นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การเคหะแห่งชาติ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อร่วมหาแนวทางลดภาระแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ขอกู้ในโครงการบ้านเอื้ออาทร ในภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงในปัจจุบัน ว่า ธอส.พร้อมที่จะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในปีแรกที่ 5.5% ให้กับผู้ที่กู้ซื้อบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรไปจนถึงสิ้นปี นับจากเดือนกันยายนนี้ และในปีต่อไปคิดในอัตรา 6% และ 6.5% ตามลำดับ ดังนั้น ผู้ที่ทำสัญญากู้สินเชื่อในโครงการบ้านเอื้ออาทร กับ ธอส.ภายในปีนี้ จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 5.5% ในปีแรก หรือผ่อนชำระประมาณ 1,800 บาทต่อเดือนด้าน นายวัฒนา เมืองสุข รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยมีความสามารถในการชำระเงินกู้ในระดับ 1,800 บาทต่อเดือน ซึ่งจะช่วยลดภาระจากค่าครองชีพที่แพงขึ้นได้ระดับหนึ่ง โดยปีนี้การเคหะแห่งชาติ มีจำนวนบ้านที่จะส่งมอบแก่ผู้กู้จำนวน 1 หมื่นยูนิต คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 3,600 ล้านบาท และมีแผนที่จะก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรอีกกว่า 5 แสนยูนิต เพื่อให้ได้ 6 แสนยูนิต ในปี 2553 ตามนโยบายรัฐบาล โดยปีนี้จะมีการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรจำนวนมากที่สุด 244,000 หน่วย “ถือเป็นแนวทางเบื้องต้น ที่เราจะช่วยลดภาระแก่ผู้กู้ในโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยปีแรกเราขอให้ ธอส.ตรึงอัตราดอกเบี้ยให้ แต่ปีถัดไป เราก็จะหามาตรการมาช่วยเหลือ เบื้องต้น คิดว่า ต้องหารือกับแบงก์ชาติ เพื่อให้ปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำแก่ธนาคาร เพื่อให้ธนาคารนำไปปล่อยกู้ในโครงการบ้านเอื้ออาทรในอัตราดอกเบี้ยต่ำได้อีกต่อหนึ่ง” สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาต้นทุนการเงินแก่ ธอส.ระยะยาวนั้น ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ให้ ธอส.นำสินเชื่อโครงการบ้านเอื้ออาทรดังกล่าวไปแปลงเป็นหลักทรัพย์ หรือ ซิเคียวริไทเซชั่น ขณะเดียวกัน ก็เห็นควรให้ ธอส. เป็นผู้ให้กู้โดยตรงกับผู้กู้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ จะเป็นหน้าที่ของการเคหะแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการ ซึ่งจะต้องมีการหารือเพื่อวางหลักเกณฑ์ ที่ชัดเจนอีกครั้ง ทั้งนี้ ในปีหน้าการเคหะแห่งชาติมีแผนที่จะก่อสร้างบ้านเอื้ออาทรจำนวน 1.4 แสนยูนิต สำหรับผลกระทบต่อ ธอส.นั้น นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธอส.กล่าวว่า ธนาคารจำเป็นต้องแบกรับต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีต้นทุนดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.25% รวมต้นทุนการบริหารจัดการอีก 1% ส่วนกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะพิจารณาปรับดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ (7 มิ.ย.) นั้น ทางธนาคารคงจะต้องนำผลการประชุมมาพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าทั่วไปอีกครั้ง เพื่อให้เหมาะสมกับต้นทุนของธนาคาร "ที่ผ่านมา เรามีต้องบริหารสภาพคล่อง จึงต้องมีการระดมเงินฝาก ตอนนี้เรามีต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 5.25% ซึ่งเราก็แบกรับไว้ค่อนข้างเยอะ สำหรับดอกเบี้ยที่ให้กับการเคหะฯ ที่ 5.5%" นายขรรค์ กล่าว กคช.ชี้ ช่วยแบ่งเบาภาระผู้มีรายได้น้อย นางชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ( กคช.) กล่าวว่า ประชาชนที่ได้รับสิทธิบ้านเอื้ออาทรต้องรับภาระดอกเบี้ยในอัตรา 5.5% ในปีแรก ส่วนปีที่ 2 ดอกเบี้ยอยู่ที่ 6% และ 6.5% ในปีที่ 3 ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากเดิมที่เคยผ่อนในอัตราดอกเบี้ยคงที่แบบขั้นบันได 3 ปี ที่อัตรา 4 5% และ 6% ซึ่งเท่ากับว่าประชาชนต้องแบกรับภาระกับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นถึง 1.5% ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ แต่เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น ทั้ง กคช. และ ธอส. ได้พยายามที่จะหาทางบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากที่สุด ก่อนหน้านี้ นายขรรค์ ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ลูกค้าโครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อยประสบปัญหาในการขอสินเชื่อซื้อบ้าน ซึ่งที่ผ่านมา ธอส.กับผู้บริหารของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้มีการหารือถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคพร้อมทั้งแนวทางในการแก้ไข เบื้องต้น ธอส.ยืนยันอัตราดอกเบี้ยกู้ซื้อบ้านโครงการบ้านเอื้ออาทรเดิมไปจนถึง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 แต่หลังจากนี้ จะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามภาวการณ์ของตลาด โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยซื้อบ้านในโครงการบ้านเอื้ออาทรนั้นคิดตามอัตราที่ปรับขึ้นล่าสุดเมื่อปลายเดือนเมษายน 2549 คือ 1 ปีแรก อัตราดอกเบี้ย 5.5% ปีที่ 2 ดอกเบี้ย 6% ปีที่ 3 ดอกเบี้ย 6.5% และปีที่ 4 เป็นต้นไป ธอส. คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อย (MRR) - 0.5% ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกนับจากเริ่มปล่อยกู้โครงการบ้านเอื้ออาทรมา ซึ่งเดิม ธอส. คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีแรก เฉลี่ย 4% ต่อปี ปีที่ 4 - 5 อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย ปีที่ 6 เป็นต้นไปเท่ากับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว - 0.25% กรุงเทพธุรกิจ
ตอนเซนต์สัญญาโครงการบ้านเอื้ออาทรกับธนาคารในวันที่ 4 ธันวาคม 2550 ธนาคารบอกว่าปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้คงที่ ที่ ร้อยละ 3.75 ต่อปี แต่พอดูอัตราดอกเบี้ยเดือน ก.ค.-ส.ค. 51 เป็นร้อยละ 5.50 ทั้งที่รัฐมนตรีการคลังบอกว่าจะเริ่มอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5.50 ในเดือนกันยายน 2551 เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่เซนต์สัญญาในปีนี้ ขอให้ธนาคารอธิบายด้วยค่ะ
ชื่อบ้านเอื้ออาทร
บ้านราคาถูก แต่ดอกเบี้ยไม่ไหวแพงโคตร
เอาเปรียบผู้มีรายได้น้อยมากไปอ่ะป่าวท่านรัฐมนตรี
ถ้ารวยคงไปซื้อบ้านแถวบ้านท่านรัฐมนตรีทั้งหลายแล้ว
แต่นี้จน+เงินน้อย เลยมาซื้อบ้านเอื้ออาทร กะไม่ให้ลืมตาอ้าปากได้เลย
ซื้อบ้านเอื้ออาทรได้ 4 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ ดอกเบี้ย 7.29% อยากร้องไห้ ทำไงดีละ