สศช. รื้อประมาณการจีดีพีใหม่ทั้งปีโต 4.2%


สศช. รื้อประมาณการจีดีพีใหม่ทั้งปีโต 4.2%
นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  (สศช.)  แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสแรกปี 49 ว่า ขยายตัว 6% ซึ่งสูงกว่า 3.2% ของไตรมาสแรกปี 48 และสูงกว่า 4.7% ในไตรมาสที่ 4 ปี 48 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 14.1% และราคาเพิ่มขึ้น 3.3% ทำให้มูลค่าการส่งออกในรูปเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 17.9% รวมถึงภาคการเกษตรขยายตัว 7.1%  จากปี 48  ซึ่งหดตัว 2.4% และมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 21.7% ทำให้มีค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในประเทศเพิ่ม 25.2% เทียบกับที่เพิ่ม 1% ในปี 48    อย่างไรก็ดี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงมากในไตรมาสแรก ที่  5.7%  โดยราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น 40.9%  แต่เศรษฐกิจก็ยังขยายตัวได้ดี เนื่องจากไตรมาสแรกของปี 48 จีดีพีขยายตัวเพียง 3.2% ส่วนการลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลงชัดเจน โดยขยายตัว 7.2% เทียบกับที่ขยายตัว 11.3% ของทั้งปี 48  ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนไตรมาสแรกค่อนข้างทรงตัว โดยเพิ่มขึ้น 4.1% เท่ากับไตรมาส  ที่ผ่านมาสำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจปี 49   สศช. ได้ปรับลดประมาณการจากที่แถลงไว้เมื่อ 6 มี.ค.49 ที่ 4.5-5.5% ลงเป็น 4.2-4.9% โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.6% ด้วยความน่าจะเป็นที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงนี้   มีประมาณ 86% และคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อ 4.5-4.7% อีกทั้งคาดว่าจะมีการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเล็กน้อย      ที่ประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 0.5% ของจีดีพี และได้ปรับลดการลงทุนรวมอยู่ที่  4.7% จากเดิม     ที่คาดไว้ 8.7% โดยจะเป็นการลงทุนของเอกชน 4.9% จากที่คาดไว้เดิม 9.3% และการลงทุนภาครัฐ 4% จาก       ที่คาดไว้เดิม 6.8%นายอำพนกล่าวว่า ปัจจัยที่เป็นสาเหตุหลักของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในปี 49 คือ ราคาน้ำมันดิบ ในตลาดโลกที่ยังเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้มีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะมีราคาเฉลี่ยในปี 49 ที่ 62-65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะเดียวกันมีสัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกในครึ่งปีหลัง ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย โดยเฉพาะหมวดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขยายตัวสูงมากในครึ่งปีแรก ทำให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ 13-15% ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ 17.5%นอกจากนี้ ยังมีปัญหาแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นปี 49 ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้   เอ็มแอลอาร์เฉลี่ยที่ 7.6-8%  ทำให้สินเชื่อรายย่อย  สินเชื่อเพื่อการบริโภค ขยายตัว ที่ 11.7% ชะลอลงจากปี 48 ซึ่งอยู่ที่ 14.7%  รวมถึงสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจาก 16% ในปี 48 เหลือ 9.5% ในปี 49 รวมทั้งความมั่นใจของผู้บริโภคและภาคประชาชนลดลงในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา  ส่วนในภาพรวมที่ปรับประมาณการลงจากในครั้งก่อนเล็กน้อย   เนื่องจากการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการสุทธิที่สูงกว่า   ที่ประมาณการไว้เดิมช่วยชดเชยการปรับลดการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ ช่วงเวลาที่เหลือ    เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังชะลอตัว รัฐบาลจะต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
รวมทั้งงบกันเหลื่อมปีเพื่อให้เบิกจ่ายได้
93% ตามเป้าหมาย เนื่องจากยังมีเม็ดเงินลงทุนที่ค้างเบิกจ่าย            เพื่อเร่งให้เข้าสู่ระบบถึง 478,000 ล้านบาท ซึ่งการบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ดีของภาครัฐจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในการลงทุนของในและต่างประเทศ  และจะทำให้จีดีพีตลอดทั้งปี 49 สูงกว่าปี 48 ได้  โดยจะสามารถขยายได้ 4.6% เป็นอย่างต่ำ เพราะจะเห็นได้จากครึ่งปีแรกของปี 48 จีดีพีขยายตัวต่ำกว่า 4% แต่สามารถดันให้สิ้นปี     ขยายได้ถึง 4.5%   ดังนั้น จะต้องไม่ปล่อยให้การบริหารเศรษฐกิจแกว่งไปเรื่อย ๆ จนกระทบกับความมั่นใจ ส่วนปัญหาทางการเมืองเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ลำบาก จึงไม่ได้กำหนดไว้ในการประมาณการเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายขึ้น โดยสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนคือภาครัฐจะต้องเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนการใช้จ่ายภาคการลงทุนจากโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน
ด้านนายทนง พิทยะ รมว.คลัง กล่าวว่าผลจากการรายงานอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ สศช. ระบุว่าขยายตัว 6% น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และหากไตรมาสที่ 2 ยังมีการเติบโตสูง ก็คาดว่าตลอดทั้งปีนี้เศรษฐกิจไทยน่าจะขยายตัวได้ 4.50% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 และ 4 ที่เหลือยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะการลงทุนใหม่ของภาคเอกชน จึงจำเป็นต้องเร่งการลงทุนของภาคเอกชนให้มากขึ้น

ไทยรัฐ  6  มิ.ย.  49

คำสำคัญ (Tags): #จีดีพี
หมายเลขบันทึก: 33146เขียนเมื่อ 7 มิถุนายน 2006 08:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:06 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท