ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2549 ที่ผ่านมา จ๊ะจ๋าได้รับโอกาสอันดีในการเข้าร่วมงานประชุมภาคีจัดการความรู้ภาคราชการ ครั้งที่ 3 ณ ห้องประชุมกรมส่งเสริมการเกษตร ชั้น 5 กรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งงานวันนั้นมีผู้เข้าร่วมประชุมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานที่เคยเข้าร่วมเดิมและหน่วยงานใหม่อันได้แก่ กรมชลประทาน หน่วยส่งเสริมสุขภาพของกรมอนามัย กรมทางหลวง สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
กำหนดการประชุมครั้งนี้มี 3 วาระ นั่นคือ วาระที่ 1 แจ้งเพื่อทราบในการรับรองรายงานการประชุม และวาระที่ 2 มีข้อย่อยคือ
2.1 มหกรรม ”การจัดการความรู้ราชการไทยสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ” ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2549 เป็นการร่วมมือกันของ 3 หน่วยงานคือ สคส. กพร. และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ พร้อมทั้งได้มีการประชาสัมพันธ์การจัดงานนี้ในเวบไซด์ของสคส. กพร. และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ซึ่งในงานมหกรรมฯ นี้จะมีทั้ง CKO แกนนำผู้ขับเคลื่อนของกรม/จังหวัด ทั้งหมด 227 หน่วยงานเข้าร่วมงาน โดย สคส. เป็นผู้ Organize & Management และกพร. เป็นผู้ออกหนังสือเชิญ 227 หน่วยงาน ในการเข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในห้องย่อย พร้อมทั้งมีการจัดแสดงผลงานของ 10 หน่วยงานที่ทาง สคส. ได้ไปจับภาพหน่วยงานนั้นนำมาเสนอผลงานการจัดการความรู้ และมีคุณกิจประจำอยู่ที่บู๊ต เรียกง่ายๆ ว่าเป็นคลินิคคะ แต่ไม่ได้หมายความว่า 10 หน่วยงานนั้นคือ the best นะคะ แต่เราเพียงนำเสนอกลุ่มที่น่าสนใจ หน่วยงานที่มีการจัดการความรู้เนียนอยู่ในเนื้องาน และเวทีนี้ช่วยให้หน่วยงานต่างๆ ที่ทำการจัดการความรู้ได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน และที่สำคัญ เป้าหมายคือ หวังให้มี "การขับเคลื่อน KM ประเทศไทย" ในหน่วยงานราชการ
2.2 การออกแบบ สร้าง ใช้ Knowledge Assets ซึ่งคุณวรรณา เลิสวิจิตรจรัส ได้นำเสนอว่า สคส. มีการจัดเก็บคลังความรู้หลายช่องทางคือ
สำหรับหน่วยงานอื่นที่ได้นำเสนอคือ
1. ศูนย์สื่อส่งเสริมสุขภาพ กรมอนามัย ในการจัดตั้งศูนย์นี้เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม ประมวลความรู้ ด้านการส่งเสริมสุขภาพ และเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงความรู้ของกรม 26 หน่วยงาน และเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหน่วยงาน และบุคคลภายนอก
Explicit knowledge คือหนังสือวิชาการและเวปไซด์ (http://KCenter.anamai.moph.go.th ) Knowledge Assets คือ ความรู้เรื่องการจัดการความรู้ ฐานข้อมูลศึกษา วิจัย องค์ความรู้ และผลผลิต (ส่งเสริมสุขภาพ/ เวทีแลกเปลียนเรียนรู้/ ศูนย์ข้อมูล/ ประชุมวิชาการ/ ศูนย์ความรู้/ รณรงค์สร้างกระแส/เวปไซด์)
Tacit knowledge คือ กิจกรรมต่างๆ ลานแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (www.gotoknow.org/kmanamai )
2. กองแผนงาน กรมอนามัย มีลักษณะงานที่ต้องทำงานประจำร่วมกับงานที่ต้องช่วยหน่วยงานอื่น ดังนั้นในกองแผนงานจึงไม่สามารถใช้รูปแบบของ Story Telling ได้ จึงทำการจัดเก็บในรูปแบบของ Portfolio (แฟ้มสะสมงาน) เป็นแฟ้มภูมิปัญญาเก็บความรู้ฝังลึก (Tacit knowledge) ของเจ้าหน้าที่แต่ละคน และในการบันทึกจะให้อิสระ เพราะความหลากหลายของบุคลากรในกองแผนงาน
แฟ้มสะสมงานนี้มี 3 ส่วนคือ ส่วนแรก เป็นงานและรายละเอียดของงาน ส่วนที่สอง บันทึกผลคลังความรู้/ ภูมิปัญญา ส่วนที่สาม ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหัวหน้ากลุ่มงาน เพื่อนร่วมงาน ซึ่งในการจัดทำแฟ้มสะสมงานนี้เป็นการพัฒนาคน (เจ้าของแฟ้ม)
นอกจากนั้น กองแผนงานยังมีเวปไซด์ของศูนย์ฯ จัดเก็บข้อมูลเป็นคลังความรู้เป้าหมายคือ 1) คนที่ทำงานเกิดความภูมิใจในตนเอง ความรู้ที่เกิดจากการทำงาน 2) วิธีการที่ชักชวนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกระบวนการ
3. สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ได้นำเสนอการจัดเก็บข้อมูล โดยใช้โปรแกรม Share Point ซึ่งการรวบรวมข้อมูลของสถาบันใน website ของสถาบันฯ ให้ครบถ้วนใช้ระยะเวลา 1 ปี และยังมีการนำ Share Point มาใช้ในการสื่อสารของบุคลากรภายในสถาบันฯ (Intranet) เพื่อรับทราบว่าบุคลากรภายในองค์กรทำงานอยู่แห่งใด มีกำหนดการดำเนินงานอย่างไร เนื่องจากบุคลากรของสถาบันฯ ออกไปทำงานนอกสถานที่อีกด้วย
4. กรมส่งเสริมการเกษตร โดยการนำกระบวนการ KM เข้าไปจัดเก็บคลังความรู้จากเรื่องเล่าเร้าพลัง (Story telling) เกิดการสกัดความรู้
- กลยุทธ์ในการให้รางวัล (ประกวดการสร้างเวปไซด์)
- คลังความรู้ · เอกสารจัดเก็บในห้องสมุด · เวปไซด์ www.DOAE.moac.go.th · การจัดทำ ว. (จัดเก็บในทะเบียน)คลังความรู้ 1) ในรูปแบบเรื่องเล่าเร้าพลัง มีการบันทึกแล้วหลายจังหวัด เช่น กำแพงเพชร 120 เรื่อง, น่าน 20 เรื่อง ขณะนี้กำลังดำเนินการจัดเก็บเรื่องเล่าเหล่านี้ในเวปไซด์ส่วนกลาง 2) ต้องการนำตัวอย่างดี (Best practice) เพื่อนำไปเผยแพร่ให้คนทั่วไปรับทราบ 3) การทำเป็นเอกสาร จัดเก็บและทำทะเบียนในห้องสมุดของแต่ละจังหวัด เพื่อวัฒนธรรมสร้างคลังความรู้ 4) การทำ CD เช่น Clip VDO, VCD
5. สถาบันบำราศนราดูร นำเสนอความรู้ ซึ่งมีทั้ง ตำราห้องสมุด, Guideline, มาตรฐานต่างๆ , งานวิจัย, Best practice ออกแบบเครื่องมือ ทั้งในรูปบล็อก เวปไซด์ (www.bamras.org), Intranet, E-mail, ห้องสมุด, เอกสาร (ตำรา, Guideline, สถิติ, Module ของหลักสูตร) CD, เอกสารประจำปี, หนังสือ วิธีที่สกัดความรู้ ได้แก่ การประชุม PCT ประจำเดือน, การประชุมหน่วยงาน, Journal Club, M&M Conference การสร้างคลังความรู้
6. โรงพยาบาลศิริราช องค์ความรู้ที่แปลงจากงานที่ปฏิบัติ
รูปแบบจัดเก็บเป็น File, Lotus Note/website, รูปภาพ, Model, Multimedia
กิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดการผลิตองค์ความรู้ ระบบมาตรฐานพัฒนาคุณภาพประชุมวิชาการQuality Conference/ Quality Fairโครงการ Care Teamโครงการ R2Rสารศิริราช – บทความที่แพทย์เป็นผู้จัดทำเพื่อเผยแพร่CoP (Community of Practice)
จากการเป็นผู้เข้าร่วมครั้งนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจที่อยากจะเล่าให้ทุกท่านคือ- กรมอนามัยมีการจัดเก็บคลังความรู้ในรูปแฟ้มสะสมงาน เป็นการพัฒนาคนและงานที่น่าสนใจ
- ส่วนใหญ่การนำเสนอการจัดเก็บข้อมูลเป็นคลังความรู้ เนิน ICT มากเกินไป- มีจำนวนการบันทึก Blog มากขึ้น ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร, กรมอนามัย, กรมส่างเสริมการเกษตร
- กลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของผู้ร่วมงาน เพื่อร่วมมือให้งานสำเร็จและคนปฏิบัติงานมีความสุข - อยากให้ผู้นำเสนอผลงานเป็นคุณอำนวย หรือ คุณกิจ แทนที่คุณเอื้อของหน่วยงานนั้นๆ เช่น สถาบันบำราศนราดูร - มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานราชการอื่นๆ มากขึ้น ได้แก่ กรมชลประทาน, กรมทางหลวง, ม. สุโขทัยธรรมาธิราช, สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติไม่มีความเห็น