ่อนตัวจนปาดป้ายใส่ลูกเล่นทีแปรงไม่ได้เลยครับ แต่เข้าใจว่ายังฝึกไม่รู้ใจกัน ต้องขอคลำไปสักนิดหนึ่งก่อนครับ
มาอีกครั้งค่ะ (มาดูนามสกุลอาจารย์ให้แน่ใจ เพราะชอบจำสลับ บางทีจำเป็นศรีคำจันทร์ค่ะ)
มีสีวินเซอร์อยู่ประมาณ 20 หลอด ไม่ได้ใช้แล้วค่ะ (ลูกสาวเค้าใช้ตอนลงวิชาโฆษณา ตอนนี้จบคอร์สแล้ว) แต่ยังอยู่ในสภาพดี คงไม่ว่ากระไรนะคะที่จะส่งมาด้วย(ถึงจะเป็นวินเซอร์เกรดนักเรียน ไม่ใช่เกรดจิตรกร แต่ก็คงใช้ทำงานเวิร์คช็อปได้มังคะ)
มาชมงานอาจารย์อีกที
แถมด้วยข่าวไม่ค่อยดี หาสีไม่เจอค่ะ เลยส่งกระดาษมาแทน
ขออภัยจริงๆ
ภาพงดงามเสมอเลยค่ะ
เอาไว้ให้คนฝึกฝีมือเล่นเวลาทำกิจกรรมดีกว่าไหมครับ ไม่ต้องส่งไปให้หรอก ที่มักซื้อและเก็บไว้ทำกิจกรรมกันนั้น หากจัดหาไว้เอง จะใช้ไม่ทันไปบ้างก็จะเพียงเสียดายของ แต่ถ้าหากมีคนเสียสละส่งไปให้ ก็จะทั้งเสียดายที่ไม่ได้ใช้พร้อมกับจะรู้สึกไม่ได้ทำให้คนที่เขาส่งให้บรรลุวัตถุประสงค์ เป็นการบอกกล่าวสู่กันฟังในฐานะคนที่ทำกิจกรรมอย่างนี้ด้วยกันเฉยๆน่ะครับ
สวัสดี ครับ อ.วิรัตน์
แวะมาอ่านบันทึกนี้ก่อนเลิกงาน ครับ อาจารย์
ในชีวิตของผม ผมไม่เคยเห็น
ข้าวตอกดอกไม้ : ศิลป์แห่งศรัทธาและพลังชีวิตชุมชน
ภูมิปัญญาแบบนี้ ได้อะไรหลายๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างกลับเข้ามาสู่ชุมชน ความสามัคคี นำ้ใสใจจริง และที่สำคัญ การแตกฉานทางปัญญาของภูมิปัญญาคนสมัยก่อน ลุ่มลึก และงดงามมาก ๆ เลย นะครับ
และทำให้ผมคิดถึง คำ ๆ นี้อีกครั้ง ..เป็นอยู่อย่างพอเพียง..ทรงพลังและน่าศรัทธาเพิ่มขึ้นทุกวัน
งดงาม วิจิตรบรรจง ....เทียบค่า..ทางด้านจิตใจต่างกันมากนัก กับ ความคุ้นตาของผม ที่เคยไปร่วมงานเฉกเช่นนี้...แม้จะมีบริบทเหมือนกันหรือคล้ายกัน
วันนี้..ถือว่าเป็นบุญชีวิตอีกครั้ง ที่ได้มานั่งฟังอาจารย์ เล่าผ่านบันทึกนี้
ไม่เคยเสียดายเวลา ..ที่ได้มาพบกับอาจารย์ผ่านงานเขียนของอาจารย์สักครั้งเดียว
มิติการเรียนรู้และกระบวนการสืบทอดภูมิธรรมภูมิปัญญา องค์รวมความงามที่แยบคายและลึกซึ้ง
...รักและเคารพ..อาจารย์วิรัตน์ ครับ
สวัสดีครับคุณแสงแห่งความดีครับ
อธิบายภาพ : ข้าวตอกดอกไม้ที่มักเห็นโดยทั่วไป ในภาพเป็นช่อข้าวตอกดอกไม้ใช้ในชุดของไหว้ตามประเพณีรดน้ำดำหัว เทศกาลสงกรานต์
เรียนท่านอ.
เข้ามาอ่านบันทึกข้าวตอกนี้ครั้งหนึ่งแล้ว
แต่เป็นช่วงระยะที่งานล้นมือ
นึกเสียดายที่ไม่ได้ฝากรอยไว้
แต่จดจำว่าวันหนึ่งจะเรียนให้ทราบว่า
สมัยเป็นเด็กเดินตามแม่ไปตลาด
เคยเห็นเขาเอาข้าวตอกใส่น้ำกะทิซด
ยืนดูด้วยความสงสัย แต่แม่ก็ไม่เข้าใจ
นึกว่าคงอยากกิน เลยถูกเอ็ด
หลังจากนั้นเมื่อมีโอกาสมาตลาดลำพัง
จึงรีบไปซื้อรับประทานดู
ถึงได้เข้าใจว่าทำไมชายคนนั้น
จึงซดน้ำกระทิข้าวตอกดังช๊วบ
และเพิ่งเข้าใจว่าทำไมแม่จึงเอ็ดที่ไปยืนดูเขาซด
ก็เมื่อวันที่แม่รู้ว่าแอบไปตลาดโดยไม่ขออนุญาต
ขอบคุณบันทึกที่สะท้อนมาโดนใจค่ะ
สวัสดีครับคุณครูkrutoitingครับ
สวัสดีค่ะ
นี่เอง คือคำว่าข้าวตอกดอกไม้
เพิ่งได้เห็นเป็นครั้งแรกค่ะ
มีความประณีตในการทำ
และใช้ภูมิปัญญาสูงสุด
ขอบคุณบันทึกนี้ ที่ต้องจดจำ
ให้ได้มีโอกาสทราบความหมายของข้าวตอกดอกไม้ด้วยค่ะ
ใช่ครับ แต่เดิมผมก็เข้าใจว่า ข้าวตอกดอกไม้ เป็นการเรียกสิ่งของใส่บาตรให้คล้องจองและฟังดูไพเราะเฉยๆ แต่พอเห็นแล้วก็มีอันต้องยอมรับว่าเป็น ข้าวตอกดอกไม้ จริงๆ แถวอีสาน ดูเหมือนจะที่ยโสธรก็มีเทศกาลแห่ข้าวตอกดอกไม้ครับ นั่นก็ยิ่งอลังการและเป็นข้าวตอกดอกไม้จริงๆด้วยเช่นกันครับ